บทที่ 1807 น้องสาวฉันเลี้ยงเอง
“หวันหวั่น…ลำบากลูกแล้ว…ดวงตาของเยี่ยเส่าถิงเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“พ่อคะ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางกอดพ่อไว้
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่เยี่ยเส่าถิงกลับมอบความรักของพ่อที่มีค่าที่สุดให้กับหญิงสาวแล้ว
ส่วนเยี่ยมู่ฝานก็ตื่นเต้นมากจนกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ เยี่ยหวันหวั่น “หวันหวั่น แกแม่งเจ๋งสุดยอดเลย นี่มันบ้าอะไรเนี่ย! เกิดจากพ่อแม่คนเดียวกันแท้ๆ นี่นา ไม่ยุติธรรมเลย หวันหวั่น ยีนแกกลายพันธุ์ไปแล้วหรือเปล่า?”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่เขาไปหนึ่งรอบ “อย่ามาทำเป็นปากดีหน่อยเลย รีบกลับไปอาบน้ำไป!”
เหลียงหวั่นจวินพยักหน้า “ใช่ลูก อาบน้ำไล่ความชั่วร้ายออกไป!”
…………
หลังจากงานเลี้ยงครบรอบของบริษัทซิงเฉินจบลง สายโทรศัพท์ของเยี่ยหวันหวั่นก็แทบไหม้ จากคำเชิญนับไม่ถ้วนที่หลั่งไหลเข้ามา
อย่างไรก็ถาม เยี่ยหวันหวั่นได้ปฏิเสธไปทั้งหมด ช่วงนี้เธออยากอยู่แต่ในบ้านกับพ่อแม่ จากนั้นเธอกับเยี่ยมู่ฝานก็นัดหานเซี่ยนอวี่ ลั่วเฉิน กงซวี่ เจียงเยียนหราน เฟ่ยหยาง แล้วยังมีเป่ยโต่ว ชีซิง รวมถึงฟู่หมิงซีที่ตามมา ทุกคนอยู่พร้อมหน้าร่วมรับประทานอาหารกันมื้อหนึ่ง
เฟ่ยหยางได้จองร้านอาหารที่เป็นส่วนตัวสุดๆ บนชั้นดาดฟ้า ทุกคนจึงนั่งได้อย่างผ่อนคลาย
เยี่ยหวันหวั่นลากเจียงเยียนหรานมานั่งที่ด้านขวาของเธอ ยังเหลือที่ว่างด้านซ้าย กงซวี่ก็รีบมาแย่งอย่างรวดเร็ว
ฟู่หมิงซีเนื่องจากสะดุดขาของเป่ยโต่ว สุดท้ายจึงได้ไปนั่งอยู่ตรงมุมที่ไกลออกไปเล็กน้อย
บนโต๊ะอาหาร เยี่ยหวันหวั่นได้แนะนำฟู่หมิงซี เป่ยโต่วและชีซิงให้ทุกคนได้รู้จักด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
“ยินดีด้วยครับประธานเยี่ย ในที่สุดก็ล้างมลทินได้สักที” หานเซี่ยนอวี่กล่าว
“ยินดีด้วยครับประธานเยี่ย!” ตามมาด้วยเสียงของลั่วเฉิน
ส่วนคนอื่นๆ ก็มาร่วมแสดงความยินดีอย่างมีความสุข
ส่วนเยี่ยมู่ฝานก็ถอนหายใจออกมา “ช่วงที่ผ่านมาต้องลำบากทุกคนแล้ว! ทุกคนกินดื่มให้เต็มที่เลยนะ วันนี้น้องสาวฉันเลี้ยงเอง!”
เยี่ยมู่ฝานพูดว่า “น้องสาวฉันเลี้ยงเอง” ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก แต่มุมปากกระตุกเล็กน้อย
ตอนที่อยู่ในรัฐอิสระ หญิงสาวต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว ตอนนี้กลับมาประเทศจีนแล้ว และได้ใช้เวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนฝูง มันนานมากที่เธอไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้
บนโต๊ะอาหาร โทรศัพท์ของกงซวี่มีเสียงดัง ติ๊งๆๆ อยู่ตลอดเวลา เหมือนว่าข่าวที่เขาติดตามเป็นพิเศษกำลังเด้งขึ้นมา
กงซวี่กดดูผ่านๆ แต่หลังจากที่ได้อ่านแล้วก็ต้องตบโต๊ะพลางร้องอุทานว่า “เชี่ย! ไอ้กู้เยว่เจ๋อมันทำบ้าอะไรของมัน บทความก็เขียนได้หน้าด้านเกินไปนะ มาบอกว่าพี่เยี่ยหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำมาตลอด รักจนจะเป็นจะตาย จนไม่สามารถร้องขอ ยังบอกว่าหลังจากถอนหมั้นพี่ก็ยังหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของเขา! จะอ้วก! แต่งเรื่องทั้งทีก็แต่งให้มันเข้าท่าหน่อยได้ไหมวะ”
ส่วนเฟ่ยหยางก็ได้รับข้อความมากมายจากเพื่อนๆ ในแวดวงตั้งแต่เมื่อครู่ ส่งข้อความมาถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยหวันหวั่นกับกู้เยว่เจ๋อ แต่เขาไม่อยากทำให้มื้ออาหารนี้เสียบรรยากาศจึงไม่ได้พูดออกมา แต่กงซวี่ก็พูดเรื่องไร้สาระขึ้นมาก่อน “แค่ไม่กี่วันหลังจากการพิจารณาคดีในศาล บทความนี้ก็เขียนเสร็จและถูกปล่อยออกมาแล้ว ประชาสัมพันธ์ของกู้กรุ๊ปนี่ทำงานรวดเร็วจริงๆ”
ก่อนหน้านี้เจียงเยียนหรานยังกังวลว่าเยี่ยหวันหวั่นจะเสียใจเมื่อพูดถึงกู้เยว่เจ๋อ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก “ตอนนั้นลุงเยี่ยตกที่นั่งลำบาก กู้เยว่เจ๋อก็รีบถอนหมั้นกับหวันหวั่น และรีบตัดความสัมพันธ์ทันที แต่ตอนนี้พอได้รู้ถึงสถานะของหวันหวั่น ก็ด้านหน้าอยากจะกลับมาสานสัมพันธ์ด้วย นับว่าวางแผนมาดีจริงๆ”
“นี่ขนาดฉันคิดว่าฉันห่วยพอตัวแล้วนะ เหนือคนยังมียอดคน เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ!” เยี่ยมู่ฝานกล่าว
—————————————-
บทที่ 1808 นายก็เคยโดนต่อยเหรอ?
หานเซี่ยนอวี่จิบน้ำมะนาวพลางกล่าวว่า “ฉันกลัวว่ากู้เยว่เจ๋อจะคิดจริงๆ ว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในดวงใจของเยี่ยหวันหวั่นมาโดยตลอด คิดว่าความรักที่มีต่อตัวเขายังไม่สิ้นสุด และเขาก็คิดว่าตราบใดที่เขาโยนกิ่งมะกอก เยี่ยไป๋ต้องมารับอย่างแน่นอน”
เยี่ยหวันหวั่นพอฟังจบก็หันไปส่งยิ้มให้กับหานเซี่ยนอวี่ “เฉียบมาก”
กลัวว่ากู้เยว่เจ๋อจะคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะ ‘เยี่ยหวันหวั่น’ คนก่อน หลงใหลในตัวเขามากจนทำเรื่องไร้สาระมานับไม่ถ้วน
สำหรับกู้เยว่เจ๋อนั้น การที่เยี่ยหวันหวั่นรักเขาจนจะเป็นจะตาย เป็นความคิดที่ฝังรากลึกไปแล้ว
แม้ว่าต่อมาจะรู้ว่าเธอไปอยู่กับซือเยี่ยหาน ก็ยังคิดว่าที่เธอทำไปก็เพื่อล้างแค้นแต่ในใจยังคงรักเขาอย่างสุดซึ้ง…
เป่ยโต่วที่นั่งอยู่ข้างๆ กงซวี่ก็ก้มดูโทรศัพท์ของเขาแบบรีบๆ พอเห็นรูปของกู้เยว่เจ๋อในข่าวซุบซิบก็เอ่ยขึ้นว่า “เชี่ย…ไม่ใช่ละ! พี่เยี่ย พี่กินอาหารดีๆ มาเยอะเกินไปเหรอ อะไรแบบนี้พี่ยังกินลงหรือไง?”
“…ระวังคำพูดหน่อย!” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
อะไรคือการที่บอกว่าเธอกินอาหารดีๆ มาเยอะเกินไป เธอกินอะไรดีๆ ไปตอนไหนกัน?
ฟู่หมิงซีที่อยู่ในประเทศจีนมาโดยตลอด ย่อมรู้จักกู้เยว่เจ๋อเป็นอย่างดี เมื่อเขาได้ยินว่าผู้นำพันธมิตรเคยมีสัญญาหมั้นหมายกับเขาก็ร้อนรนขึ้นมาทันที “เฟิง…พี่เยี่ย พี่เคยหมั้นหมายกับกู้เยว่เจ๋อจริงๆ เหรอ! แล้วผมล่ะ! ตอนนั้นพี่กับผมเคยมีสัญญาหมั้น…”
เรามีสัญญาหมั้นหมายรออยู่ข้างหน้าชัดๆ!
ก่อนที่ฟู่หมิงซีจะพูดคำเหล่านั้นจบ เยี่ยหวันหวั่นเกือบจะกระโดดขึ้นโต๊ะไปอุดปากของเขาไว้
ยังดีที่ท้ายที่สุด ชีซิงที่นั่งอยู่ใกล้กว่า ก็ได้ลงมือแทนเธอไปแล้ว
“อั๊กๆๆ…” ฟู่หมิงซีถูกบังคับให้สงบปากสงบคำ
ในตอนนี้เอง พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาเสิร์ฟไวน์
เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะและคำพูดไร้สาระของเป่ยโต่วและฟู่หมิงซี เยี่ยหวันหวั่นจึงจ้องเขม็งไปยังสองคนนี้ จากนั้นก็หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “ว้า พอแล้วๆ มันยากมากเลยที่ทุกคนจะได้มารวมตัวและสนุกสนานกันในวันนี้ อย่าพูดเรื่องที่ทำลายบรรกาศเลยนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นมองไปยังโต๊ะที่ทุกคนนั่งด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ฉันดีใจที่ได้รู้จักกับทุกคน ดีใจที่มีเพื่อนแบบพวกนาย! มา ฉันขอคารวะพวกนายหนึ่งจอก! คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ!”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เธอก็ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นอย่างกล้าหาญและเงยหน้าทำท่าจะกระดก
ทว่า ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นเตรียมจะดื่มไวน์แก้วนี้นั้น เกือบทุกคนก็พลันดีดตัวขึ้นมา
“พี่เยี่ย! ไม่เอาน่า!” กงซวี่เอ่ยห้าม
“พี่เยี่ย ไม่ได้นะ!” ลั่วเฉินกล่าว
“เยี่ยไป๋ ช้าก่อน…” หานเซียนอวี่เอ่ยตาม
“หวันหวั่น!” เจียงเยียนหรานเรียกชื่อห้ามไว้
“พี่เยี่ย เย็นไว้พี่!” เฟ่ยหยางก็ห้าม
“หวันหวั่นวางมันลงเดี๋ยวนี้!” เยี่ยมู่ฝานสั่ง
“พี่เฟิง!” ชีซิงแทบทนไม่ไหว
“ลูกพี่! อย่าๆๆ! วางของในมือลงเดี๋ยวนี้” เป่ยโต่วไม่ทนอีกต่อไป!!!
……
ทั้งโต๊ะนั้น นอกจากฟู่หมิงซีที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เกือบทุกคนต่างก็ยืนขึ้นพลางส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ มือทั้งแปดพากันดึงรั้งแก้วไวน์ในมือของเยี่ยหวันหวั่นกันอย่างวุ่นวาย
ฉากนี้…ค่อนข้างน่าตื่นเต้น…
หลังจากที่ทุกคนทำท่าทางและการตอบสนองแบบเดียวกันแล้วนั้น กงซวี่ ลั่วเฉิน หานเซียนอวี่ เจียงเยียนหราน เฟ่ยหยาง และเยี่ยมู่ฝาน ทั้งหกคนต่างก็ขยิบตาโต้ตอบให้กับกงซวี่และเป่ยโต่วเพื่อนใหม่ทั้งสอง
เป่ยโต่วเอนตัวเข้าหากงซวี่แล้วกระซิบ “น้องชาย ฉันจะถามว่า…พวกนายเคยเห็นพี่เยี่ยตอนเมาไหม?”
กงซวี่พยักหน้าด้วยท่าทางเหมือนคนหัวอกเดียวกัน
“พวกนายก็เคยโดนต่อยเหรอ?” เป่ยโต่วถาม
“รถคันใหม่ที่ฉันเพิ่งซื้อโดนทุบจนเป็นรู!” กงซวี่ตอบ
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
กงซวี่ก็พูดไม่ออก
หลังจากทั้งสองสื่อสารกัน ประสานมือกันแน่น และแสดงความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นที่ยืนงงอยู่ตรงกลาง กลับพูดอะไรไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นมองไปยังกลุ่มคนที่ดูหวาดกลัวด้วยสีหน้าไร้คำพูด “พวกนายนี่อะไรกัน หลังจากฉันดื่มไวน์ก็แค่…มีชีวิตชีวาขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง…”
ใบหน้าที่ดูสับสนของทุกคนเต็มไปด้วยคำถาม นั่นเรียกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นมานิดหน่อยเหรอ?
ฟู่หมิงซีที่ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ก็ถูกแล้วไง! ก็แค่ดื่มไวน์นิดหน่อยเอง ทำไมพวกนายต้องตกใจกันขนาดนี้ด้วยล่ะ…”
ฟู่หมิงซียังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกชีซิงอุดปากไว้ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “อึกๆๆ…”