ตอนที่ 2185 ข่าวการหายตัวไปของตะขาบน้ำค้าง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ในเมื่อท่านอาวุโสพัฒนาระดับจนมาถึงระดับมหายานแล้ว แถมมองปราดเดียวยังสนใจข้า ต่อให้ชนรุ่นหลังหลอกตัวเองก็รู้ว่าไม่อาจพูดแค่สองสามคำแล้วจะปิดบังได้” ชายร่างใหญ่ไว้เคราหัวเราะอย่างขมขื่นออกมาแล้วเอ่ย

“หึๆ ก่อนที่จะพบเจ้าข้าก็คิดไม่ถึงว่าร่างเดิมของอสูรศักดิ์สิทธิ์เทียนหลานที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในแดนมนุษย์จะเป็นหนึ่งในเจ็ดราชาปีศาจ สหายเทียนหลาน ร่างแยกเทียนหลานของเจ้าปากแข็งมาก คาดไม่ถึงว่าจะเผยพิรุธใดๆ ในแดนมนุษย์” หานลี่หัวเราะหึๆ สายตาแปลกประหลาดขณะเอ่ย

ราชาหนูสวรรค์ก็คือร่างเที่ยงแท้ของอสูรศักดิ์สิทธิ์เทียนหลานที่แดนมนุษย์ตัวนั้น

“นี่เป็นเรื่องที่ผู้ใดก็คิดไม่ถึงจริงๆ หนึ่งพันกว่าปีก่อน ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ข้าไม่เคยแยแสคนหนึ่ง ครานี้จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมหายานที่ข้าก็ต้องเคารพนับถือ ทว่า ข้าและท่านอาวุโสไม่มีความแค้นต่อกัน แม้กระทั่งร่างแยกและท่านอาวุโสก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จากฐานะของท่านอาวุโสในยามนี้คงไม่ได้มาหาเรื่อง ‘ชนรุ่นหลัง’ อย่างข้าหรอกกระมัง” เอ่ยมาถึงตอนสุดท้าย เสียงของชายร่างใหญ่ไว้เคราก็เบาลงสองสามส่วน

“ไม่ผิด ร่างแยกในแดนมนุษย์ของเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับข้า ทว่าก่อนหน้านี้ยามที่เพิ่งจุติลงมา มันเกือบจะร่วมมือกับคนอื่นๆ ปลิดชีวิตของข้า ข้าจะ ‘คิดบัญชี’ กับร่างหลักของเจ้าก่อน ก็ไม่สมเหตุสมผลอันใดสินะ?” หานลี่หยักมุมปากขึ้น เอ่ยสิ่งที่ทำให้ราชาหนูหมดคำพูดอย่างราบเรียบ

“เรื่องในแดนมนุษย์ในตอนแรกเป็นความเข้าใจผิด ร่างแยกของชนรุ่นหลังอาศัยการลงมาจุติ ยามแรกก็ไม่มีสติสัมปชัญญะ แค่ถูกคนหลอกใช้เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นสุดท้ายท่านอาวุโสก็กลายเป็นสหายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เทียนหลานมิใช่หรือ!” ภายใต้อารามร้อนใจของราชาหนูสวรรค์ จึงรีบร้อนเอ่ยให้ตนเองหลุดพ้นโทษ

“เจ้าพูดเหมือนมีเหตุผล แต่ก็ต้องดูว่าข้ายอมรับคำอธิบายนี้หรือไม่!” หานลี่หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย

“ท่านอาวุโสหาน ท่านจะทำอย่างไรถึงจะยอมปล่อยจุดนี้ไป ไม่ว่าจะเงื่อนไขใดขอแค่ชนรุ่นหลังทำได้ ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” ภายใต้การจ้องเขม็งของหานลี่ ในที่สุดราชาหนูสวรรค์ก็ถึงบางอ้อ หลังจากขบคิดเล็กน้อยถึงได้กัดฟันเอ่ย

แม้ว่าคำพูดของหานลี่จะไม่มีเหตุผล แต่ขณะที่พละกำลังแตกต่างกันมาก ราชาหนูสวรรค์ผู้นี้ก็ทำได้เพียงบีบจมูกแล้วยอมรับว่าตนเองโชคร้ายเท่านั้น

“ได้ ในเมื่อสหายสวรรค์ยอมรับกับเรื่องก่อนหน้า ข้าน้อยก็จะไม่บีบไม่ปล่อย เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน เจ้าบอกเบาะแสตะขาบน้ำค้างหกปีกกับผู้แซ่หาน ก็จะถือว่าหายกัน” หานลี่หาวหวอด ปากก็เอ่ยคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา แต่เมื่อสองประโยคสุดท้ายเข้าโสตของราชาหนูสวรรค์ ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นเสียงอึกทึก จนทำให้หน้าเปลี่ยนสีราวกับถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปาน

“ตะขาบน้ำค้างหกปีก ท่าน…ท่านอาวุโสหานล้อเล่นแล้ว แมลงวิญญาณตัวนั้นหนีไปเอง ชนรุ่นหลังจะรู้เบาะแสได้อย่างไร” ราชาหนูสวรรค์พลันลนลาน แทบจะอธิบายออกมาทันทีตามจิตสำนึก แต่เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปาก กลับหน้าเปลี่ยนสีเผยสีหน้าเสียใจออกมาทันที

“อ๋อ ข้าบอกคนอื่นตอนไหนว่าตะขาบน้ำค้างหกปีกหนีไปเอง” หานลี่มีสีหน้าดูเหมือนจะอมยิ้มแต่ก็ไม่อมยิ้ม แต่ปากกลับเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด “เอาล่ะ ข้าน้อยยอมรับว่ารู้เรื่องตะขาบน้ำค้างหกปีกเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะพูดถึงเบาะแสของมัน ข้าน้อยอยากรู้ว่าท่านอาวุโสรู้ว่าข้าเคยพบแมลงตัวนั้นได้อย่างไร ชนรุ่นหลังมั่นใจว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับบุคคลที่สอง” ชายร่างใหญ่ไว้เครามีสีหน้าดูไม่ได้ หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็มั่นใจว่าไม่มีทางปกปิดต่อไปได้อีก จึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาพลางยอมรับ แต่สุดท้ายก็เอ่ยซักถามต่ออย่างไม่เต็มใจ

“เรื่องนี้นั้นง่ายมาก! ไม่ต้องให้ข้าพูด เจ้าเองก็น่าจะเดาได้” ใบหน้าของหานลี่มีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ

“ข้าน่าจะคิดได้…แมลงวิญญาณตัวนั้นเคยยอมรับท่านอาวุโสหานเป็นเจ้านาย หรือว่าด้วยเหตุนี้ถึงได้…” ชายร่างใหญ่ไว้เคราแววตาเปล่งประกายอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เผยสีหน้าถึงบางอ้อออกมา

“ใช่แล้ว แม้ว่าตอนแรกตะขาบน้ำค้างหกปีกจะตัดความสัมพันธ์การเป็นนายบ่าวกับข้าด้วยคาถาโลหิตจนหลุดออกจากการควบคุม แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณที่เบาบางมากอยู่ ในเมื่อเจ้าและมันอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง ย่อมแปดเปื้อนกลิ่นอายของมัน แม้ว่าจะผ่านมาสักระยะแล้ว กลิ่นอายนี้ก็เลือนรางจนแทบไม่เห็น แต่กลับไม่สามารถปกปิดบังจิตสัมผัสของข้าได้” หานลี่กลับไม่มีเจตนาจะปิดบัง แล้วบอกอย่างไร้กังวล

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! ทว่าหนึ่งในนั้นเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ท่านอาวุโสหานเพิ่มขึ้น คนทั่วไปจะอาศัยพลังจิตวิญญาณก็สามารถสัมผัสกลิ่นอายเมื่อหลายปีก่อนได้อย่างไร และข้าน้อยก็บังเอิญมาพบกับท่านอาวุโสยามนี้พอดี!” ชายร่างใหญ่ไว้เคราได้ยินพลันมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสชั่วครู่ แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างจนปัญญา

“เอาล่ะ ข้าบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้แล้ว ยามนี้ก็น่าจะบอกเบาะแสของตะขาบน้ำค้างหกปีกได้แล้ว สหายน่าจะรู้ว่าไม่ควรพูดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถืออกมาสินะ มิเช่นนั้นหากข้าหาแมลงวิญญาณตัวนั้นพบ ย่อมพิสูจน์ความจริงได้อย่างง่ายดาย” หานลี่เอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ

ราชาหนูสวรรค์ได้ยินกลับใจหายวาบ เดิมที่ระมัดระวังก็หายวับไป แล้วรีบร้อนอธิบาย

“ท่านอาวุโสหานวางใจเถิด ข้าและตะขาบน้ำค้างหกปีกตัวนั้นพบกันด้วยความบังเอิญ และเห็นอานุภาพที่น่าตกตะลึงของมันถึงได้มีความคิดเฉียบแหลมอยากจะทำการแลกเปลี่ยนกับมันเท่านั้น”

“แลกเปลี่ยน?” หานลี่ได้ยินพลันเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ใช่แล้วเรื่องนี้ต้องย้อนไปปีที่ข้าได้ ‘เคล็ดวิชาหยินเที่ยงแท้ดับวิญญาณ’ เคล็ดวิชานี้เป็นอิทธิฤทธิ์เหนือชั้นของเคล็ดวิชาลับในคัมภีร์หน้ากระดาษสีทอง ตอนนั้นข้าเคย…” ราชาหนูสวรรค์ไม่กล้าปิดบังอันใด เริ่มอธิบายออกมาอย่างหมดเปลือก

หานลี่นั่งสมาธิลงตรงข้ามแล้วฟังอธิบายอย่างละเอียด สีหน้าราบเรียบ แต่ในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมาเป็นบางครั้งคราว

“เช่นนั้นหลังจากที่ข้าและตะขาบน้ำค้างหกปีกแยกกัน ชนรุ่นหลังก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของมันอีก หากไม่ใช่เพราะในมือของข้ามีแผ่นป้ายวิญญาณประจำกาย เกรงว่าคงไม่กล้ามั่นใจว่ามันยังมีชีวิตอยู่ในแดนป่าเถื่อน” ราชาหนูสวรรค์ถอนหายใจ ในที่สุดก็อธิบายของตนเสร็จ และปรบมือไปที่หว่างเอวอย่างรู้จักวางตัวมาก หยิบแผ่นป้ายผลึกสีฟ้าอ่อนออกมา แล้วประสานมือคารวะหานลี่

หานลี่กวาดสายตาไปบนแผ่นป้ายผลึก และรับมาทันที กลับเอ่ยถามอย่างมีแผนการณ์

“จากที่เจ้าพูด ตะขาบน้ำค้างหกปีกได้เคล็ดวิชาหยินเที่ยงแท้ดับวิญญาณขอเจ้า ไม่เพียงจะพัฒนามาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ แม้กระทั่งอาจจะมีโอกาสพัฒนาขึ้นไประดับมหายาน คำนี้ไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ”

“ท่านอาวุโสหาน ไม่ใช่ว่าข้าน้อยพูดเกินจริง แต่เคล็ดวิชาหยินเที่ยงแท้ดับวิญญาณมีอิทธิฤทธิ์ผกผันฟ้าดิน ชิงฟ้าดินสร้างความโชคดีได้ หากไม่ใช่เพราะเผ่าและคุณสมบัติของข้าน้อยไม่อาจฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้ จะถ่ายทอดให้แมลงวิญญาณตัวนั้นง่ายๆ ได้อย่างไร” ราชาหนูสวรรค์เอ่ยแล้วสั่นศีรษะรัวๆ

“อืม ดูแล้วสิ่งที่เจ้าพูดดูเหมือนจะไม่โกหก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นปมของเจ้ากับข้าในอดีตก็ถูกแก้ไขแล้ว”หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง มือหนึ่งกวักออกไป ดูดแผ่นป้ายผลึกในมือของชายร่างใหญ่ไว้เครามา

ราชาหนูสวรรค์เห็นเช่นนั้นถึงได้ผ่อนคลายลงจริงๆ

จากตำแหน่งพลังยุทธ์ในยามนี้ ย่อมไม่อาจพูดโกหกกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้ได้

หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปที่แผ่นป้ายผลึกรอบหนึ่งพยักหน้าแล้วยืนขึ้นทันใด ดูเหมือนจะตัดสินใจจากไปแล้ว

ราชาหนูสวรรค์รีบหยัดกายลุกขึ้นส่งทันที!

“ใช่แล้ว เรื่องของตะขาบน้ำค้างหกปีก ข้าไม่หวังว่าจะให้ผู้อื่นล่วงรู้” หานลี่ครุ่นคิดอันใดได้ แล้วเอ่ยปากขึ้น

“ท่านอาวุโสหานวางใจ ข้าน้อยสาบานด้วยจิตมาร ไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับบุคคลที่สามแน่” ราชาหนูสวรรค์ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“เช่นนั้นก็ดี สหายสวรรค์พักผ่อนอยู่ที่นี่สักระยะเถิด ถึงยามนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป” หานลี่มีสีหน้าพึงพอใจ ในเวลาเดียวกันที่เอ่ยขึ้นผิวก็เปล่งแสงสีทองออกมา ร่างทั้งร่างเลือนหายไปกลางอากาศ

ครู่ต่อมาภายในห้องลับอีกห้องฮูหยินสวมกระโปรงสีดำถูกการปรากฏตัวของหานลี่ทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็เข้ามาคารวะอย่างนอบน้อม

หานลี่โบกมือให้หญิงสาวผู้นี้ไม่ต้องมากพิธี แต่ปากกลับเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“ข้ามาที่นี่แค่ถามเรื่องหนึ่งเท่านั้น หวังว่าเซียนเสี่ยวจะตอบตามความจริง”

“ท่านอาวุโสหานถามมาได้เลยเจ้าค่ะ ขอแค่ข้ารู้ย่อมต้องบอกอย่างไม่ปิดบังแน่” ฮูหยินสวมกระโปรงสีดำลังเลเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับอย่างระมัดระวัง

“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้อยากถามเรื่องไร้สาระ แค่อยากรู้ว่าไต่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่ที่เคราะห์มารเริ่มขึ้น ข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับแม่หญิงผู้นั้น นางไม่เป็นไรสินะ” หานลี่มองออกว่าในใจของฮูหยินกระโปรงสีดำกำลังคิดอันใดอยู่ จึงเอ่ยอย่างราบเรียบ

“อ่า ไต่เอ๋อร์…ท่านอาวุโสโปรดวางใจ คุณสมบัติของไต่เอ๋อร์จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเผ่าหงส์ดำของพวกเรา ดังนั้นยามที่เคราะห์มารเริ่มขึ้น ข้าก็สั่งให้นางและลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปกักตัวฝึกฝนอยู่ในแดนลับของเผ่าหงส์ดำ จนถึงยามนี้ก็ยังไม่ออกจากการกักตัว” ฮูหยินกระโปรงดำพลันตกตะลึง แต่ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลงขณะเอ่ย

“เยี่ยม ไต่เอ๋อร์ไม่เป็นไรข้าก็วางใจ เซียนเสี่ยวพักผ่อนต่อเถิด” หานลี่ไม่ได้พูดให้มากความ หลังจากพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก็ยักไหล่ แล้วหายวับไปจากที่เดิมอีกครั้ง เคล็ดวิชาหลีกหนีที่สำแดงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ฮูหยินกระโปรงดำดูร่องรอยไม่ออกเลยสักนิด

ส่วนราชาหงส์ดำที่มองตำแหน่งที่หานลี่หายไปด้วยความตกตะลึง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง นั่งสมาธิต่อบนพื้น หลังจากที่หานลี่พลิ้วกายอีกครั้ง กลับมาปรากฏตัวในห้องลับที่ตนใช้ฝึกฝน และนั่งสมาธิลงอย่างไม่รีบร้อน

ครั้งนี้เขาโชคดีทะลวงระดับมหายาน ไม่ว่ากายเนื้อหรือพลังปราณล้วนเปลี่ยนแปลงมหาศาล จึงต้องทำให้แข็งแรงเสถียรภาพ ถึงจะควบคุมพลังระดับมหายานที่แท้จริงได้

ทว่าก่อนหน้านี้กลับยังมีอีกเรื่องต้องทำ

หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่สะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นเสียงหึ่งๆ พลันดังขึ้น ดอกไม้สีทองสามดวงบินออกมา เมื่อมาอยู่เหนือศีรษะก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที กลายเป็นสิ่งมหึมาขนาดสองสามจั้ง