บทที่ 2981 ดาวช่วยชีวิต 2
“เด็กดี มาอยู่ข้างกายข้าเถิด ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า” น้ำเสียงของฟั่นเชียนซื่ออ่อนโยนดึงดูด ราวกับตะขอเล็กๆ เกี่ยวหัวใจของคนให้สั่นไหว ทำให้คนอดใจไม่อยู่ต้องการจะฟังเสียงเขา
เขาเอ่ยพลางค่อยๆ เก็บแขนเสื้อเข้ามาทีละชุ่นๆ
ปัจจุบันวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วสูงส่ง ถึงแม้จะยังห่างชั้นกับเขาอยู่แต่ก็ไม่อาจดูแคลนได้แล้ว
ถึงอย่างไรนางก็เป็นอดีตเทพผู้สร้างโลกกลับชาติมาเกิด บนร่างมีพลังพิสดารอย่างหนึ่งอยู่
พลังนี้ยามปกติอาจจะดูไม่ออก แต่เมื่อนางประสบอันตรายใหญ่หลวง ก็มีความเป็นไปได้ที่พลังนี้จะตื่นขึ้นมา ไม่รู้จะสำแดงกระบวนท่าอันใดออกมาเพื่อต่อต้านผู้อื่น…
ฟั่นเชียนซื่อมั่นใจว่าสามารถสังหารนางได้ในกระบวนท่าเดียว แต่เขาไม่อยากสังหารนาง แค่อยากจับเป็นนาง…
ย่อมต้องใช้กระบวนท่าบางอย่างที่รับประกันว่าจะจับนางไว้ได้
กู้ซีจิ่วที่ถูกกักขังไว้ในแขนเสื้อของเขาถึงแม้สีหน้าจะไม่ยินยอม แต่นางควบคุมมือเท้าของตนไม่ได้ เดินเข้าไปหาฟั่นเชียนซื่อทีละก้าวๆ…
ดวงตาฟั่นเชียนซื่อส่องประกายนิดๆ สายตาที่มองนางฉายแววอ่อนโยน อ้าแขนออกกึ่งหนึ่ง…
อยากจะกอดนางยิ่งนักมาโดยตลอด อยากมากจริงๆ!
ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว…
ร่างกายกู้ซีจิ่วส่ายโงนเงน ในที่สุดก็ตกเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
กลิ่นหอมอ่อนจางโชยปะทะหน้า เป็นกลิ่นกายที่เขาคุ้นเคย ในทรวงอกของฟั่นเชียนซื่อดุจมีโลหิตร้อนซัดตลบ หมายจะกอดนางแน่นๆ ตามสัญชาตญาณ
จู่ๆ สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน สองมือจับสองแขนของคนในอ้อมกอดเอาไว้! กระชากอย่างแรง!
คนในอ้อมแขนถูกกระชากจนปลิวออกไป ล้มลงบนพื้นเสียงดังพลั่ก ครางแผ่วๆ คราหนึ่ง
ฟั่นเชียนซื่อถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นิ้วมือพลันกำแน่น! จู่ๆ ก็ซัดฝ่ามือเข้าใส่คนที่อยู่บนพื้น!
ลำแสงสีขาวสายหนึ่งเข้าครอบคลุมร่างของคนผู้นั้น เมื่อแสงสีขาวสลายไป บนพื้นไหนเลยจะยังใช่กู้ซีจิ่วผู้อ้อนแอ้นอรชรคนนั้นอยู่? เป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งชัดๆ!
รูปลักษณ์ของหุ่นเชิดตัวนั้นมีเค้าของกู้ซีจิ่วแค่สามส่วนเท่านั้น เพียงแต่หลังจากถูกคนร่ายอาคมใส่ ก็จะดูเหมือนกู้ซีจิ่วทุกประการ
อาคมนี้ละเอียดอ่อนยิ่ง แต่ด้วยความสามารถระดับฟั่นเชียนซื่อแล้ว มองมันออกได้ไม่ยากเลย
แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องราวของกู้ซีจิ่วแล้วสมองที่ปราดเปรื่องเสมอมาของเขาก็จะเลอะเลือนไปอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นคือหุ่นตัวนี้ยังเหมือนนางทุกอากัปกริยาวาจาด้วย ซ้ำช่วงเวลาที่ปรากฏตัวขึ้นก็เหมาะสมยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะตบตาเขาได้เช่นนี้!
ทันใดนั้นฟั่นเชียนซื่อคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ โบกแขนเสื้อไปทางบอลเถาหนามที่ขยับไหวอยู่ตรงนั้นคราหนึ่ง เถาหนามถดถอยไปดั่งกระแสน้ำ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ด้านในคือหุ่นเชิดขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง…
หุ่นเชิดตัวนี้คล้ายจะประกอบขึ้นมาอย่างเร่งรีบ แม้แต่เครื่องหน้าก็ไม่มีอยู่เลย เป็นเพียงก้อนใหญ่ๆ เท่านั้น เพียงแต่มันขยับเป็นครวญครางเป็น เถาหนามถอยออกไปแล้ว มันก็ยังคงขยับดิ้นรนอยู่ตรงนั้นอย่างเอาจริงเอาจัง แสดงได้สมจริงยิ่ง
ส่วนตี้เฮ่ากับมังกรประทีปชมพูที่เดิมทีสมควรจะอยู่ด้านในกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ชัดเจนยิ่ง พวกเขาถูกคนฉวยโอกาสช่วยเหลือไปแล้ว!
ติดกับแล้ว!
สีหน้าฟั่นเชียนซื่อเขียวคล้ำ!
ไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยคนหนีไปได้ภายใต้สายตาของเขา!
ช่างท้าทายขีดจำกัดของเขายิ่งนักจริงๆ!
เขาตะลึงงันอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็แย้มยิ้ม
สามารถใช้กลยุทธ์หลี่สิ้นแทนท้อ ชิงตัวคนไปได้อย่างเงียบเชียบภายใต้สายตาของเขาเช่นนี้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายใช้วิชาเคลื่อนย้ายผนวกกับวิชาเร้นกาย
และคนที่สามารถใช้ทั้งสองวิชานี้ได้ในเวลาเดียวกันก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น…กู้ซีจิ่ว!
นางมาแล้วจริงๆ…
ไม่มีผู้ใดสามารถหนีออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้ได้ ต่อให้นางพาตี้เฮ่าหนีไปแล้วจะหนีไปที่ไหนได้เล่า?
ยิ่งไปกว่านั้นคือนางยังพามังกรประทีปชมพูที่ทั้งโง่ทั้งทึ่มตัวนั้นไปด้วย!
เขาจะหานางให้เจออีกครั้ง จะไปหานางตัวจริง ทำให้นางหนีไม่พ้นเงื้อมมือของตนอีก!
เขายกมือขึ้น ลูบหุ่นเชิดสองตัวนั้นเบาๆ ไม่กี่ครา แล้วยิ้มออกมา
————————————————————————————-
บทที่ 2982 ดาวช่วยชีวิต 3
กล้ามาจูงจมูกผู้สูงส่งเช่นเขาได้
เสี่ยวซีจิ่ว เมื่อได้พบกันครั้งหน้า เจ้านึกว่าจะยังสามารถใช้หุ่นเชิดนี้ตบตาข้าได้อีกหรือ?
สายตาเขาหันเหไปทางเสี่ยวเฮย เสี่ยวเฮยยืนทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น แน่นิ่งปานท่อนไม้
เมื่อครู่เขานึกชังที่เจ้าตัวนี้เอาแต่โวยวายอยู่ด้านข้าง และไม่อยากให้มันดื้อรั้นจนทำให้ตนเสียการ ดังนั้นถึงได้ควบคุมมัน ทำให้มันไม่อาจทำอันใดได้
ตอนนี้ภารกิจการตามหามังกรประทีปชมพูยังคงต้องพึ่งพาเสี่ยวเฮยอยู่ และเสี่ยวเฮยที่ถูกควบคุมก็ไม่อาจใช้พลังจิตพิเศษจับตำแหน่งของมังกรประทีปชมพูได้…
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง คลายอาคมที่ร่ายใส่มันออกจากมัน
ร่างของเสี่ยวเฮยไหวสะท้านคราหนึ่ง ได้สติกลับมาแล้ว ดวงตากลมโตดุจลูกแก้วคู่นั้นมองมาที่เขา
ฟั่นเชียนซื่อสูดหายใจนิดๆ รอให้มันอาละวาด…
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิบัติต่อมันเช่นนี้ เจ้าสิ่งนี้ไม่เคยได้รับความขุ่นข้องเช่นนี้มาก่อน เมื่อได้รับอำนาจในการควบคุมร่างกลับมา ปฏิกิริยาแรกของมันย่อมเป็นการระบายโทสะใส่เขาแน่นอน!
เขาก็คิดหาวิธีการดีๆ มารับมือกับมันอยู่ในใจเช่นกัน คิดคำพูดโวหารเอาไว้ในท้องแล้ว
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าปฏิกิริยาของมันกลับเป็นการถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ ดวงตามหึมาคู่นั้นเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง..
ฟั่นเชียนซื่อตะลึงเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้ว ในบรรดาลูกน้องทั้งหมดของเขา รวมถึงอูเชียนเหยียนด้วย เมื่อเห็นเขาจะราวกับหนูพบแมว ตัวสั่นระริก เคารพนอบน้อม
มีเพียงเจ้าเสี่ยวเฮยตัวนี้ที่กล้าขึ้นเสียงกับเขา กล้าโต้เถียงท้าทายเขา…
เขาปวดหัวกับความดื้อรั้นของเจ้าตัวนี้ยิ่งนักเสมอมา แต่ตอนนี้พอเห็นมันแสดงทีท่าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในยามที่ได้พบเขาแล้ว ในใจเขาก็เจ็บปวดอยู่รางๆ! และค่อนข้างไม่เคยชินยิ่ง
เขากระแอมเบาๆ คราหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “เสี่ยวเฮย มานี่สิ ข้าจะคุยกับเจ้า”
เสี่ยวเฮยก้มหน้าก้มตาเข้ามาหา ฟุบลงที่แทบเท้าเขา ‘นายท่าน มีเรื่องใดจะสั่งการ?’
ฟั่นเชียนซื่อผงะไปแล้ว ชะงักไปแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “เสี่ยวเฮย ข้าทำเช่นเพราะไม่มีทางเลือกเช่นกัน ตี้ฝูอีเป็นคนที่จำเป็นต้องกำจัดทิ้ง มิเช่นนั้นหากเขาหวนคืนสู่ตำแหน่งได้ก็จะเป็นวันตายของข้า มีแต่ต้องฉวยโอกาสในยามนี้…ส่วนกู้ซีจิ่วก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถสังหารเขาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอันใดข้าก็ต้องทำให้กู้ซีจิ่วจัดการเรื่องนี้ให้ข้าให้ได้ ยามนี้คนที่กู้ซีจิ่วใส่ใจก็คือตี้เฮ่า ดังนั้นข้าจึงต้องพุ่งเป้าไปที่เขา มังกรประทีปชมพูตัวนั้นเป็นแค่มังกรประทีปกลายพันธุ์ มันเทียบเคียงกับมังกรประทีปทั่วไปไม่ได้ ดังนั้นที่เจ้าเห็นว่ามันงดงาม ก็เพียงเพราะไม่เคยได้พบพานมังกรประทีปตัวอื่นๆ สักเท่าไหร่…เจ้าวางใจเถิด รอจบเรื่องที่นี่แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเยือนแดนเผ่ามังกรประทีป เสาะหาภรรยาให้เจ้า เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องตาตัวไหนข้าก็จะจับตัวนั้นมาให้เจ้าเลย…ครั้งนี้เจ้าต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานกับข้า เจ้าคงหักใจมองเห็นข้าสิ้นชีพด้วยน้ำมือของตี้ฝูอีไม่ได้กระมัง…”
เขาขู่ขวัญแกมหลอกล่อ สำทับด้วยสายใยและเหตุผล กล่าววาจาออกมามากมาย เพียงเพื่อกระตุ้นเสี่ยวเฮยอย่างแท้จริง
จิตใต้สำนึกของเขาไม่ต้องการให้มันเชื่องเชื่อถึงเพียงนี้…
เสี่ยวเฮยกลับก้มหัวอยู่ตลอด แม้แต่หางก็ห้อยลู่ลง เสียงสุภาพราบเรียบ ‘นายท่านไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อเสี่ยวเฮย นายท่านโปรดสั่งการมาได้เลย‘
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกแล้ว…
เขาแทบนึกสงสัยแล้วว่าดวงวิญญาณในร่างของเสี่ยวเฮยถูกสลับสับเปลี่ยน! หรือบางทีอาคมที่ตนร่ายใส่มันอาจจะยังถอดถอนไปไม่หมด
เขาตรวจสอบดูอย่างเงียบเชียบครู่หนึ่ง ยืนยันได้ว่าล้วนมิใช่ทั้งคู่
เขาลอบถอนหายใจคราหนึ่ง อาจเป็นเพราะเจ้าตัวนี้ไม่เคยถูกสั่งสอนมาก่อน ครั้งนี้คงถูกสั่งสอนเข้าจริงๆ แล้วกระมัง ในที่สุดก็รู้จักกาลเทศะแล้ว…
ช่างเถิด ตอนนี้มิใช่เวลามาคาดเดาความคิดของเสี่ยวเฮย ฟั่นเชียนซื่อสั่งการให้มันค้นหามังกรประทีปชมพู
เสี่ยวเฮยไม่พูดพร่ำอันใดเริ่มออกค้นหาเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง…
————————————————————————————-