บทที่ 1434 ทุกคนมาถึงแล้ว

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 1434 : ทุกคนมาถึงแล้ว
  เย่ซิงเฉินมาช่วยฉินจิวยื่อที่สำนักกระบี่เทียนซานพร้อมหลิงหยุนในครั้งนี้จุดประสงค์ของนางคือต้องการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงหยุน และช่วยเหลือหลิงหยุนเท่านั้น
  หากไม่มีหลิงหยุนสักคนนางกับตระกูลฉินก็หาได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดไม่ อีกทั้งตัวนางเองก็มิได้สนิทสนมกับฉินจิวยื่อ และมิได้มีเรื่องบาดหมางกับสำนักกระบี่เทียนซาน ความเป็นความตายของฉินจิวยื่อจึงมิได้เกี่ยวข้องกับนางเลยแม้แต่น้อย
  นี่คือความจริง..
  ไม่เพียงแค่เย่ซิงเฉินเท่านั้นที่มาเพียงเพราะว่าหลิงหยุน..แม้แต่ตี้เสี่ยวอู๋ ไป๋เซียนเอ๋อ หวังชงเซียว และคนอื่นๆ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาที่สำนักกระบี่เทียนซานนี้ เพียงเพราะว่าตามหลิงหยุนมาเท่านั้น
  นั่นเพราะหลิงหยุนมาที่นี่เพื่อต่อสู้กับศัตรูเรื่องของหลิงหยุนจึงเสมือนเรื่องของเย่ซิงเฉินไปด้วย!
  ส่วนฉินตงเฉวี่ยนั้นเป็นน้องสาวของฉินจิวยื่อการมาของนางจึงนับเป็นเรื่องที่ควร..
  แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกผู้หนึ่งที่ควรจะต้องมาและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงหยุนที่นี่ แต่กลับมิได้มา คนผู้นั้นก็คือหนิงหลิงยู่!
  ทั้งหนิงเทียนหยากับฉินจิวยื่อต่างก็เป็นบิดามารดาผู้ให้กำเนิดหนิงหลิงยู่จึงสมควรอย่างยิ่งที่นางจักต้องมาร่วมต่อสู้เคียงข้างหลิงหยุนในครั้งนี้
  แต่ในคืนที่หนิงหลิงยู่ควรต้องอยู่กับหลิงหยุนที่สุดแต่นางกลับไม่ปรากฏตัว..
  หากหนิงหลิงยู่มิได้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะหรือขั้นพลังยังต่ำมากเกินไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เย่ซิงเฉินก็รู้มาว่า เวลานี้หนิงหลิงยู่ได้ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์เทียนจิ่วไปแล้ว ฉะนั้น ขั้นพลังของหนิงหลิงยู่ย่อมต้องเหนือกว่านางเป็นแน่..
  เหตุการณ์เช่นนี้ดูไม่สมเหตุสมผลนักและดูเหมือนจะไม่ใช่ปกตินิสัยของหลิงหยุนด้วย!
  ที่ผ่านมานั้น..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลิงหยุนจะเป็นห่วงความปลอดภัยของหนิงหลิงยู่มากที่สุด แต่เพราะเหตุใดความห่วงใยจึงดูจืดจางลง
  ไม่เพียงเท่านั้น..เมื่อครู่หลิงหยุนแจ้งข่าวเรื่องฉินจิวยื่อให้กับทุกคนที่สำคัญรู้ แต่กลับลืมหนิงหลิงยู่ไป..
  ไม่ว่าจะเป็นการตายของหนิงเทียนหยาความปลอดภัยของฉินจิวยื่อ หรือแม้แต่เรื่องของตี๋เสี่ยวเจินกับสำนักกระบี่เทียนซานที่อยู่ในกำมือของหลิงหยุนแล้วเวลานี้.. ผู้ที่ควรจะต้องรับรู้ข่าวดีนี้มากที่สุด สมควรต้องเป็นหนิงหลิงยู่มิใช่หรือ
  แม้กระทั่งเย่ซิงเฉินเอ่ยเตือนแล้วแต่หลิงหยุนกลับบ่ายเบี่ยง รอให้ฉินจิวยื่อเป็นฝ่ายแจ้งข่าวหนิงหลิงยู่ด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น
  เย่ซิงเฉินแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหลิงหยุนจะตอบกลับมาเช่นนี้ นางจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย  “หลิงหยุน..เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับหนิงหลิงยู่กันแน่”
  จู่ๆเย่ซิงเฉินก็นึกถึงคืนที่ฉินตงเฉวี่ยพาหลิงหยุนออกไปคุยกันนอกบ้าน ทั้งคู่คุยกันอยู่นานจึงค่อยกลับเข้าบ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉู
  นับตั้งแต่คืนนั้นมาเมื่อใดที่เย่ซิงเฉินเอ่ยถึงหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนมักจะขมวดคิ้วแน่น และมีท่าทีอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
  “ไม่มีอะไรนี่..ข้ารู้อยู่แล้วว่าเมื่อใดที่ตระกูลฉินรู้ข่าว พวกเขาจะต้องแจ้งให้หนิงหลิงยู่รู้เป็นคนแรกอยู่แล้ว!”
  หลิงหยุนมีท่าทีหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยและดูเหมือนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก
  “เอาล่ะ..เริ่มฝึกวิชากันดีกว่า เรื่องอื่นรอให้ตี้เสี่ยวอู๋มาถึงที่นี่เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
  “อืมม..เช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน”
  เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องของหนิงหลิงยู่ในเวลานี้นางจึงไม่ต้องการที่จะเซ้าซี้เช่นกัน  จากนั้นทั้งสองคนต่างก็แยกย้ายกันหาที่ฝึกฝนวิชาของตนเอง..
  ในระหว่างนั้นหลี่เพียวหยางและกัวผิงก็ได้สั่งให้ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทั้งหมด ช่วยกันเก็บกวาดซากศพที่เกลื่อนกลาดให้เรียบร้อยตามคำสั่งของหลิงหยุน
  จนกระทั่งเวลาผ่านไป..
  ในราวตีห้าของเช้าวันใหม่ร่างของคนเจ็ดแปดร่างก็ปรากฏขึ้นตามแนวเทือกเขาด้านใต้ของสำนักกระบี่เทียนซาน ไม่นานนักทั้งหมดก็มาถึงหน้าสำนักกระบี่เทียนซาน
  ในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋และคนอื่นๆก็มาถึง..
  ตี้เสี่ยวอู๋และคนอื่นๆนั่งเครื่องบินจากเสียนหยางซึ่งทางตระกูลฉินได้เตรียมการไว้ให้เรียบร้อย หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว ทั้งหมดก็ได้ไปที่สนามบินพร้อมกับฉินตงเฉวี่ย แล้วจึงนั่งเครื่องบินมุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมกัน
  เครื่องบินออกจากสนามบินในราวเที่ยงคืนครึ่งและไม่ได้บินเข้าอุรัมชี แต่กลับบินตรงจากเสียนหยางมายังสนามบินอัคซูในเทียนซานทันที และใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดราวสี่ชั่วโมงกว่า
  หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้ามายังสนามบินอัคซูได้ไม่นานนักฉินตงเฉวี่ยที่ร้อนใจอย่างมากนั้น ก็วางแผนไว้ในใจว่า ทันทีที่เครื่องบินบินเข้าเขตสนามบินอัคซูเมื่อใด นางจะกระโดดลงและรีบเหาะตรงมายังยอดเขาเจงิชโชกูซูในทันที
  ทุกคนที่มาสำนักกระบี่เทียนซานในคืนนี้ไม่เพียงฉินตงเฉวี่ยที่สามารถเหาะได้แล้ว แต่คนอื่นๆก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
  แต่หลังจากที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เกือบหนึ่งชั่วโมงทั้งฉินตงเฉวี่ยและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็ได้รับข้อความแจ้งข่าวจากหลิงหยุนว่า เขาสามารถยึดสำนักกระบี่เทียนซานไว้ในกำมือได้แล้ว
  ฉินตงเฉวี่ยคลายความกังวลและร้อนใจไปได้อย่างมากนางจึงได้เปลี่ยนแผนที่คิดไว้ และรอจนกระทั่งเครื่องบินลงจอดที่สนามบินอัคซู จึงค่อยมุ่งหน้าสู่ยอดเขาเจงิชโชกูซูตามแผนเดิม
  จากนั้น..ทั้งหมดต่างก็เดินทางสู่ยอดเขาเจงิชโชกูซูด้วยการเหาะมา ไป๋เซียนเอ๋อ ตี้เสี่ยวอู๋ หวังชงเซียว และแวมไพร์ทั้งห้าเหาะมาด้วยตัวเอง ในขณะที่ฉินตงเฉี่วยยืนอยู่บนหลังของเจสเตอร์ เพราะด้วยขั้นพลังของนางเวลานี้ ยังมิสามารถเหาะเป็นระยะทางที่ไกลมากนักได้ ในขณะที่พอลทำหน้าที่แบกตี๋ยั่วถังมา..
  เมื่อเห็นทุกคนมาถึงแล้วทั้งหลิงหยุน และเย่ซิงเฉินต่างก็เหาะขึ้นไปบนท้องนภาต้อนรับทุกคนทันที
  “พี่หยุน!”
  “พี่หลิงหยุน..พี่ซิงเฉิน..”
  “เจ้านายที่เคารพ..นายหญิง..”
  “คุณชายหลิง..นายหญิง..”   ทุกคนต่างก็พากันร้องทักทายหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินทันทีที่พบหน้า..
  “เอ็ดเวิร์ด..พอล.. พวกเจ้าแวมไพร์ทั้งห้าตน ลงไปทำหน้าที่เฝ้ารอบเขาแห่งนี้ไว้”
  “ซิงเฉิน..เจ้านำเซียนเอ๋อกับเสี่ยวอู๋ออกไปหาที่เงียบๆ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง!”
  ทันทีที่ทุกคนมาถึงหลิงหยุนก็ได้มอบหมายหน้าที่ให้กับทุกคนทันที จากนั้นจึงหันไปพูดกับฉินตงเฉวี่ยที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวผ่านทางกระแสจิต
  –ตงเฉวี่ย..เจ้าตามข้ามา!-
  เวลานี้หลิงหยุนไม่สนใจผู้ใดอีกเขาเหาะนำฉินตงเฉวี่ยเหาะไปทางหน้าผาบนยอดเขาเทียนเฟิงซึ่งฉินจิวยื่ออยู่เวลานี้ แต่มิได้เข้าไปใกล้..
  “พี่ใหญ่!”
  ภายใต้จิตหยั่งรู้ของฉินตงเฉวี่ยเวลานี้ร่างผ่ายผอมของฉินจิวยื่อก็ได้ปรากฏขึ้น นางถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะสั่นสะท้านไปทั่งร่างด้วยความโกรธแค้น!
  ตลอดทางที่นั่งเครื่องมานั้นฉินตงเฉวี่ยมิจำเป็นต้องปิดเครื่องมือสื่อสาร เพราะเป็นเครื่องบินส่วนตัว นางจึงได้รับรู้ข่าวคราวที่นี่ก่อนหน้าแล้ว แต่ถึงกระนั่น เมื่อได้เห็นร่างที่ผ่ายผอมของฉินจิวยื่อ ความคับแค้นใจก็ปะทุขึ้นในใจทันที
  ความรู้สึกคั่งแค้นนี้ไม่ต่างจากที่หลิงหยุนได้เห็นฉินจิวยื่อในครั้งแรกเช่นกัน!
  พี่สาวที่นางรักถูกทารุณกรรมถึงเพียงนี้มีหรือที่นางจะทนนิ่งเฉยไม่รู้สึกโกรธแค้นได้
  ฉินตงเฉวี่ยคว้ากระบี่ออกมาและทำท่าจะเหาะพุ่งออกไปในทันที แต่หลิงหยุนรีบคว้านางไว้ก่อนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เจ้าอย่าได้รุ่นร้อนใจไป..เวลานี้คนตระกูลตี๋ถูกข้าสังหาร และทำลายวรยุทธจนหมดแล้ว”
  “เวลานี้ท่านแม่กำลังเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของท่านลุงหนิงอยู่ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดไปรบกวนนาง ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าอย่าได้เป็นห่วงไปเลย..”
  แววตาของฉินตงเฉวี่ยเวลานี้ปรากฏรังสีสังหารขึ้นอย่างชัดเจนในเมื่อนางเห็นฉินจิวยื่อย่อมต้องเห็นร่างไร้วิญญาณของหนิงเทียนหยาด้วย..
  “แล้วนังหญิงโฉดชั่วตี๋เสี่ยวเจินเวลานี้อยู่ที่ใด”ฉินตงเฉวี่ยกัดฟันกรอดพร้อมกับเค้นถามออกมา
  “นางอยู่บนยอดเขามนุษย์!”
  “แต่เจ้ามิต้องกังวลใจไปนางไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่ ข้าได้จัดการทำลายวรยุทธของนางแล้ว..”
  “เวลานี้..ข้ายังมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นจะต้องปรึกษากับเจ้า!”
  หลิงหยุนตอบกลับฉินตงเฉวี่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง..