บทที่ 1437 : ห้าวหาญเยี่ยงสุภาพบุรุษ
ในเวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวหลิงหยุนได้ทำการตัดศรีษะผู้คนไปถึงสามสิบสองหัว!
ภายในช่วงเวลาเพียงแค่สั้นๆศรีษะนับสิบๆหัวก็ได้ร่วงหล่นลงจากร่างพร้อมๆกัน เวลานี้โลหิตสีแดงได้พวยพุ่งขึ้นกลางอากาศกว่าสองเมตร และตกลงมาราวกับน้ำพุ สภาพของหน้าผาบนเขาเทียนเฟิงราวกับมีฝนโลหิตหลั่งชะโลมอยู่..
การล้างแค้นของหลิงหยุนในครั้งนี้ผืนปฐพีล้วนเจิ่งนองไปด้วยเลือดไม่เพียงศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานเท่านั้นที่ขนหัวลุก แม้แต่กลุ่มของหลิงหยุนเองไม่ว่าจะเป็นตี้เสี่ยวอู๋ ไป๋เซียนเอ๋อ และอีกหลายคน แม้ทั้งหมดจะเคยพบเห็นภาพการสังหารที่ดุเดือดของหลิงหยุนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าน่าสยดสยองและขนหัวลุกมากที่สุด!
“เสี่ยวอู๋เจ้ากับศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานช่วยกันขนร่างไร้ศรีษะพวกนี้ออกไป แล้วจัดการใช้ผงละลายศพทำลายทิ้งซะ ส่วนศรีษะของพวกมันทั้งหมด ให้นำไปกองรวมกันเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของท่านลุงหนิง”
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการสังหารคนทั้งหมดแล้วเขาจึงหันไปบอกกับฉินจิวยื่อด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ท่านแม่นี่เพียงแค่ชำระแค้นให้กับท่านลุงหนิงเท่านั้น!”
“ยังเหลือความแค้นของบรรพชนตระกูลฉินที่ถูกสังหารตายเมื่อสิบแปดปีก่อนเล่า..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางเขามนุษย์พร้อมกับพูดต่อว่า“เวลานี้ คนแซ่ตี๋ทั้งหมดได้ถูกข้าทำลายวรยุทธจนสิ้นแล้ว ข้ารับปากพวกเขาจะให้ออกเดินทางในวันนี้ เพียงแต่มิรู้ว่าในกลุ่มของคนแซ่ตี๋ทั้งหมดนั้น ยังมีผู้ใดที่ร่วมกับตี๋เสี่ยวเจินบุกไปตระกูลฉินในครั้งนั้นบ้าง ท่านแม่.. ท่านต้องการไปตรวจสอบดูด้วยตัวเองหรือไม่?”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นบ่งบอกความหมายชัดเจนหากฉินจิวยื่อสำรวจพบว่า ผู้ใดร่วมกับตี๋เสี่ยวเจินถล่มตระกูลฉินเมื่อสิบแปดปีก่อน แม้จะถูกทำลายวรยุทธไปแล้ว มันผู้นั้นก็จะต้องตายตกไปตามกัน เพื่อล้างแค้นให้กับบรรพชนตระกูลฉิน
“ไม่จำเป็น!”
ฉินจิวยื่อส่ายหน้าปฏิเสธ“หลิงหยุน แม้ครั้งนั้นตี๋เสี่ยวเจินจะพาศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานบุกไปตระกูลฉินนับสิบคน แต่ผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดก็คือตี๋เสี่ยวเจินกับตี๋เฮ่ออี้ ในเมื่อเวลานี้พวกมันทั้งสองคนก็อยู่ที่นี่แล้ว อีกทั้งคนแซ่ตี๋ก็ล้วนถูกเจ้าทำลายวรยุทธหมดแล้ว เพียงแค่นี้ก็นับว่ามากพอแล้วล่ะ..”
เวลานี้ร่างไร้วิญญาณของตี๋เฮ่ออี้นอนกองอยู่ด้านหลังของตี๋เสี่ยวเจินแม้ร่างของเขาจะถูกตัดขาดออกจากกัน และแม้จะผ่านมานานถึงสิบแปดปี แต่ฉินจิวยื่อก็ยังคงจดจำได้ดี
อีกทั้งร่างของคนแซ่ตี๋ที่มิยินยอมทำลายวรยุทธตนเองหลายคนและได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายนั้น ร่างไร้วิญญาณของพวกมันทั้งหมดก็ได้ถูกนำมาที่นี่ด้วยเช่นกัน ฉินจิวยื่อจดจำได้ว่าราวห้าหรือหกศพคือผู้ที่เคยบุกไปตระกูลฉินเมื่อสิบแปดปีก่อน อีกทั้งเมื่อคืนศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานก็ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปไม่น้อย ฉินจิวยื่อจึงมิต้องการให้หลิงหยุนต้องเข่นฆ่าผู้คนมากไปกว่านี้
“ลูกน้อมรับคำสั่งท่านแม่!”
หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าตนเองได้สังหารศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานตายไปมากมายแล้วและในเมื่อเป็นความต้องการของฉินจิวยื่อ เขาจึงไม่ต้องการเซ้าซี้อีก แต่ได้หันไปสั่งหลี่เพียวหยางแทน
“หลี่เพียวหยางเจ้าจัดการตัดศรีษะของคนแซ่ตี๋ออกจากร่างทั้งหมด แล้วนำไปกองรวมกันเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของท่านลุงหนิง ส่วนร่างของพวกมันเจ้าก็นำออกไปจัดการ และไปรอข้าอยู่ที่ยอดเขามนุษย์”
“น้อมรับคำสั่ง!”
หลี่เพียวหยางและคนอื่นๆไม่ลังเลหลังจากรับคำสั่งของหลิงหยุนแล้ว ก็รีบไปจัดการตัดศรีษะ และนำศพหัวขาดทั้งหมดออกจากยอดเขาเทียนเฟิงไปทันที
“ท่านแม่ข้าจะไปยังยอดเขามนุษย์สั่งการคนแซ่ตี๋ทั้งหมดก่อน แล้วจะกลับมาใหม่”
“เจ้าไปเถิด!”
หลังจากที่ฉินจิวยื่ออนุญาติแล้วหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปหาเย่ซิงเฉิน และไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับขยิบตาให้ จากนั้นทั้งสามคนก็เหาะตรงไปยังเขามนุษย์พร้อมกันในทันที
เวลานี้..ฉินตงเฉวี่ยกับฉินจิวยื่อเพิ่งได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง ทั้งคู่คงมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องพูดคุยกัน
…..
ณตีนเขามนุษย์
หลังจากที่คนตระกูลตี๋ลงจากยอดเขามาแล้วนั้นก็ได้มารออยู่ที่ตีนเขามนุษย์ตามคำสั่งของหลิงหยุนตั้งแต่เมื่อคืน ทุกคนต่างก็กำลังรอว่าจะสามารถออกเดินทางได้เมื่อใด
เอ็ดเวิร์ดพอล เจสเตอร์ เพียร์ซ และจอยซ์ แวมไพร์ทั้งห้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เหล่าคนแซ่ตี๋ต่างก็เห็นทั้งหมดเป็นเพียงชาวต่างชาติที่มีหน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น
เพียงแต่ใต้ฝ่าเท้าของพอลเวลานี้มีร่างของคนแซ่ตี๋ผู้หนึ่งอยู่เบื้องล่าง และมันก็คือตี๋ยั่วถังนั่นเอง!
ทุกคนในที่นั้นต่างก็ลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นหลิงหยุนและพวกกำลังเหาะอยู่กลางอากาศ..
หลังจากที่ร่อนลงสู่พื้นดินจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สำรวจพบว่า คนแซ่ตี๋ทั้งห้าสิบสามคนนั้น ต่างก็มิมีผู้ใดหยิบเอาทรัพยากรในการฝึกฝนของสำนักกระบี่เทียนซานติดไม้ติดมือไปด้วยเลย
“เอาล่ะ..พวกเจ้าไปกันได้แล้ว”
เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหลิงหยุนจึงเอ่ยปากบอกให้ทุกคนออกเดินทางได้ แต่ชายชราที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของคนแซ่ตี๋ทั้งห้าสิบสามคนนั้น ได้ก้าวเดินออกมาด้านหน้าพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุน แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “หลิงหยุนเจ้าสังหารศิษย์สำนักกระบี่เทียนซาน และคนแซ่ตี๋ไปตั้งมากมายเช่นนี้ แต่กลับเพียงแค่ทำลายวรยุทธ มิได้สังหารถอนรากถอนโคนให้สิ้นเช่นนี้ เจ้ามิกลัวว่าวันหนึ่งทายาทตระกูลตี๋จะกลับมาแก้แค้นเจ้าบ้างหรอกรึ”
แม้ชายชราจะรู้ว่าหลิงหยุนเก่งกาจและแข็งแกร่งมากเพียงใดแต่เวลานี้คนแซ่ตี๋ทั้งหมดก็ไม่ต่างจากหมูไม่กลัวน้ำร้อนเลยสักนิด..
แม้ตระกูลตี๋จะหมดสิ้นความหวังที่จะแก้แค้นในครั้งนี้แต่ตระกูลตี๋ถูกทำลายทั้งจนย่อยยับเช่นนี้ หากก่อนตายพวกเขามิได้กล่าววาจาเคียดแค้นออกมาต่อหน้าหลิงหยุน ต่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็คงต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นแน่
“สักวัน..วันนั้นต้องมาถึงแน่!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก“พวกเจ้าทั้งหมดอย่าได้กังวลใจไป ในเมื่อข้ารับปากจะปล่อยพวกเจ้าไป ข้าย่อมไม่ส่งคนไปสังหารพวกเจ้าระหว่างทางแน่ หลังจากนี้.. พวกเจ้าจะไปที่ใดก็ย่อมได้”
“อ่อ..หากตระกูลตี๋ไม่ตายไปเสียก่อน ข้าจะฝึกทายาทของข้าเพื่อมารอรับการล้างแค้นจากพวกเจ้า!”
และนี่ความใจกว้างและห้าวหาญอย่างสุภาพบุรุษ!
หลิงหยุนประกาศต่อหน้าคนสกุลตี๋ทั้งห้าสิบสามคนอย่างชัดเจนเขาแสดงให้คนตระกูลตี๋ทั้งหมดเห็นว่า มิได้หวาดกลัวต่อการแค้แค้นของคนสกุลตี๋ในวันข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย!
“ดี!”
ชายชราพยักหน้าและตอบกลับเพียงแค่สั้นๆเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุน ก่อนจะหันมองไปทางร่างของตี๋ยั่วถังที่อยู่ไกลออกไป ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยคล้ายต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็กลับนิ่งไป..
ชายชราอยากจะร้องขอชีวิตให้กับตี๋ยั่วถังแต่แล้วก็นิ่งเงียบไป เพราะเพียงแค่นั้นทุกคนก็อับอาย และอดสูมากยิ่งนักแล้ว!
“คนสกุลตี๋ทั้งหมดตามข้ามา!”
ชายชราร้องตะโกนบอกคนตระกูลตี๋ทั้งหมดที่รอดชีวิตจากนั้นจึงพาทุกคนมุ่งหน้าไปทางเขาลูกใหญ่ด้านหน้า
เสียงฝีเท้าจากสมาชิกตระกูลตี๋ทั้งห้าสิบสามคนดังขึ้นพร้อมกันทุกคนต่างก็เดินตามชายชราออกจากหุบเขาแห่งนี้ไปในทันที
“หลิงหยุนสำนักกระบี่เทียนซานก็ถูกเจ้าบดขยี้ทำลายจนป่นปี้ไม่เหลือแล้ว ส่วนคนตระกูลตี๋ทั้งหมดก็ล้วนถูกเจ้าทำลายวรยุทธแล้ว ได้โปรด.. ได้โปรดไว้ชีวิตของข้าด้วยเถิด!”
ตี๋ยั่วถังเห็นสมาชิกตระกูลตี๋ทั้งหมดค่อยๆเดินห่างออกไปเช่นนั้นมันจึงหวาดกลัวอย่างมาก และได้แต่ร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุน
“ตี๋ัยั่วถัง..เจ้าต่างจากพวกเขา!” หลิงหยุนจ้องมองตี๋ยั่วถังด้วยสายตาเย็นชา“นั่นเพราะเจ้าควรจบชีวิตตั้งแต่คืนที่เจ้าไปช่วยตระกูลเฉินกับตระกูลซันแล้ว เพียงแต่เจ้ายังมีประโยชน์ต่อข้าในการที่จะมาช่วยเหลือท่านแม่ที่นี่ เดิมทีข้าคิดว่าจะใช้เจ้าแลกเปลี่ยนกับท่านแม่ จึงยังไม่สังหารเจ้า..”
“แต่เวลานี้..ข้าช่วยท่านแม่ออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว เจ้าก็ไร้ประโยชน์ ความบาดหมางระหว่างเจ้ากับข้าควรต้องสะสางเสียที!”
“และเวลานี้ก็ถึงคราวตายของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสอ้าปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวจัดการซัดพลังปราณเข้าใส่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของตี๋ยั่วถังในทันที ร่างของตี๋ยั่วถังสั่นสะท้านรุนแรง ก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด!
“พอล..จัดการฝังร่างของมันด้วย!”
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะหันไปมองร่างไร้วิญญาณของตี๋ยั่วถังเขาหันไปสั่งพอล แล้วเหาะขึ้นไปบนท้องนภาในทันที