ตอนที่ 616 รวมตัวแก๊งค์มาเฟีย

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 616 รวมตัวแก๊งค์มาเฟีย โดย Ink Stone_Fantasy

ผู้ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันมวยนี้ได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาและต้องมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งด้วย เพราะเวลาการพักผ่อนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นฝ่ายผู้จัดงานจึงตกลงให้งานประชุมเริ่มขึ้นตอน 11 โมงเช้า

หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จแค่ 9 โมงกว่าๆเท่านั้น เยี่ยเทียนกับจู้เหวยเฟิงไปเดินเล่นต่อที่ชั้นดาดฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยเทียนได้โดยสารเรือสำราญขนาดยักษ์สุดหรูระดับนี้ ทั้งวิวทิวทัศน์ท้องทะเลหรือว่ากิจกรรมสนุกสนานบนเรือชนิดต่างๆล้วนให้เยี่ยเทียนรู้สึกแปลกใหม่เพลิดเพลิน

มองดูเหล่ามหาเศรษฐีที่ใส่ชุดสูทเดินไปเดินมาบนดาดฟ้าเรือ เยี่ยเทียนหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ประธานจู้ บนเรือนี่มีเศรษฐีที่มีทรัพย์สินรวมกันไม่รู้กี่หมื่นล้าน คงไม่มีโจรสลัดมาปล้นเรือหรอกใช่ไหม?”

“โจรสลัด?”

จู้เหวยเฟิงเบ้ปากตอบว่า “พวกเราน่ะถอดเสื้อผ้าออกหมดรอให้เขามาปล้น พวกโจรสลัดก็ไม่กล้ามาหรอก นายคิดว่าใครจะมาก่อเรื่องบนเรือลำนี้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ?”

โจรสลัดแม้จะดุร้าย แต่พวกนั้นมักจะกระทำกับคน พวกเขากล้าปล้นน้ำมัน กล้าปล้นสินค้าแต่ด้วยภูมิหลังของผู้โดยสารบนเรือแต่ละราย ไม่มีใครกล้ามาแตะต้อง

เมื่อก่อนเมืองลาสเวกัสก็เคยมีการออกเรือคาสิโน แล้วถูกโจรสลัดปล้นสดมภ์ไป

แต่หลังจากนั้นสามวัน กองกำลังทหารเกือบทั่วทุกมุมโลกได้เรียกรวมพล อีกไม่ถึงสัปดาห์ โจรสลัดกลุ่มนั้นที่เคยเป็นใหญ่ในท้องทะเลก็ถูกกำราบเสียหมดสิ้น

หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกโจรสลัดจึงเกรงกลัวเรือสำราญประเภทนี้ การปล้นแย่งชิงทรัพย์สินเงินทองเพื่อใช้เสพสุข แต่ถ้าต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงก็คงไม่คุ้ม

เรือสำราญประเภทนี้มักมีการติดตั้งอาวุธคุ้มกันเพิ่มเติม อย่างเรือสำราญควีนอลิซาเบธก็ได้ติดตั้งอาวุธหนักเอาไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้เรือดังกล่าวจึงไม่เข้าเทียบท่าที่ชายฝั่งประเทศใดเลย เพียงแต่ให้เรือบรรทุกน้ำมันมาเติมให้เท่านั้น

“ท่านเยี่ย ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่เล่า?”

เยี่ยเทียนกับจู้เหวยเฟิงกำลังยืนตากลมคุยกันอยู่ ได้ยินเสียงเรียกลอยมาข้างหู จึงหันหลังกลับไปดู แล้วก็ตะลึงตาค้าง

“คุณเป็นใครครับ?”

ชายคนนั้นเป็นคนเชื้อสายจีน อายุประมาณห้าสิบกว่าปี เนื้อขมับทั้งสองข้างโหนกนูน ดูแล้วเป็นคนมีวาสนาดี แต่เยี่ยเทียนนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร

“ท่านเยี่ย ผมคือต่งเซิงไห่แห่งมอสโค!” เขาจับมือของเยี่ยเทียนไว้ นิ้วก้อยเด้งขึ้นมาแตะที่หลังมือของเยี่ยเทียนสามจุด

“พบเจอพี่น้องในสมาคมหงเหมิน?” เห็นกิริยาของผู้ที่มาเยือนแล้วเยี่ยเทียนก็ยิ้มออกมา

ในสมาคมหงเหมินมีธรรมเนียมปฏิบัติมากมาย เมื่ออยู่ในบางสถานการณ์ไม่เหมาะจะแสดงความเคารพ ดังนั้นจึงแสดงท่าทางเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเป็นคนในสมาคมหงเหมิน ชายคนนี้ยื่นนิ้วก้อยออกมาแสดงว่าตัวเขาเป็นผู้น้อย แล้วแตะบนหลังมือของเยี่ยเทียนสามครั้งเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ

ต่งเซิงไห่ยิ้มแย้ม เอ่ยว่า “ท่านเยี่ย ผมมาช้าไปหลายวัน คุณเข้าร่วมในพิธีตำหนักสุคนธ์นั้นผมมาไม่ทัน ส่วนพิธีล้างมือในอ่างทองคำของท่านเหลยผมได้มีโอกาสเห็นคุณครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้ทักทาย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันวันนี้!”

แม้จะไม่ได้เห็นเยี่ยเทียนแผลงฤทธิ์ในตำหนักสุคนธ์วันนั้น แต่ได้ยินมาจากเสียงซุบซิบกันทั่ว ทั้งท่าทีที่ทุกคนให้ความเคารพเยี่ยเทียน ต่งเซิงไห่ต่างเห็นมากับตา

“ขอโทษครับ คุณคือท่านไห่แห่งมอสโคใช่ไหมครับ?” จู้เหวยเฟิงที่ยืนฟังอยู่ข้างๆได้ยินว่าคนๆนั้นเป็นใครก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

“คุณกล่าวเกินไปแล้ว ต่อหน้าท่านเยี่ย เรียกผมว่าท่านไห่ได้อย่างไรกัน!”

ต่งเซิงไห่เห็นจู้เหวยเฟิงมากับเยี่ยเทียนจึงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ท่านนี้คงเป็นคนของสมาคมหงเหมินเช่นกันหรือ? ทำไมไม่คุ้นหน้าเลย?”

จู้เหวยเฟิงโบกมือปฏิเสธตอบว่า “ผมไม่ได้เป็นครับ ท่านไห่ ผมคือจู้เหวยเฟิงแห่งเทียนหลงกรุ๊ป เราเคยได้ติดต่อกันมาก่อน เรื่องของอันเดรวิชคุณยังจำได้อยู่ไหม?”

“อ๋อ ที่แท้ประธานจู้นี่เอง?”

รอยยิ้มของต่งเซิงไห่เหือดแห้งลง ยื่นมือออกไปจับกับมือของจู้เหวยเฟิงแล้วเอ่ยต่อว่า “ประธานจู้จัดงานประลองมวยใต้ดินในจีนถือว่าประสบความสำเร็จมากนะ แม้แต่อันเดรวิชยังต้องพ่ายแพ้กลับไป ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณส่งใครลงแข่งชิงแชมป์หรือเปล่า?”

“อะแฮ่ม ครั้งนี้ผมมาเพื่อเยี่ยมชมเท่านั้น ไม่ได้พานักมวยมาด้วย!”

คำพูดของต่งเซิงไห่ทำให้จู้เหวยเฟิงเคอะเขิน ตอนนั้นเพื่อปกป้องชื่อเสียงของค่ายมวยตัวเอง จึงไม่มีคนนอกได้รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหูหงเต๋อ คนนอกยังคิดว่าหูหงเต๋อเป็นนักมวยในสังกัดของเขา

“เฮ้อ ทำไมไม่พามาด้วยเล่า?”

ต่งเซิงไห่ไม่รู้เรื่องราวเหล่านั้น ถอนหายใจแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย ผมว่านะน้องจู้ ครั้งนี้ถ้าคุณพาคนที่ล้มอันเดรวิชลงได้มาด้วย ไม่แน่ว่าผู้ที่ชนะรางวัลแชมป์อาจจะเป็นคนของคุณก็ได้”

“เดี๋ยวก่อน ทั้งสองท่าน พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน?” เยี่ยเทียนเห็นบทสนทนาของทั้งสองยิ่งร้อนแรงขึ้น จึงเข้าขัดจังหวะ

ต่งเซิงไห่นึกขึ้นได้เกือบลืมว่ามีเยี่ยเทียนยืนอยู่ตรงนี้ด้วยก็รีบแก้ต่าง “ท่านเยี่ย ผมกับน้องจู้เป็นเพื่อนกัน แต่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ครั้งก่อนเขาเคยเชิญนักมวยของผมออกไปด้วยคนหนึ่ง

อย่าว่าอย่างนั้นเลย ถ้าในประเทศเรามีคนเก่งที่เอาชนะเจ้าอันเดรวิชได้ด้วย…”

ฟังจบเยี่ยเทียนถึงได้รู้ว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นหัวหน้าสมาชิกสมาคมหงเหมินในรัสเซีย ผู้ซึ่งได้ควบคุมกิจการใต้ดินมากมาย

ต่งเซิงไห่ได้อาศัยอยู่ที่มอสโคตั้งแต่ต้นปี 80 ตอนยุคสหภาพโซเวียตล่มสลายได้อาศัยการสนับสนุนจากสมาคม       หงเหมินการค้าจึงรอดพ้นจากวิกฤตครั้งใหญ่มาได้ ต่งเซิงไห่ได้ครอบครองธุรกิจใต้ดินเกือบครึ่งในมอสโค

นิสัยคนรัสเซียชอบกีดกันคนที่แตกต่างจากพวกตนออกไป ต่งเซิงไห่เกือบก่อการจลาจลเล็กๆขึ้นในปีนั้นที่ทำให้เกิดการฆ่าฟันกันอย่างบ้าดีเดือด สุดท้ายจึงยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ในมอสโค

แม้ว่าหลายปีมานี้จะเพลาๆลงบ้าง แต่ต่งเซิงไห่ยังคงควบคุมค่ายมวยปล้ำแห่งใหญ่ที่สุดในมอสโค อันเดรวิชเป็นแชมป์มวยในสังกัดของเขาเอง

จู้เหวยเฟิงอาศัยเส้นสายของคนอื่นติดต่อกับต่งเซิงไห่ ยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเชิญอันเดรวิชมาประเทศจีน แต่กลับเกือบกลายเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

“ท่านไห่ คุณอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”

ต่อหน้าเยี่ยเทียน จู้เหวยเฟิงรู้สึกอับอาย ยิ้มแห้งตอบกลับว่า “คนที่โค่นอันเดรวิชได้นั้นไม่ใช่คนของค่ายมวยผมหรอก แต่เป็นคนของเยี่ยเทียนต่างหากส่วนเจ้าคาโต้ ทาคุมิที่ถูกตัดแขนขานั่น ก็เยี่ยเทียนนี่แหละที่เป็นคนตัด!”

“อะ…อะไรนะ?”

ต่งซิงไห่ฟังที่จู้เหวยเฟิงพูดแล้วหันมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ

ได้ยินว่าเยี่ยเทียนทำให้เหลยเจิ้นเยวี่ยพ่ายแพ้ เขาก็ตกใจพอแล้ว แต่เหลยเจิ้นเยวี่ยเป็นชายชราอายุแปดสิบ อาจจะมีกำลังวังชาสู้เยี่ยเทียนไม่ได้

แต่อันเดรวิชนั้นไม่เหมือนกัน ต่งเซิงไห่รู้ว่าอันเดรวิชมีฝีมือร้ายกาจแค่ไหน ถ้าเขาเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาจะกลายเป็นกระทิงดุ แต่กลับถูกลูกน้องของเยี่ยเทียนกำราบลงเสียโดยที่อาการบาดเจ็บของอันเดรวิชเพิ่งจะรักษาหายเมื่อไม่นานมานี้

ส่วนคาโต้ ทาคุมินั้น ต่งเซิงไห่พอเคยได้ยินชื่อว่าเขาเป็นนักดาบฝีมือดีของสำนักดาบคิตะมิยะในญี่ปุ่น ตอนนั้นได้ยินว่าถูกตัดแขนตัดขาไป ต่งเซิงไห่ยังคิดว่าเป็นความโชคร้าย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝืมือของเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนหัวเราะแล้วส่ายหัว ส่งสายตาตักเตือนไปให้จู้เหวยเฟิงแล้วบอกว่า “อย่าไปฟังประธานจู้คุยโม้ คนนั้นเป็นเพื่อนของผม ไม่ใช่ลูกน้อง”

โบราณว่าไว้คนไม่กลัวมีชื่อเสียง หมูไม่กลัวแข็งแรง เยี่ยเทียนเป็นคนไม่แสวงหาทั้งชื่อเสียงและทรัพย์สินเงินทอง เขาไม่อยากให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มาก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการนำภัยมาสู่ตัว

“ท่านเยี่ย ด้วยผีมือของคุณ ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งในสมาคมหงเหมินก็สามารถขึ้นเป็นผู้อาวุโสได้เลย!”

ได้รับฟังชัยชนะของเยี่ยเทียนแล้วต่งเซิงไห่ก็อดให้ความนับถือไม่ได้ แต่นี่กลับทำให้เยี่ยเทียนประหลาดใจ “เหล่าต่ง คนมีฝีมือในสมาคมหงเหมินก็มีไม่น้อย? เมื่อไหร่กันที่จัดอันดับตามฝีมือ?”

“ท่านเยี่ย ในสมาคมหงเหมินหากอยากเลื่อนขั้น ต้องดูก่อนว่ามีคุณูปการแก่สมาคมหงเหมินมากหรือน้อย การลงแข่งมวยปล้ำนี้ก็ถือเป็นวิถีอีกทางหนึ่ง”

เยี่ยเทียนยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ต่งเซิงไห่จึงอธิบายต่อว่า “การแข่งขันมวยใต้ดินแต่ละรุ่นในทุกๆปีนั้นจะมีการเพิ่มรางวัล บางทีจะเพิ่มเป็นเงินเดิมพัน บางทีจะใช้อาณาเขตเป็นเดิมพัน ท่านเหลยตอนปี 80 นั้นเคยเอาชนะคนเม็กซิโก แล้วไล่พวกเขาออกไปจากซานฟรานซิสโก….”

กลุ่มนักมวยปล้ำ มักจะเป็นมาเฟียผู้อาวุโสในเขตท้องถิ่น นอกจากเงินพนันแล้ว พวกเขายังเอาพื้นที่ของตัวเองลงเดิมพันด้วย เหตุการณ์อย่างนี้มักเกิดขึ้นอยู่เป็นปกติทุกปีในการแข่งขันมวยใต้ดินระดับโลก

ช่วงต้นยุคปี 80 คนเม็กซิโกใช้อำนาจบาตรใหญ่เข้ามาระรานพื้นที่ของคนเชื้อสายจีนในซานฟรานซิสโก หลังจากผ่านศึกที่สู้กันเลือดตกยางออก สุดท้ายใช้การแข่งขันมวยปล้ำมาตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองพื้นที่แถบนี้

ตอนนั้นผู้ลงแข่งจากทางฝ่ายเม็กซิโกเป็นนักมวยชั้นเซียนที่เคยปะทะฝีมือกับราชาแห่งมวย อาลี มาก่อน เขาเดิมทีเป็นนักมวยมืออาชีพ ต่อมาเข้าสู่วงการมวยใต้ดิน มีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน

ส่วนผู้ลงแข่งจากฝ่ายสมาคมหงเหมินแน่นอนว่าต้องเป็นเหลยเจิ้นเยวี่ย สิ่งที่ทำให้ผู้ชมทั้งสนามต้องจับตามองคือภายในไม่ถึงสามยก นักมวยฝ่ายเม็กซิโกก็ถูกเหลยเจิ้นเยวี่ยใช้วิชาหมัดมวยสังหารจนตายคาเวที

หลังจากนั้นเหลยเจิ้นเยวี่ยยังได้สังหารนักมวยอีกสามคนที่ท้าประลองกับเขา แล้วก็ไม่มีใครกล้าออกมาท้าทายเขาอีกเลย ตำแหน่งแชมป์โลกในปีนั้นจึงตกเป็นของเหลยเจิ้นเยวี่ยผู้ที่ผงาดขึ้นราวกับเสือติดปีก

หลังจากปีนั้น คนเชื้อสายจีนก็ไม่มีใครได้มีหน้ามีตาในวงการมวยใต้ดินอีกเลย โดยทั่วไปแล้วแชมป์แต่ละปีจะเป็นคนยุโรป อเมริกันหรือแอฟริกันเท่านั้น ยังหลงเหลือเพียงผู้อาวุโสบางคนในวงการเท่านั้นที่ยังจดจำชัยชนะของเหลยเจิ้นเยวี่ยได้

“ที่ไหนมีคน ที่นั่นก็ต้องมียุทธจักร!”

เยี่ยเทียนหัวเราะพลางส่ายหัว ในใจคิดว่าเจ้าของเรือสำราญควีนอลิซาเบธลำนี้เป็นใครกันหนอ แค่อาศัยการจัดงานประชุมมวยใต้ดินระดับสากลปีละครั้งก็สามารถรวบรวมมาเฟียแก๊งใต้ดินมาจากทั่วทุกมุมโลกได้

นอกจากสมาคมหงเหมินแล้ว แก๊งค์มาเฟียในอิตาลี  แก๊งค์ยากูซ่าของญี่ปุ่น จนถึงกลุ่มมาเฟียแห่งเม็กซิโกจะต้องมาร่วมในงานแข่งขันมวยใต้ดินนี้เกือบทุกปี

ถ้าหากประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดเข้มงวดกวดขันขึ้นมา ทำการจมหรือระเบิดเรือลำนี้ทิ้งไปเสียตอนนี้แล้วละก็ ความสงบสุขของโลกเกือบทั้งใบคงจะหวนคืนกลับมาอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยคนที่ทำชั่วก็คงจะตายไปเสียแล้วครึ่งโลก

“มิสเตอร์ต่ง เพื่อนเก่าของฉัน นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

ตอนที่เยี่ยเทียนพูดคุยซักถามต่งเซิงไห่อยู่นั้น ได้มีชายชราผมสีดอกเลา ใบหน้าแดงปลั่งสวมชุดสูทสีขาวดูภูมิฐานเดินเข้ามา

ข้างกายของชายชรามีคนฝรั่งที่เป็นบอดี้การ์ดยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เจ็ดแปดคน แต่เยี่ยเทียนสังเกตว่ามีหลายคนมองดูต่งเซิงไห่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

……………………………………………………………..