บทที่ 1436 : ชำระหนี้เลือด
สิ้นคำสั่งของหลิงหยุน..
เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานซึ่งอยู่ในด่านกลางขั้นพลังชี่ต่างก็เหาะมาหอบร่างของนักโทษทั้งหมด มุ่งหน้าไปยังหน้าผาบนยอดเขาเทียนเฟิงในทันที
ในขณะที่หลี่เพียวหยางกัวผิง และเจิ้งซิ่วยี่ ต่างก็เหาะนำไปก่อน และได้ช่วยกันนำร่างที่หายใจรวยรินของตี๋เสี่ยวเจิน และร่างไร้วิญญาณของตี๋เฮ่ออี้ ตี๋เฮ่อหมิง กับตี๋ชิงโหว ซึ่งเป็นศัตรูคนสำคัญของหลิงหยุนไปด้วย
“พวกเราก็ไปกันได้แล้ว!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้โบกมือพร้อมกับร้องบอกพรรคพวกของตนให้ตามไปในทันทีเช่นกัน จากนั้นทั้งหมดก็เหาะตรงไปยังยอดเขาเทียนเฟิง
…..
ภายในห้องเซ่นไหว้บนหน้าผาของยอดเขาเทียนเฟิง..
ฉินจิวยื่อนั่งอยู่ในห้องนี้ตลอดทั้งคืนและมิมีผู้ใดเข้ามารบกวนตามที่นางร้องขอ เวลานี้สีหน้าท่าทางของนางจึงดูสงบยิ่งนัก
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!ท่านพี่.. ท่านกับข้าพบกันเมื่อยี่สิบปีก่อน พวกเรารักใคร่กันตั้งแต่แรกที่พบเห็นหน้า ต่างสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า แต่คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะมิยินยอม และชะตากรรมก็ได้แยกพวกเราสองคนออกจากกัน..”
“แต่ครั้งนั้นข้าก็หาได้ตำหนิหรือโกรธแค้นผู้ใดไม่ข้าเฝ้าแต่โทษโชคชะตาของตนเอง ที่ทำให้เราทั้งสองต้องพลัดพรากจากกันในครั้งนั้น แต่อย่างน้อยเราสองคนก็ยังมีลูกสาวด้วยกัน.. นางก็คือหลิงยู่”
“ตลอดเวลาสิบแปดปีมานี้ข้ารู้ว่าท่านยังมีข้าอยู่ในใจเสมอมา ข้าเองก็ซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่หลังจากที่ท่านแต่งงานไปกับหญิงอื่น ข้าเองก็ได้แต่สิ้นหวัง และเฝ้าก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุด หวังเพียงแค่ว่านางเติบใหญ่ขึ้นมาเมื่อใด จะมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเราทั้งสองคน..”
“แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงเลยว่าตี๋เสี่ยวเจินจะคลุ้มคลั่งเสียสติได้ถึงเพียงนี้ นางไม่เพียงโกรธแค้นข้า แต่ยังทรมานท่านทั้งกายและใจมาตลอดหลายปี นางให้ท่านมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะใช้เวลาที่เหลือทำร้ายและทรมานท่าน..”
“ความผิดในส่วนของข้านั้นข้ายอมรับ และได้ชดใช้ให้กับนางไปแล้ว!”
“แต่ความแค้นของท่าน..ข้าจะเป็นผู้สะสางให้ท่านเอง!”
“ต่อให้ท่านจากโลกนี้ไปแล้วแต่ข้าก็เชื่อว่าดวงวิญญาณของท่านบนสรวงสวรรค์ จะต้องมองลงมายังเบื้องล่างนี้เป็นแน่ ท่านรอดูเถิด.. ข้าจะทรมานผู้ที่มันข่มเหงรังแกพวกเราทั้งสองคนแทนท่านเอง และจะส่งพวกมันไปลงนรกสะสางหนี้แค้นให้กับท่าน!”
หลังจากที่กล่าวจบแล้ว..ฉินจิวยื่อก็โขกศรีษะลงคำนับร่างไร้วิญญาณของหนิงเทียนหยาสามครั้ง จากนั้นนางจึงกระโดดออกมาจากห้องเซ่นไหว้
ยอดเขาเทียนเฟิงห่างจากยอดเขามนุษย์ราวสิบกิโลเมตรหลี่เพียวหยาง กัวผิง เจิ้งซิ่วยี่ และคนอื่นๆที่มาถึงก่อน ได้พากันนำร่างของนักโทษทั้งหมด รวมทั้งร่างไร้วิญญาณของศัตรู โยนกองลงไปที่พื้นอย่างไร้ปราณี
จากนั้น..หลิงหยุน เย่ซิงเฉิน ไป๋เซียนเอ๋อ และคนอื่นๆ ต่างก็ตามมาถึงหน้าผาบนยอดเขาเทียนเฟิงเช่นกัน และเวลานี้ทุกคนก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าฉินจิวยื่อ
“พี่ใหญ่!”
ฉินตงเฉวี่ยกระโดดลงจากกระบี่เหินของตนและตรงเข้าโผกอดฉินจิวยื่อไว้ทันที น้ำตาของนางเอ่อล้นดวงตาก่อนจะไหลออกมาเป็นสาย
“ตงเฉวี่ย!!”
ผ่านไปกว่าครึ่งปี..ในที่สุดสองพี่น้องก็ได้พบหน้ากันอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างก็โผเข้ากอดกันร้องห่มไห้สะอึกสะอื้น หลังจากที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายต้องพบเจอสิ่งใดบ้างตลอดหกเดือนที่ผ่านมานี้
แต่เวลานี้หาใช่เวลาที่จะมานั่งคร่ำครวญเสียใจกับอดีตไม่ทั้งคู่ต่างก็หยุดร้องไห้อย่างรวดเร็ว ฉินตงเฉวี่ยถอยหลังออกมาเล็กน้อย เพื่อที่จะพินิจพิศมองฉินจิวยื่อให้ชัดมากขึ้น แต่หลังจากที่เห็นสภาพร่างกายที่ผ่ายผอมของนาง ฉินตงเฉวี่ยก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“พี่ใหญ่..คิดไม่ถึงว่าระยะเวลาเพียงแค่หกเดือน นังหญิงชั่วช้าตี๋เสี่ยวเจินจะทรมานท่านจนมีสภาพเยี่ยงนี้! ข้าจะสับนางเป็นชิ้นๆ!”
เวลานี้ฉินตงเฉวี่ยได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากหลังจากได้รับอิทธิพลจากหลิงหยุน นางกลายเป็นผู้ที่มิเคยปราณีต่อศัตรูอีก และยังตัดสินใจได้รวดเร็วเด็ดขาดยิ่งนัก
อีกทั้งที่ผ่านมาตี๋เสี่ยวเจินก็สังหารคนตระกูลฉินตายไปตั้งมากมายแค้นเก่ายังมิได้สะสาง แต่กลับต้องมาเห็นพี่สาวของตนในสภาพเช่นนี้ นางย่อมต้องคิดบัญชีย้อนหลังและทบต้นกับตี๋เสี่ยวเจินเป็นแน่!
“ท่านแม่..เวลานี้ศัตรูของท่านถูกนำตัวมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว ท่านจะจัดการกับพวกมันเช่นใดได้โปรดบอกข้ามา จากนั้นข้าจะเป็นผู้ลงมือเอง อย่าให้มือของท่านแม่ต้องแปดเปื้อนเพราะคนชั่วช้าเหล่านี้!”
หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปหาฉินจิวยื่อพร้อมกับร้องบอก..
“อืมม..”
ฉินจิวยื่อพึมพำอยู่ในลำคอพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะกวาดสายตามองไปยังร่างของเหล่านักโทษที่กองอยู่กับพื้น ซึ่งมีทั้งตี๋เสี่ยวเจิน สาวใช้ และสุนัขรับใช้เพศผู้ของนาง ทั้งหมดรวมแล้วสามสิบกว่าชีวิต ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำลายวรุยทธสิ้นแล้ว
“หาใช่ข้าไม่!แต่ผู้ที่ถูกคนชั่วช้าเหล่านี้ทรมานมาเนิ่นนานหลายปี ได้จากโลกนี้ไปแล้ว!” ฉินจิวยื่อเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบเยือกเย็นยิ่งนักนางค่อยๆก้าวเท้าตรงเข้าไปหาตี๋เสี่ยวเจินอย่างเชื่องช้า..
“ตี๋เสี่ยวเจิน..เจ้าคงจะยังจำคำพูดของข้าได้สินะ ข้าบอกกับเจ้าว่า.. เจ้าจักต้องไม่ตายดี!”
ทุกคนในที่นั้นรวมทั้งหลิงหยุนต่างก็คิดว่าตี๋เสี่ยวเจินจะต้องกร่นด่าสาบแช่ง นั่นเพราะพ่อของนาง ลูกชายของนาง รวมทั้งเหล่าอาวุโสตระกูลตี๋และลุงหกของนาง ล้วนแล้วแต่ตายอย่างน่าเวทนาทั้งสิ้น
ภายใต้สภาพอารมณ์ที่กดดันเช่นนี้นางจักต้องระเบิดความแค้นออกมาทางวาจา และไร้ซึ่งความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่กลับมิเป็นเช่นนั้น.. ตี๋เสี่ยวเจินเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เห็นชัดว่านางกำลังหวาดกลัวอย่างที่สุด
ตี๋เสี่ยวเจินกลัวว่าชีวิตของตนเองจักต้องจบสิ้นไปในวินาทีนี้!
เวลานี้นางอยากให้คำพูดที่ว่า‘คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนยาวนับพันปี’ นี้เป็นจริงเสียเหลือเกิน!
คืนก่อนนั้น..ตี๋เสี่ยวเจินเพิ่งจะกลืนโอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญเข้าไป นางเพิ่งจะได้กลับกลายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม แต่เวลานี้กลับต้องเผชิญกับความตายตรงหน้าแทน จึงมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกนี้ในเวลานี้ได้ดีกว่าผู้ใด!
มีหรือที่นางจะไม่หวาดกลัวและเสียดายชีวิต..
“เจ้า..เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก”
ตี๋เสี่ยวเจินที่นั่งคุกเข่าอยู่เวลานี้เริ่มกรีดร้องออกมา และยากที่จะปกปิดความหวาดกลัวภายในใจของตนเองไว้ได้ เวลานี้น้ำเสียงของนางสั่นสะท้านไปหมด
“พ่อของข้าลูกชายของข้า ลุงหก และอีกหลายคนที่ข้ารัก ล้วนถูกหลิงหยุนสังหารตายไปหมดแล้ว สำนักกระบี่เทียนซานของข้าก็ถูกเขาทำลายจนป่นปี้แล้วเช่นกัน ความแค้นของตระกูลฉินล้วนได้รับการสะสางแล้ว เจ้า.. ได้โปรดเห็นแก่ที่ข้าเป็นภรรยาของหนิงเทียนหยา.. ”
“หุบปาก!”
ฉินจิวยื่อไม่อาจทนฟังต่อไปได้อีกนางร้องตะโกนขัดขึ้นมาทันที “เจ้ายังมีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นภรรยาของเขาอีกงั้นรึ”
ฉินจิวยื่อยกมือขึ้นชี้ไปยังห้องเซ่นไหว้พร้อมกับกร่นด่า“นั่นคือห้องเซ่นไหว้วิญญาณของเทียนหยา ร่างไร้ลมหายใจของเขายังนอนอยู่ที่นั่น เจ้าเรียกตนเองเป็นภรรยาของเขา แต่ตลอดสิบแปดปีมานี้เจ้าปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงไรบ้าง”
“หากเทียนหยายังมีชีวิตอยู่ข้ารู้ว่าเขาคงไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีกเป็นแน่ ฉะนั้นแล้ว.. ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้เข้าไปในห้องเซ่นไหว้ของเขาอย่างเด็ดขาด เพราะหญิงชั่วช้าเช่นเจ้าหามีคุณสมบัติเพียงพอไม่!”
“แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็จะยังไม่สังหารเจ้าในตอนนี้เจ้าจะต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อขอขมาเทียนหยาเสียก่อน!” สีหน้าของฉินจิวยื่อเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวรังเกียจ และขยะแขยง แต่นางกลับยังไม่สั่งการให้ทรมานตี๋เสี่ยวเจิน เพียงแค่สั่งให้นางคุกเข่าขอขมาหนิงเทียนหยาอยู่หน้าห้องเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเขา
จากนั้น..ฉินจิวยื่อจึงหันไปมองสาวใช้และสุนัขรับใช้เพศผู้ของตี๋เสี่ยวเจินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันไปสั่งหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุนคนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เคยข่มเหงรังแกเทียนหยาทั้งสิ้น ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าพวกมันอีก จัดการสังหารพวกมันทิ้งให้หมด!”
“น้อมรับคำสั่งท่านแม่!”
กระบี่เหินเงาธนูพุ่งออกจากร่างของหลิงหยุนในทันทีก่อนจะตรงเข้าสังหารชายหญิงมากมายตรงหน้า..
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องขอความเมตตากระบี่เหินของหลิงหยุนได้พุ่งเข้าตัดศรีษะผู้คนไม่หยุดยั้ง จนโลหิตสีแดงพวยพุ่งออกมาเต็มพื้นที่บริเวณนั้นไปหมด แล้วศรีษะมากกว่าสามสิบหัวก็ร่วงกรูลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกัน
ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานเห็นหลิงหยุนสังหารคนทั้งหมดโดยไม่กระพริบตาเช่นนี้พวกเขาต่างก็ได้แต่ตกตะลึง ขนหัวลุก และเหงื่อไหลท่วมตัว
ต่อหน้าห้องเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของหนิงเทียนหยาเวลานี้ผู้คนสามสิบกว่าชีวิตที่เคยข่มเหงรังแกเขามานานหลายปี ได้สังเวยชีวิตเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของหนิงเทียนหยาด้วยร่างที่ไร้ศรีษะ
และหนี้เลือดที่ยาวนานนับสิบปีก็ได้ถูกชำระเสียที!
รค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!