ตอนที่ 578 ท่านตา...................?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

นั่น……ท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนยังมีชีวิตอยู่? 

 

 

ก่อนหน้านี้ พวกเขาทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ท่านเจ้าสำนักและตู๋กูซิงหลัน ประกอบกับหมอกสีดำข้างหลังคนทั้งสองเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่เสียงอะไรทั้งนั้น พวกเขาจึงเข้าใจกันไปเองว่า หมอกสีดำนั้นเป็นของเจ้าสำนักหยินหยางนั่นเอง 

 

 

เพราะว่าทั้งท่านเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ต่างก็มีไอหยินเข้มข้น หมอกสีดำของทั้งสองมิได้แตกต่างกันมากนัก ยากที่จะแยกแยะ 

 

 

ตอนนี้พอฟ่านอิงเอ่ยออกมา ผู้คนทั้งหลายจึงพากันตกตะลึงไป 

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? 

 

 

เจ้าสำนักจับตัวเจ้าตำหนักเอาไว้ คิดจะทำอะไรขึ้นมาอีก? 

 

 

ไม่แปลกเลยที่ในใจของผู้คนต่างก็พากันคาดเดาไปต่างๆนานาเพราะทั้งท่านเจ้าสำนักและฮ่องเต้หญิงน้อยที่เป็นศิษย์ของเขา ดูไปแล้วไม่เพียงแต่มิได้เดือดร้อน ท่าทางก็ดูสุขสบายดีไม่น้อย 

 

 

แต่พอท่านเจ้าตำหนักเอ่ยปาก น้ำเสียงที่ผ่านหมอกสีดำออกมากลับดูอ่อนล้า คล้ายผ่านการต่อสู้มาระยะหนึ่ง 

 

 

ต้าซือมิ่งเองก็ตกตะลึงไปแล้ว พอนึกขึ้นได้คนค่อยได้สติขึ้นมา เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง “ท่านเจ้า….” 

 

 

“ตัวมารร้ายสำนักหยินหยางผู้นั้นทำอะไรกับท่านหรือ?” 

 

 

เขาสอบถามออกไปอย่างรีบร้อน 

 

 

เพราะบุรุษที่สามารถกำจัดวังตันติ่งกงได้ด้วยเพียงฝ่ามือเดียงผู้นี้ ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่ง 

 

 

“ไม่มีอะไร” ฟ่านอิงซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำ ยืนอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน 

 

 

สาวน้อยรูปร่างสะโอดสะองค์ผอมบาง คล้ายคลึงกับเย่วอิงเมื่อก่อน 

 

 

ใต้แสงอาทิตย์เช่นนี้ นางงดงามจนบาดตา 

 

 

แสงอาทิตย์…..เขาจำไม่ได้ว่า ตนเองไม่ได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้ว 

 

 

คล้ายกับว่านับตั้งแต่ที่แคว้นกู่เย่วล่มสลาย คนทั่วทั้งแคว้นถูกสังหาร อาเย่วถูกแย่งชิงไปแต่งงานกับผู้อื่น เขาก็ไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเลย 

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นมามองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ความอบอุ่นนี้เดิมสามารถเผาผู้คนได้เลย 

 

 

“ท่านเจ้ามิได้เป็นอะไรเช่นนั้นก็ดีแล้ว” ต้าซือมิ่งหรี่ดวงตาลง ในแววตาของเขาทอประกายออกมา จับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันแวบหนึ่ง 

 

 

จากนั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนังมารน้อยฮ่องเต้หญิงผู้นั้นล่อลวงเจ้าสำนักหยินหยาง สตรีผู้นี้ไม่อาจไว้ใจได้ ขอท่านเจ้าตำหนักโปรดลงอาญา” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนอยู่ๆก็ถูกเข็มตำขึ้นมา นางเองก็อดไม่ได้ที่จะมองดูต้าซือมิ่งอีกหลายแวบ 

 

 

มันออกจะเป็นอริกันจนเกินไปแล้ว ระหว่างนางกับเขาเคยมีความแค้นที่ลึกล้ำใดหรือ พอคิดดูให้ละเอียด ก็ยังไม่เคยถึงขั้นเป็นปรปักษ์กันมาก่อนเลยนี่? 

 

 

พอมีต้าซือมิ่งนำขบวน เหล่าคนที่เป็นอริกับเจ้าสำนักหยินหยางอย่างชัดเจนต่างก็พากันออกเสียงตาม 

 

 

นางมารน้อยผู้นี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากไม่รีบกำจัด เกรงว่าอาจก่อให้เกิดเภทภัยในภายหลัง 

 

 

ดูฝีมือในการล่อลวงผู้คนของนางสิ นี่มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำ 

 

 

เจ้าสำนักหยินหยางดูๆแล้วยังพอจะชักชวนให้กลับใจได้อยู่ ….. ของเพียงสตรีผู้นี้ตายไป เขาก็คงไม่หลุดกรอบถึงเพียงนี้ 

 

 

ครั้งนี้เจ้าแคว้นทองคำไม่ได้รีบร้อนพุ่งเข้าไปก่อเรื่องแล้ว เพราะว่า….เขากำลังตกตะลึงกับความงดงามของตู๋กูซิงหลัน 

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่เคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณงดงามจนถึงขั้นทำให้อดีตฮ่องเต้แคว้นต้าโจวสิ้นไป ก็ยังรู้สึกว่าข่าวลือเกินจริงไปอยู่บ้าง 

 

 

แต่ว่าตอนนี้พอได้เห็น ถึงได้เข้าใจว่าข่าวลือนั่นสมควรเป็นเรื่องจริงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน 

 

 

สตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ หากว่าตายไป ย่อมน่าเสียดายถึงเพียงไหน ต้าซือมิ่งผู้นั้นช่างไม่รู้จักรักบุปผาถนอมหยกเอาเสียเลย โฉมงามเช่นนี้ยังจะลงมือได้ลงคออีกหรือ? 

 

 

แต่ก็มีบางคนให้กลุ่มถึงกับถูกล้างสมองไปแล้วเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่านางมารร้ายที่งดงามจนเกินไปเช่นนี้สมควรกำจัดเสีย เพราะว่าเมื่อพวกเขาเห็นแล้ว ต่างก็ไม่อาจควบคุมจังหวะหัวใจของตนเองเอาไว้ได้…..ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว 

 

 

ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดกันอยู่เล็กน้อย ต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน 

 

 

“ขอท่านเจ้าตำหนักกำจัดนางมาร” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” นางมารกับผีน่ะสิ! 

 

 

ที่นางมายืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะยอมให้พวกมันมาเรียกว่าเป็นนางมารนะหรือ? 

 

 

สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่พอใจมากแล้ว ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างของเขา 

 

 

หากไอสังหารนี้เกิดควบคุมไม่อยู่ขึ้นมา เกรงว่าคงต้องมีระเบิด 

 

 

ไม่ใช่ว่านางพูดโอ้อวด แต่พอถึงตอนนั้นผู้คนที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดอย่าได้คิดว่าจะวิ่งหนีพ้น 

 

 

ดังนั้นนางจึงได้ขยับเท้าก้าวเล็กๆ เขยิบเข้าไปใกล้ท่านเจ้าสำนักอีกนิด 

 

 

เอ่ยเพียงเบาๆว่า “พี่ชาย พวกเราเย็นลงหน่อย….การฆ่าคนจะอย่างไรมิใช่เรื่องที่ดี” 

 

 

ท่านเจ้าสำนัก “พวกเขาด่าเจ้า ข้าไม่พอใจ มันย่อมสมควรตาย” 

 

 

ทั้งๆที่เขาเป็นคนลงมือ ไยคนเหล่านี้จะต้องผลักไสความผิดไปที่ศิษย์น้อย หรือเพราะศิษย์น้อยจำต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ ดึงดูดเคราะห์ร้าย? 

 

 

ว่าแล้ว เขาก็ทำท่าจริงจังขึ้นมา “ข้าเป็นอาจารย์ ไม่ใช่พี่ชาย เจ้าและข้าไม่ใช่พี่น้อง จงเรียกว่าอาจารย์” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” 

 

 

ระหว่างพวกเขาสองคนพูดอะไรกัน คนอื่นๆล้วนไม่ได้ยิน แต่พอเห็นท่าทางที่กระซิบกระซาบเช่นนั้นก็ยิ่งเข้าใจไปว่านางมารน้อยผู้นี้กำลังยุยงท่านเจ้าสำนักอีกแล้วใช่หรือไม่? 

 

 

ดูเอาสิ พวกเขาจ้องตาโตกันอยู่ตรงนี้ นางก็ยังกล้าทำเช่นนั้น หากปล่อยให้อยู่ในที่รโหฐานก็ไม่รู้ว่าจะยั่วยุท่านเจ้าสำนักถึงเพียงไหน 

 

 

ต้าซือมิ่งกำลังจะสบช่องพูดออกไป 

 

 

แต่ว่าท่านเจ้าตำหนักที่เงียบงันไปครู่หนึ่งพลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

“หลานสาวของข้า กลายเป็นนางมารให้พวกเจ้าเรียกขานกันได้อย่างไร?” 

 

 

ต้าซือมิ่ง “? ? ?” 

 

 

ผู้คนทั้งหลาย “! ! !” 

 

 

นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว! 

 

 

หลานสาว หลานแท้ๆหรือว่ารับเป็นหลานกัน? 

 

 

มิใช่ว่าพวกเขาไม่รู้จักนางเสียหน่อย ทุกคนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้หญิงน้อยใช้แซ่ตู๋กู มีนามว่าซิงหลัน เป็นหลานสาวของแม่ทัพคุณูประการแคว้นต้าโจว ตู๋กูถิง แล้วอยู่ดีๆก็จะมากลายเป็นหลานสาวของท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร? 

 

 

พริบตานั้น ในใจของพวกเขาพลันเกิดความเป็นคิดที่เป็นไปได้ขึ้นมาข้อหนึ่ง 

 

 

หรือว่าเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน……. จะเป็นตู๋กูถิง? 

 

 

เป็นไปไม่ได้มั้ง…..แม่ทัพที่เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง จะมาเป็นเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น การส่งข่าวในดินแดนจิ่วโจวนับว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ตู๋กูถิงผู้นั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่ในดินแดนโบราณอยู่เลย 

 

 

ฟ่านอิงที่มิสนใจในความตกตะลึงของผู้คน เสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง “หลานแท้ๆ” 

 

 

ถุย! แท้กับผีน่ะสิ! 

 

 

ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็ไม่มีใครยอมเชื่อ 

 

 

พวกเขาต่างก็คิดไปว่า นางมารผู้นี้จะต้องใช้ฝีมือที่ไม่อาจบ่งบอกผู้คน ทำให้แม้แต่เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนก็ยังถูกล่อลวงจนหลงใหล 

 

 

หากไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูสิ นางสามารถล่อลวงได้แม้กระทั่งเจ้าสำนักหยินหยางเลยเห็นหรือไม่? 

 

 

ดังนั้นหากว่าจะล่อลวงเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ความเป็นไปได้ก็มีอยู่มาก 

 

 

กลับเป็นพี่รองที่นิ่งเงียบไป ตอนนี้ดวงตาของเขาถึงกับเต็มไปด้วยความพิศวง 

 

 

ท่านตา….ถูกสวมเขา? 

 

 

เขามีความทรงจำเกี่ยวกับท่านยายไม่มากนัก จำได้แต่ว่าท่านยายเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมและนุ่มนวลนางหนึ่ง แต่ว่าอุปนิสัยเย็นชา 

 

 

แม้แต่กับท่านตา ยามปกติก็ยังไม่ค่อยตอบคำ 

 

 

ที่เขาจดจำได้แม่นยำที่สุดก็คือ มีอยู่ปีหนึ่ง ท่านยายป่วยเป็นหวัด เนิ่นนานก็ไม่ยอมหาย 

 

 

ท่านตาของเขาไปในถ้ำหินภูเขาไฟด้วยตนเอง เพื่อตามหาวิหคเพลิงมาขจัดความเหน็บหนาวให้กับนาง 

 

 

แต่ว่าวิหคเพลิงที่ตามหามาอย่างยากลำบากเหล่านั้น ท่านยายกลับไม่ได้เหลือบแลแม้แต่ครั้งเดียว ปล่อยพวกมันไปทั้งหมด เหลือแต่เพียงไข่เอาไว้ใบหนึ่ง 

 

 

ท่านยายที่มีนิสัยเย็นชาเช่นนั้น มีหรือจะไปมีความสัมพันธ์กับบุรุษอื่นได้? 

 

 

น้องเล็กคิดทำอะไรที่ผู้อื่นนึกไม่ถึงอีกหรือไม่? 

 

 

……………… 

 

 

ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงว่า ฟ่านอิงจะประกาศออกไปต่อหน้าผู้คนว่านางก็คือหลานสาวแท้ๆของเขา 

 

 

ในใจของนางตอนนี้พลันเกิดความละอายขึ้นมา 

 

 

แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังคงเรียบนิ่ง พอฟ่านอิงเอ่ยออกไปเช่นนั้น นางก็เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ใกล้ชิดและคุ้นเคยคำหนึ่ง “ท่านตา!” 

 

 

น้ำเสียงหวานใสปานน้ำผึ้ง ซาบซึ้งไปถึงหัวใจ 

 

 

แต่ว่านางกลับไม่ยอมจบเพียงเท่านั้น หากแต่ขยับเข้าไปใกล้ฟ่านอิงอีกนิด พลางร้องว่า “ท่านตา พวกเขาคิดจะลงไม้ลงมือถึงขั้นฆ่าฟัน ข้ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

……………….