ตอนที่ 615 เหยียดหยาม

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 615 เหยียดหยาม โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อร้อยกว่าปีก่อนประเทศจีนถูกนานาประเทศดูหมิ่นดูแคลน ไม่มีตัวตนในสายตาต่างชาติ แต่ตอนนี้เป็นปี 2000 แล้ว สถานะของประเทศจีนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จู้เหวยเฟิงหลังจากปลดประจำการแล้ว ด้วยฐานะประธานกลุ่มการค้าใหญ่ในประเทศจีน เคยไปเยือนมาแล้วหลายประเทศ ได้รับการต้อนรับอย่างแขกผู้มีเกียรติ เคยติดต่อคลุกคลีกับเหล่าสภาผู้แทนราษฎรของประเทศอังกฤษและอเมริกามาแล้วหลายคนไม่เคยถูกต้อนรับอย่างเมินเฉยเช่นนี้มาก่อน

สิ่งที่จู้เหวยเฟิงทนไม่ได้คือเรือสำราญหรูหราแบบนี้ ทุกเขตจะมีห้องอาหารที่ระดับแตกต่างกันไป

อย่างเช่นโซน C นี้ ก็จะมีห้องอาหารและการบริการเฉพาะของเขตโซน C ซึ่งสำหรับจู้เหวยเฟิงแล้วราวกับโดนตบหน้าฉาดใหญ่

“ให้ตายสิ เจ้าสารเลวพวกนี้ คิดว่าเราเป็นคนจีนเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วหรือยังไง?”

คนมีฐานะอย่างจู้เหวยเฟิง ปกติแล้วมักจะซุกซนไปเรื่อย แต่เรื่องเกียรติยศของบรรพชนเขากลับให้ความเคารพอย่างสูง เมื่อถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าถูกลบหลู่

“ประธานจู้ จะไปสู้กับเหล็กกล้าต้องฝึกตนให้แกร่งก่อน จีนเรายิ่งใหญ่ เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้ด้วยเล่า?”

เยี่ยเทียนเห็นจู้เหวยเฟิงก่นด่าสาปแช่งยกใหญ่ เยี่ยเทียนอดขำไม่ได้ บอกว่า “มวยใต้ดินในประเทศเราไม่มีใครลงแข่งเลยสักคน การมาร่วมงานครั้งนี้แค่เป็นผู้ชม คุณอยากจะได้การปฏิบัติแบบไหนกันเล่า?”

เยี่ยเทียนมองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง การต่อสู้ของจีนและการต่อสู้ของคนต่างชาตินั้น สุดท้ายแล้วก็เน้นเรื่องความแข็งแกร่ง

ถ้ากลุ่มของใครมีความเข้มแข็งเป็นกลุ่มใหญ่มีนักมวยยอดฝีมือมาก แน่นอนว่าจะได้รับการเคารพและยอมรับมากกว่า ไม่เช่นนั้นก็จะถูกละเลยไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งนั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของแต่ละประเทศ

“ที่นายพูดก็ถูก กลุ่มนักมวยใต้ดินของจีนยังใช้ไม่ได้ แม้แต่ยอดฝีมือสักคนยังไม่มี”

จู้เหวยเฟิงถูกเยี่ยเทียนพูดจนหน้าหมอง ความพยายามของเขาในหลายปีมานี้ แม้ว่าจะหาเงินมาได้มากจนทุกปีมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายร้อยล้าน แต่ถ้าเอ่ยถึงฝีมือของนักมวยในสังกัดแล้วยังต่างกับนักมวยใต้ดินต่างชาติราวฟ้ากับเหว

ดังเช่นคราวก่อนที่อันเดรวิชกับคาโต้ ทาคุมิได้เข้าร่วมในการแข่งขันมวยใต้ดินที่จู้เหวยเฟิงจัดขึ้น ถ้าตอนนั้นไม่ได้เยี่ยเทียนอยู่ด้วย เกรงว่าวงการมวยใต้ดินของประเทศจีนคงจะถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างถึงที่สุด

“ให้ตายเถอะ รอให้กลับไปก่อนนะ ฉันจะต้องไปตามหายอดฝีมือมาให้ได้!”

จู้เหวยเฟิงบดกรามเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคือง ตอนนี้เขาอยากได้เงินก็ได้เงิน ต้องการสถานะทางสังคมก็ต้องได้ สิ่งที่เขารับไม่ได้เลยคือการถูกคนอื่นมองข้ามไม่ให้ความสำคัญ

“ประธานจู้ ตอนนี้ในประเทศจีนคนมีวรยุทธส่วนมากฝึกวิชาเพื่อป้องกันตัวเอง ถึงจะฝึกกังฟูได้เข้าขั้น แต่ไม่ค่อยมีโอกาสหาประสบการณ์ ถ้าให้พวกเขาสู้แบบมวยใต้ดินคงจะเป็นการไปรนหาที่ตาย

เยี่ยเทียนส่ายหัว ไม่สนใจคำตัดพ้อของจู้เหวยเฟิงนัก ด้วยวิชากังฟูของเยี่ยเทียนไม่แน่ว่าจะสู้กับคนบ้าพลังแบบนั้นไหว คำโบราณว่าไว้ว่ามีคนรุมซ้อมเหล่าอาจารย์วิชามวยจนตายมานักต่อนักแล้ว

อย่างเยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อที่มีทั้งวิชากังฟูและเคยต่อสู่จริงมาก่อนนั้นมีน้อยนัก ดังนั้นหากจู้เหวยเฟิงอยากหาปรมาจารย์วิชามวยในยุทธภพได้สักคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

“แล้วจะให้ทำอย่างไร? ค่ายมวยใต้ดินของฉันไม่ควรจะให้พวกคนต่างชาติมาชิงเจ้าเวทีอยู่ทุกปีไป?”

จู้เหวยเฟิงขมวดคิ้วมองเยี่ยเทียน ชายตรงหน้าเป็นคนที่เป็นทั้งยอดฝีมือและมีจิตใจเหี้ยมโหด เหมาะสมที่จะให้ลงแข่งเป็นที่สุด

แต่เมื่อคิดถึงสถานะของเยี่ยเทียนในประเทศจีนและตำแหน่งผู้อาวุโสชั้นสูงของสมาคมหงเหมินแล้ว ต่อให้จู้เหวยเฟิงกินดีหมีหัวใจเสือมา ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนหยุดคิดเล็กน้อย หัวเราะพลางเอ่ยว่า “ไม่งั้น คุณคัดเลือกคนไปฝึกในค่ายมวยใต้ดินไซบีเรียในรัสเซียสิ คุณเองรู้จักที่นั่นดี อย่าบอกว่าไม่มีหนทางแล้วสิ!”

ตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ค่ายฝึกทหารของไซบีเรียได้กลายเป็นค่ายฝึกทั่วไปไปแล้ว พวกเขาฝึกวิชาสายอาชีพต่างๆ ตั้งแต่นักฆ่าไปจนถึงหน่วยกองพลพิเศษของประเทศต่างๆได้ใช้ที่นี่เป็นศูนย์ฝึกหัดทั้งนั้น

“เรื่องนี้ฉันก็เคยคิดมาก่อน แต่การฝึกมวยใต้ดินนี้ไม่เหมือนกัน ที่นั่นมีคนล้มตายจำนวนมาก ต้องเลือกคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมากจึงจะอยู่ได้!”

จู้เหวยเฟิงไม่ใช่ไม่เคยคิดถึงข้อนี้ เพียงแต่เขาไม่มีหนทางแล้ว กลุ่มนักมวยใต้ดินของเขา ถ้าอยู่ในประเทศจีนตำแหน่งที่ยืนของกลุ่มนี้ถือว่าเป็นพี่ใหญ่สุดในบรรดาค่ายมวยใต้ดิน แต่เมื่อออกไปนอกประเทศจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

เป็นเหตุผลว่าประเทศจีนที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แต่กีฬาฟุตบอลยังคงอ่อนหัด ในหนึ่งพันล้านคนจะหาคนสักสิบเอ็ดคนที่เก่งฟุตบอลยังไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับการแข่งขันระดับโลกจนถึงปี 2000 ยังไม่เคยได้แชมป์ในเอเชียเลย

ด้วยวัฒนธรรมของจีนนั้นทำให้ศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมพัฒนาได้อย่างจำกัด เมื่อรับลูกศิษย์ อาจารย์มักจะสอนลูกศิษย์ให้ฝึกการต่อสู้เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกไปหาเรื่องคนอื่น

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ฝึกกังฟูมา มักจะได้รับการปลูกฝังให้ปฏิบัติตนเยี่ยงสุภาพบุรุษ หากต้องการให้พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันชกมวยใต้ดินหรือไปเข้าร่วมการฝึกฝนที่ไซบีเรียนั้นยากยิ่งกว่ายาก

“เอาล่ะ อย่าคิดมาก คราวนี้ผมมาเพื่อดูนักมวยใต้ดินจากประเทศอื่น ส่วนคุณก็ควรมาเพื่อหาแรงบันดาลใจ”

เยี่ยเทียนโบกมือไปมา เขาสังเกตเห็นว่าจู้เหวยเฟิงอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็ไม่พูดออกมา เขาพอจะเดาได้ว่าจู้เฟวยเฟิงคิดอะไรอยู่

แต่เยี่ยเทียนไม่ให้โอกาสนั้น ด้วยสภาพจิตใจของเยี่ยเทียนในตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะทำอะไร เขาจะลงมือทำโดยไม่ต้องให้คนอื่นมาคอยบงการ

“เอาเถอะ นายรีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้าร่วมการสัมมนาอีก!” จู้เหวยเฟิงยิ้มแหยแล้วพยักหน้า ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

ถึงแม้จะเป็นห้องโซน C แต่ห้องพักก็ถูกจัดตกแต่งอย่างดีจนเยี่ยเทียนต้องจุ๊ปาก ในห้องนอนมีห้องอาบน้ำในตัว ไม่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน

นอกจากนี้ยังมีกางเกงชุดชั้นในใหม่เอี่ยมให้แขกได้เปลี่ยน หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเยี่ยเทียนเอนตัวนอนลงบนเตียง เปิดโทรทัศน์ดู

ภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์เป็นภาพของเรือสำราญควีนอลิซาเบธทั้งลำพร้อมเสียงแนะนำเป็นภาษอังกฤษ เมื่อฟังจบเยี่ยเทียนก็ได้ทำความรู้จักเรือลำนี้มากขึ้นอีกประการ

เดิมทีเรือลำนี้ได้รับการตั้งชื่อเมื่อปี 1921 แต่ในปลายยุคปี 70 เรือทั้งลำได้ถูกดัดแปลงปรับปรุงใหม่ทั้งหมด หรือจะว่าอีกอย่างคือ เรือสำราญควีนอลิซาเบธลำนี้เพิ่งได้ถูกปล่อยลงสู่ทะเลในช่วงปี 1980 นี้เอง

เรือสำราญควีนอลิซาเบธเป็นเรือสำราญที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จนทุกวันนี้ยังเป็นเรือที่แล่นด้วยความเร็วสูงสุดในโลกลำหนึ่งด้วย ตัวเรือยาว 312.83เมตร ใหญ่พอๆกับขนาดสนามฟุตบอลสามสนามรวมกัน มีความสูงถึง62 เมตร มีทั้งหมด 20 ชั้น ปริมาณการระบายน้ำทั้งหมดมากกว่า 7.5 หมื่นตัน

มีห้องพักรวมกันกว่า 1,020 ห้อง ซึ่งแบ่งเป็นห้องวิวทะเล 770 กว่าห้อง บรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่า 2,000คน และลูกเรืออีก 986 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงครบครันทั้ง สระว่ายน้ำ สนามกอล์ฟ ห้องสมุด โรงละครเป็นต้น

การออกทะเลเป็นครั้งที่สองของเรือสำราญควีนอลิซาเบธนี้เป็นจุดสิ้นสุดของกิจการเรือเดินสมุทรท่องเที่ยวทั่วโลก แล้วเปลี่ยนกลายเป็นเรือคาสิโนแทน นอกจากเมืองลาสเวกัสและเกาะมาเก๊าแล้ว เรือลำนี้ได้เป็นสวรรค์ของนักพนันที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง

แน่นอนว่าแตกต่างจากสถานที่ทั้งสองแห่งอย่างสิ้นเชิง การได้ขึ้นมาบนเรือลำนี้ได้ จะต้องเป็นระดับมหาเศรษฐี อย่ามองว่านี่เป็นเพียงเรือธรรมดา ในทุกปีได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ไม่แพ้สถานที่สองแห่งดังกล่าวเลย

“ให้ตายเถอะ นี่สิถึงจะเรียกว่าคนมีเงิน เรือลำนี้ราคาจะสักกี่พันล้านดอลล่าร์เชียว?”

ฟังภาคบรรยายจบแล้ว เยี่ยเทียนอดไม่ได้สบถคำหยาบคายออกมา คิดว่าตนเองถือว่าเป็นคนมีเงินแล้ว แต่ตอนนี้ดูท่านอกจากพวกพนักงานบริกรบนเรือ ตัวเขาเองน่าจะเป็นคนที่จนที่สุดในเรือเลยก็ว่าได้

“เฮ้ย คนต่างชาตินี่ช่างอิสระเสรี!”

คลิปวีดีโอบันทึกเล่นจบแล้วภาพที่แสดงในฉากถัดไปทำเอาเยี่ยเทียนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ภาพของหญิงสาวที่เปลือยกายกลุ่มหนึ่ง บนร่างกายของพวกเธอมีเขียนหมายเลขเอาไว้อยู่

ตามมาด้วยเสียงอธิบายว่า ขอแค่ถูกใจหญิงสาวคนไหน ก็ยกหูโทรศัพท์ได้เลย ภายในสามนาที หญิงสาวที่เลือกไว้จะมาหาถึงในห้องนอน

แน่นอนว่าราคาของพวกเธอเหล่านี้ย่อมไม่ถูกแน่นอน เลขศูนย์ที่เรียงกันด้านหลังราคานั่นยังลงท้ายด้วยสัญลักษณ์ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ

“นอน!”

เยี่ยเทียนรู้สึกว่าน้องชายของเขากำลังอยากจะผงาดขึ้นมา เขารีบกดปิดโทรทัศน์ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับให้ตัวเองจิตใจสงบลง

“บ้าจริง อยากจะทำอะไรกันตอนนี้?”

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เยี่ยเทียนถูกเสียงร้องครวญครางอย่างหฤหรรษ์ปลุกให้ตกใจตื่น แม้ว่าผนังห้องจะแน่นหนาแต่ก็ไม่อาจปิดกั้นความหูไวของเยี่ยเทียนได้

เยี่ยเทียนฝึกวิชามาอย่างดีแต่ก็ไม่สามารถบังคับให้ตัวเองเข้าสู่ภวังค์ได้ เสียงเสพสมที่ดังมาจากห้องข้างๆ ทำเอาเยี่ยเทียนอยากจะจับจู้เหวยเฟิงโยนลงทะเลไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

จู้เหวยเฟิงเหมือนจะไม่ได้เรียกมาแค่เพียงคนเดียว มีต่อเนื่องมาทั้งคืนจนฟ้าสาง เสียงรบกวนจึงจะสงบลง

“คุณยังเดินไหวอยู่เหรอ?”

วันรุ่งขึ้นเยี่ยเทียนเห็นจู้เหวยเฟิงแล้วก็โมโหขึ้นมา เขารบศึกหนักมาทั้งคืน แต่เช้านี้กลับดูกระปรี้กระเปร่าสดชื่นผิดปกติ

 “น้องเยี่ย นายว่าอะไรน่ะ?”

จู้เหวยเฟิงตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าขัดเคืองของเยี่ยเทียนแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง “อะแฮ่ม เมื่อวานคนที่ผมเรียกมาเป็นคนญี่ปุ่น นายเองก็ต่อต้านญี่ปุ่นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

เยี่ยเทียนสะบัดเสียงฮึ่มใส่ สีหน้าปองร้ายตอบกลับว่า “วันนี้อย่ามาเล่นไม้นี้กับผมนะ ไม่อย่างนั้นผมจะจับพวกคุณโยนลงทะเลไปให้ปลาฉลามกิน!”

“อย่านะอย่า น้องเยี่ย นานๆได้ออกมาที…”

จู้เหวยเฟิงยังคิดอยากจะลากเยี่ยเทียนไปด้วย แต่สัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตที่มองตอบกลับมาแล้วก็หยุดชะงัก ตอบกลับเสียงอ่อยว่า “เอาตามที่นายว่าก็แล้วกัน ตอนแรกว่าวันนี้จะเรียกสาวรัสเซียเสียหน่อย ไม่เรียกแล้ว!”

เป็นไปตามที่จู้เหวยเฟิงคิดไว้ไม่มีผิด โซน C นี้มีห้องอาหารแยกเฉพาะ โต๊ะอาหารวางเรียงยาวเต็มไปด้วยอาหารทะเลหลากหลายมากมาย

ผู้ที่มาใช้บริการห้องอาหารที่นี่มีประมาณสองร้อยกว่าคน น่าจะเป็นคนที่มาร่วมงานประชุมโดยที่ไม่มีนักมวยที่ร่วมลงแข่งด้วยกับพวกสมาชิก

เห็นดังนี้แล้วจู้เหวยเฟิงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยก็เป็นคนประเภทเดียวกัน พวกเขาไม่ได้ถูกเหยียดหยามอย่างที่คิดไว้

………………………………………………….