บทที่ 2979 ทรมาน 4
ถึงอย่างไรฟั่นเชียนซื่อก็เคยคบค้าสมาคมกับตี้ฝูอี้ที่เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ยังคงรู้จักทักษะยุทธ์ทั้งหมดของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์อยู่บ้าง
กระบวนท่านี้ของตี้เฮ่ามีความละม้ายคล้ายคลึงกับทักษะยุทธ์แขนงหนึ่งของตี้ฝูอียามเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์และทักษะยุทธ์แขนงนี้ต่อให้เป็นตี้ฝูอีในปัจจุบันก็ยังสำแดงออกมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
เสี่ยวตี้เฮ่าเป็นเพียงลูกบุญธรรมของตี้ฝูอีในปัจจุบันเท่านั้น ทำไมเขาถึงใช้ทักษะยุทธ์แขนงนี้เป็น?!
เขาโบกมือคราหนึ่ง กระบี่สีแดงฉานก่อตัวขึ้นในฝ่ามืออีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่มังกรประทีปชมพูแล้ว แต่จ่อไปที่หว่างคิ้วของตี้เฮ่า “เจ้าเป็นใคร?! เหตุใดถึงใช้โล่อัคคีเลิศหล้าได้?!”
น้ำเสียงเขาอึมครึม เจตนาสังหารข่มขวัญคน
ตี้เฮ่าฝืนกลืนโลหิตในลำคอลงไป แย้มยิ้ม “เจ้าเดาสิ?”
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มเยียบเย็น “ไม่พูดรึ? เปิ่นจุนมีวิธีในแบบของตัวเองสำหรับทำให้เจ้าพูดความจริง!”
นิ้วมือขยับทำมุทรา ผืนทรายรอบกายตี้เฮ่าพลันเกิดเสียงแสกสาก เถาหนามนับไม่ถ้วนเจาะทะลุออกมาจากใต้ดิน คมหนามบนเถาวัลย์ส่องประกายเหลื่อมเขียวเยียบเย็น พุ่งเข้าพัวพันตี้เฮ่า!
นี่คือหนามผูกวิญญาณ เมื่อเถาหนามชนิดนี้ผูกรัดดวงวิญญาณแล้ว จะแทงหนามแหลมคมทั้งหมดเข้าไปในดวงวิญญาณ ทำให้ดวงวิญญาณเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส เสมือนถูกฉีกทึ้งออกทั้งเป็น! ต่อให้เป็นดวงวิญญาณหัวแข็งสักเพียงใดก็ทนรับสิ่งนี้ไม่ไหว โดยทั่วไปแล้วให้พูดสิ่งใดก็จะพูดสิ่งนั้น เพียงเพื่อวอนขอให้ปลดเปลื้องทัณฑ์ทรมานนี้ออกโดยเร็ว…
เครื่องทรมานนี้เป็นสิ่งที่ฟั่นเชียนซื่อคิดค้นขึ้นมา หลายปีมานี้ไม่ทราบว่าจัดการดวงวิญญาณไปมากน้อยเพียงใดแล้ว กล่าวได้ว่าใช้ร้อยครั้งได้ผลร้อยครั้ง ตอนนี้เขาจะนำทัณฑ์ทรมานนี้มาใช้กับตี้เฮ่า ไม่เชื่อหรอกว่าเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเขาจะรับไหว!
เถาหนามนี้ยังไม่ทันพัวพันไปถึงเบื้องหน้า รังสีดุดันก็เข้ามาปะทะหน้าแล้ว
ตี้เฮ่าย่อมทราบถึงอันตรายดี จนปัญญาที่ตอนนี้ร่างกายของเขาปวกเปียกอย่างยิ่ง คิดจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองก็ยังลำบากไปหมดแล้ว นับประสาอะไรกับการหลบหลีกเล่า!
เห็นเถาหนามที่ราวกับอสรพิษร้ายเหล่านั้นเลื้อยพันเข้ามา ทว่าเขาไม่มีวิธีโจมตีให้พวกมันล่าถอยไปเลย หลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ เตรียมพร้อมทนรับดูสักตั้ง…
‘วูม!’ จู่ๆ มังกรประทีปชมพูก็โถมตัวเข้ามาในแนวนอน ตวัดเขาเกี่ยวตี้เฮ่าขึ้นมาจากพื้น!
ส่วนเถาหนามที่ดุจอสรพิษเหล่านั้นก็เลื้อยพันขึ้นไปบนร่างของมังกรประทีปชมพู…
มังกรประทีปชมพูเชิดศีรษะขึ้นร้องครวญครางโหยหวน ชัดเจนยิ่ง เถาหนามเหล่าก็ทำให้มันเจ็บปวดทรมานเป็นหมื่นเท่าเช่นกัน มันคิดจะเหินบินขึ้นไปตามสัญชาตญาณ แต่เถาหนามเหล่านั้นรัดพันอุ้งเท้าของมันเอาไว้อย่างหนาแน่น แผ่ขยายไปบนร่างของมันอย่างรวดเร็วดุจมีชีวิต เป้าหมายของพวกมันยังคงเป็นตี้เฮ่าเช่นเดิม!
แน่นอน บริเวณที่พวกมันคืบคลานผ่านก็จะแทงหนามแหลมที่เรียงรายดุจเล่มเข็มเข้าไปในร่างของมังกรประทีปชมพูด้วย ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้มันสั่นสะท้านปานใบไม้ที่สั่นไหวอยู่ท่ามกลางพายุฝน…
“ปล่อยข้าลง ปล่อย!” ตี้เฮ่าดีดดิ้นอยู่บนเขามัน ถึงอย่างก็หนีไม่รอดแล้ว เขาไม่อยากลากมังกรประทีปชมพูมารับเคราะห์ด้วย
‘ไม่!’ มังกรประทีปชมพูยังคงพยายามสลัดเถาหนามเหล่านั้นออกไปเพื่อจะเหินบินอยู่
เด็กชายคนนี้เป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของมันในรอบหลายแสนปีมานี้ มันไม่อยากให้เขาถูกทรมาน…
“ไม่นึกเลยว่าลูกฟักกลมป้อมอย่างเจ้าจะมีความภักดีถึงเพียงนี้” ฟั่นเชียนซื่อหัวเราะเยาะ ในเสียงหัวเราะคล้ายเจือไอยะเยือกเอาไว้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นพวกเจ้าก็ร่วมทุกข์ไปด้วยกันเสียเถอะ!”
ขยับนิ้วร่ายอาคมต่อ เถาหนามเหล่านั้นคืบคลานไปบนร่างมังกรประทีปชมพูเร็วขึ้นกว่าเดิม
มุมหนึ่งของเถาหนามแหลมคมคืบคลานไปถึงข้อเท้าของตี้เฮ่าแล้ว ข้อเท้าตี้เฮ่าพลันเจ็บแปลบ ราวกับมีหนามแหลมเจาะมุดเข้าไปในเส้นเลือดตรงข้อเท้าเขา จากนั้นก็เจริญเติบโตขึ้นที่ด้านในอย่างรวดเร็ว…
ดวงหน้าน้อยๆ ของเขาเผือดซีดในทันใด เหงื่อเย็นเฉียบไหลย้อยลงมาตามจอนผม เขาไม่ได้กรีดร้อง กลับหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ฟั่นเชียนซื่อ มิน่าล่ะเทพผู้สร้างโลกอย่างเจ้าถึงไม่อาจปกครองโลกานี้อย่างแท้จริงได้ ที่แท้เจ้าก็ตกสู่วิถีมารแล้ว!”
————————————————————————————-
บทที่ 2980 ดาวช่วยชีวิต
ฟั่นเชียนซื่อตะลึงไปแวบหนึ่ง “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?!” เขาราวกับอสรพิษที่ถูกคนเตะจุดเจ็ดชุ่นเข้า แววตาแดงฉานนิดๆ “ไอ้หนู เปิ่นจุนจะคอยดูว่าเจ้าจะปากดีไปได้ถึงเมื่อไหร่?!”
ขณะที่เขากำลังจะเร่งเร้าเถาหนามให้คืบคลานไปเร็วขึ้น จู่ๆ ลำแสงเจ็ดสีสายหนึ่งก็ระเบิดวาบเข้ามาจากทิศทางหนึ่ง! ฟาดลงบนเถาหนามเหล่านั้นเสียงดังเพี๊ยะ!
เถาหนามเหล่านั้นพลันสะท้าน! หวีดร้องดุจอสรพิษ หดถอยไปดั่งกระแสน้ำ…
สีหน้าฟั่นเชียนซื่อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย สายตามองไปยังทิศทางนั้น นิ้วที่จรดอาคมแล้วไม่ได้สำแดงออกไป “กู้ซีจิ่ว?! ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!”
ตี้เฮ่าตกตะลึงในทันใด มองเข้าไปเช่นกัน
สตรีชุดเขียวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างสง่า เกศดำขลับปานธารน้ำตก อาภรณ์ดุจไอหมอก ในดวงตาดุจควบแน่นดวงดาราที่สุกสกาวเป็นที่สุด ยามที่กวาดสายตามองมา ทำให้หัวใจคนเต้นรัว เป็นกู้ซีจิ่ว
แววตาฟั่นเชียนซื่อส่องประกายนิดๆ คล้ายยินดีคล้ายโกรธเกรี้ยว เชิดหน้าหัวเราะ “กู้ซีจิ่ว เจ้าช่างมาได้ทันเวลานัก!”
กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้ามาได้ทันเวลาเสมอ ฟั่นเชียนซื่อ ไม่นึกเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่!”
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มเอ้อระเหยแวบหนึ่ง น้ำเสียงอบอุ่น “นึกไม่ถึงหรือ? ความจริงแล้วผู้ที่ข้าอยากพบมาโดยตลอดก็คือเจ้า เจ้ามาได้ช่างดีเหลือเกิน ซีจิ่ว ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนักเสมอมา…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เจ้าอยากพบข้าไปทำไม? ฟั่นเชียนซื่อ เหตุใดเจ้าถึงลอบเล่นงานข้าอย่างไม่จบไม่สิ้น?! ตอนนี้ยังลากบุตรชายของข้าเข้ามาพัวพันอีก…เจ้าปล่อยเขาซะ! มีเรื่องอะไรก็มาลงที่ข้าสิ!”
“บุตรชาย? เขาเป็นบุตรชายของเจ้าจริงๆ น่ะหรือ? ให้กำเนิดเองหรือไง?”
“ให้กำเนิดเขาเองหรือไม่แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย! ถึงอย่างไรข้าก็ปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นบุตรชายในอุทรอยู่แล้ว!”
“จุ๊ๆ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะทุ่มเทเพื่อลูกชายบุตรธรรมคนหนึ่งถึงเพียงนี้ เจ้าเห็นเขาเป็นลูกในไส้ ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะเห็นเจ้าเป็นแม่บังเกิดเกล้า ฐานะของเขาน่าสงสัยยิ่ง เจ้ารู้บ้างไหม?”
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้วนิดๆ “ ฐานะน่าสงสัยอันใด?”
ฟั่นเชียนซื่อปรายตามองตี้เฮ่าที่อยู่ด้านนั้น เขากับมังกรประทีปชมพูถูกเถาหนามกลืนกินเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว กลายเป็นลูกบอลหนามลูกหนึ่งอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ภายในลูกบอลหนามยังคงสั่นไหวบ้างเป็นครั้งคราว แสดงให้เห็นว่าคนและมังกรประทีปที่อยู่ด้านในล้วนทรมานทั้งเป็นอยู่…
เขาไม่ได้กระตุ้นอาคมอีก ถึงอย่างไรคนที่ถูกเถาหนามพัวพันก็หนีไม่รอดอีกแล้ว
ตอนนี้…
สายตาเขาหันเหไปที่ดวงหน้าของกู้ซีจิ่ว ก้าวเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง “ซีจิ่ว ตี้เฮ่าลอบเรียนรู้วิชาต้องห้ามแขนงหนึ่ง วิชาต้องห้ามนี้มิใช่สิ่งที่เขาจะสามารถร่ำเรียนได้ ถึงขั้นที่เจ้ากับตี้ฝูอีก็ยังเรียนไม่ได้ด้วยซ้ำ…เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมากหรือไง?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง “เจ้าพูดอยู่นานสองนานก็ไม่พูดจาเข้าประเด็นเสียที เขาลอบเรียนวิชาต้องห้ามอันใดกันเล่า?”
“เวทวิชาที่มีแค่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เท่านั้นถึงร่ำเรียนได้” สายตาของฟั่นเชียนซื่อจ้องเขม็งอยู่ที่นาง เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เขาสงสัยว่าตี้ฝูอีจะฟื้นฟูความทรงจำและตัวตนของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้แล้ว ดังนั้นถึงได้ถ่ายทอดกระบวนยุทธ์บางอย่างให้บุตรชาย
ตี้ฝูอีในปัจจุบันกระทำการใดคงไม่ปิดบังอำพรางกู้ซีจิ่ว หากว่าเขาทำเช่นนี้กู้ซีจิ่วจะต้องรู้เห็นด้วยแน่นอน!
สีหน้าของกู้ซีจิ่วไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? เจ้ามองออกได้อย่างไร?”
ฟั่นเชียนซื่อมองสีหน้าของนางแล้วดูไม่ออกจริงว่าสรุปแล้วนางรู้เรื่องหรือไม่ เขาก้าวเข้าไปอีกก้าว “เจ้าอยากรู้จริงๆ น่ะหรือ?”
ในดวงตาของเขาคล้ายมีคลื่นสลัวไหลเวียนอยู่ มีอานุภาพล่อลวงใจคน
กู้ซีจิ่วบังเอิญสบตาเขาเข้า จากนั้นก็ละสายตาไปไม่ได้อีก เอ่ยพึมพำออกมา “อยากรู้สิ…”
ฟั่นเชียนซื่อพลันทะยานร่างขึ้น ตวัดแขนเสื้อทั้งสองข้างเข้าโอบคลุมร่างนาง ห่อหุ้มนางไว้ในใจกลางดุจดักแด้ นางดิ้นรนตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกเขากักขังเอาไว้อย่างแน่นหนา
“เด็กดี มาอยู่ข้างกายข้าเถิด ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า”
————————————————————————————-