บทที่ 2985 คว้าน้ำเหลวซ้ำๆ 2
หากว่ากู้ซีจิ่วมาถึงไม่ทันกาล ชีวิตของเสี่ยวเฝิ่นก็คงหาไม่จริงๆ แล้ว!
มันรังเกียจคนพูดคำไหนไม่เป็นคำนั้นที่สุด!
ยังมีอีก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่คำนึงถึงเยื่อใยไมตรีระหว่างเขากับมันที่มีมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ เข้าควบคุมมันโดยตรง ทำให้มันเกือบก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงแล้ว
ในเมื่อเขาไร้เมตตา เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษว่ามันไม่ปรานี! เฮอะ!
เขาต้องการตามหาพวกกู้ซีจิ่วหรือ? เช่นนั้นมันก็จะลากเขาลงคูซะ!
ตัวเมียของมันก็ต้องปกป้องด้วยตัวเอง มันจะหาทางออกห่างจากเสี่ยวเฝิ่น ก้าวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามตลอด…
มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงจะสังหารมันอีก!
บ่อลาวาแห่งนี้กว้างขวาง หลังจากฟั่นเชียนซื่อกระโดดเข้าไปแล้ว ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไม่ขึ้นมา และไม่มีความเคลื่อนไหวเลย
เสี่ยวเฮยรอคอยอยู่นานสองนาน มองดูลาวาที่ปั่นป่วนแล้วอดไม่รนทนไม่ไหวอยู่บ้าง
คงมิใช่ว่าเขาถูกลาวาของที่นี่หลอมละลายไปแล้วกระมัง?! ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ขึ้นมาอีก?
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ด้วยวรยุทธ์ของฟั่นเชียนซื่อ ต่อให้เป็นลาวาที่ร้อนระอุกว่านี้อีกเท่าหนึ่งก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรทะเลทรายผืนนี้ก็พิสดารนัก ไม่แน่ว่าบ่อลาวานี้ก็อาจจะประหลาดยิ่งเช่นกัน สามารถหลอมละลายทุกสิ่งได้…
เสี่ยวเฮยแค่คิดจะถ่วงเวลาเขา ไม่ได้อยากให้เขาประสบเหตุจริงๆ ดังนั้นยิ่งรอมันก็ยิ่งร้อนรน เคลื่อนกายเข้าไปแล้วสำรวจดูอีกครั้ง
เกล็ดทั่วร่างของมังกรประทีปไม่หวั่นน้ำ ย่อมไม่กริ่งเกรงไฟ
แต่เสี่ยวเฮยกลัวร้อนอยู่บ้าง มันจึงไม่ชอบลาวา ดังนั้นมันเลยไม่อยากเข้าใกล้
แต่ตอนนี้หลังจากผ่านไปค่อนวันแล้ว มันเริ่มใคร่ครวญแล้วว่าจะลงไปว่ายในลาวาสักรอบดีไหม…
ขณะที่มันค่อนข้างกระวนกระวายอยู่ เงาสีดำพลับวาบขึ้นในลาวา ฟั่นเชียนซื่อพุ่งออกมาในทันใด
เสี่ยวเฮยวางหัวเกยอุ้งเท้าทันที ตามองจมูก จมูกมองใจ แสดงท่าทีของมังกรประทีปที่สุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง
“พวกเขาไม่ได้อยู่ในนั้น” ฟั่นเชียนซื่อร่อนลงตรงหน้ามัน มองดูมัน “เสี่ยวเฮย เจ้าจะว่าอย่างไร?”
น้ำเสียงเสี่ยวเฮยสงบราบเรียบ ‘นายท่านอาจยังหาดูไม่ถ้วนถี่พอ…’
“ถ้วนถี่แล้ว! ซอกคูรูหลืบทั้งหมดในนั้นล้วนหาดูแล้ว! เจ้ากำลังหลอกข้าใช่ไหม?”
‘มิกล้า เสี่ยวเฮยมิกล้าหลอกลวงนายท่าน’ น้ำเสียงเสี่ยวเฮยยังคงราบเรียบปานหุ่นยนต์ ทำให้คนแทบนึกสงสัยแล้วว่ามันยังโดนควบคุมอยู่
ฟั่นเชียนซื่อเลิกคิ้วแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ตบเข้าที่หน้าผากของมันคราหนึ่ง “อย่ามาเสแสร้ง! ผู้เฒ่ามองเห็นความร้อนรนเมื่อครู่นี้ของเจ้าแล้ว! ไอ้สารเลวที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาอย่างเจ้ากำลังหลอกผู้เป็นนายอยู่!”
เสี่ยวเฮยชะงักไป
บัดซบ ความแตกแล้ว!
ในเมื่อการเสแสร้งถูกเปิดโปงแล้ว เสี่ยวเฮยจึงไม่เสแสร้งแล้วเช่นกัน ทำคอแข็ง ‘หลอกเจ้าแล้วจะทำไม? มิใช่ว่าเจ้าก็หลอกลวงผู้เฒ่ามาโดยตลอดเหมือนกันหรือ?! ไม่ว่าอย่างไรผู้เฒ่าก็จะไม่พาเจ้าไปหาเสี่ยวเฝิ่นแล้ว! จะไม่ให้เจ้าทำร้ายมันอีก! เจ้าเก่งนักก็ควบคุมผู้เฒ่าอีกครั้งสิ!’
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกเลย
เยี่ยมมาก นิสัยหัวรั้นของไอ้ตัวนี้กลับมาแล้ว!
ฟั่นเชียนซื่อหันหลังทะยานขึ้นสู่ด้านบน เสียงเฉยชา “ถึงไม่มีตัวโง่งมอย่างเจ้า เปิ่นจุนก็หาพวกนางให้พบได้!”
เขากลับขึ้นมาบนผิวดินอย่างรวดเร็ว และไม่มองเสี่ยวเฮยที่ตามหลังมาด้วยสีหน้าสนเท่ห์เลย ร่ายอาคมเสกผีเสื้อโลหิตตัวหนึ่งออกมาทันที ผีเสื้อตัวนั้นเกาะนิ่งอยู่ปลายนิ้วข้างขวาของเขา มือซ้ายเขาถือเกล็ดแผ่นหนึ่งออกมา ให้ผีเสื้อตัวนั้นดมกลิ่น…
เสี่ยวเฮยพลันฟาดกรงเล็บออกไป ซัดผีเสื้อตัวนั้นจนแหลก
ปรายตามองมัน “เจ้าคิดจะกบฏหรือ?!”
‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าตามไปสร้างความเดือดร้อนให้เสี่ยวเฝิ่นอีก!’ เสี่ยวเฮยโมโห
ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ผีเสื้อสืบรอยชนิดนี้เปิ่นจุนต้องการเท่าไหร่ก็สร้างได้เท่านั้น เจ้าฟาดตายไปตัวหนึ่งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
พลันตวัดข้อมือ ปรากฏผีเสื้อโลหิตอีกตัวขึ้นบนปลายนิ้วเขาจริงๆ
เสี่ยวเฮยกำอุ้งเท้าแน่น ‘ต้องทำอย่างไรกันแน่เจ้าถึงจะยอมปล่อยมันไป?!’
————————————————————————————-
บทที่ 2986 คว้าน้ำเหลวซ้ำๆ 3
“เจ้าพาเปิ่นจุนไปตามหามันสิ ทำคุณไถ่โทษ เห็นแก่หน้าเจ้า ขอเพียงไอ้มังกรหมูตัวนั้นไม่เป็นฝ่ายยั่วยุโทสะเปิ่นจุนก่อน เปิ่นจุนก็จะไม่เอาชีวิตมัน” ฟั่นเชียนซื่อดีดนิ้วคราหนึ่ง ผีเสื้อโลหิตหลายตัวโบยบินขึ้นไปในอากาศ น้ำเสียงเขาเยียบเย็น “เปิ่นจุนจะให้โอกาสเจ้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หากว่าพลาดไปแล้ว เปิ่นจุนก็จะไม่ปราณีไอ้มังกรหมูตัวนั้นอีกต่อไป ให้เวลาเจ้าไตร่ตรองดูสามวินาที หนึ่ง…”
เสี่ยวเฮยเงียบงัน..
“สอง” น้ำเสียงฟั่นเชียนซื่อดุจน้ำแข็ง
เสี่ยวเฮยก้มหน้าลงแล้ว ‘ได้ ข้าตกลง! ข้าก็จะเชื่อเจ้าแค่ครั้งนี้อีกครั้งเดียว! อย่างไรก็ตาม นายท่าน ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยนะ หากว่าครั้งนี้เจ้าพูดคำไหนไม่เป็นคำนั้นอีกล่ะก็ เสี่ยวเฮยจะตัดขาดกับเจ้าอย่างสมบูรณ์! ต่อให้เจ้าสังหารข้า ข้าก็ไม่มีทางยอมติดตามอยู่ข้างกายเจ้าอีก!’
“เจ้ากล้าข่มขู่ผู้เป็นนายหรือ?!”
‘ไม่เลย เสี่ยวเฮยไม่ได้ข่มขู่ แต่พูดจริง ไม่มีถ้อยคำเหลวไหลเลยสักนิด!’
ฟั่นเชียนซื่อสบตามันอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเฮยไม่ยอมถอยเลย
ฟั่นเชียนซื่อหันหลังให้ เอ่ยอย่างเฉยเมย “วางใจเถอะ เปิ่นจุนพูดจริงทำจริง นำทางซะ!”
….
ณ หล่มทรายที่ใหญ่โตยิ่งนักแห่งหนึ่ง
ฟั่นเชียนซื่อวนดูที่นี่รอบหนึ่ง มองไปทางเสี่ยวเฮย
เสี่ยวเฮยเอ่ยอย่างตั้งท่าป้องกัน ‘เมื่อกี้พวกเขาอยู่ที่นี่! ข้าไม่ได้หลอกนะ!’
ฟั่นเชียนซื่อละสายตาไป กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้หลอก ที่นี่ยังเหลือกลิ่นอายของไอ้มังกรหมูตัวนั้นอยู่”
แต่ไม่มีของคนอื่นๆ
เมื่อปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้อยู่สองกรณี หนึ่ง กู้ซีจิ่วพาตี้เฮ่าไปด้วยกัน แยกทางกับมังกรประทีปชมพูโง่เง่าเต่าตุ่นตัวนั้นแล้ว มีเพียงมังกรประทีปชมพูตัวนั้นที่เคยผ่านมายังสถานที่แห่งนี้ สอง พวกเขาทั้งสามยังอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ก่อนจะจากไปกู้ซีจิ่วได้ลบกลิ่นอายของนางกับตี้เฮ่าไปแล้ว เหลือไว้เพียงของมังกรประทีปชมพู
อย่างไรก็ตาม ถ้าอ้างอิงตามนิสัยของกู้ซีจิ่วแล้ว ความเป็นไปได้ที่นางจะแยกทางกับมังกรประทีปชมพูมีไม่มากนักมีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่จะร่วมทางไปด้วยกัน
เขานวดหว่างคิ้วอย่างปวดประสาทอยู่บ้าง
ความสามารถในการหลบหนีของกู้ซีจิ่วเขาได้รับบทเรียนมามากมายหลายครั้งแล้ว ตามจับนางก็เหมือนวานรสอยจันทรา บุปผาในคันฉ่อง ล้วนว่างเปล่าทั้งสิ้น…
เสี่ยวเฮยสามารถจับสัมผัสถึงเสี่ยวเฝิ่นได้ เช่นนั้นเสี่ยวเฝิ่นย่อมจับสัมผัสถึงเสี่ยวเฮยได้เช่นกัน
ทันทีที่พวกกู้ซีจิ่วพบว่าเสี่ยวเฮยกำลังเข้ามาใกล้ ย่อมจะหลบหนีไป ส่วนวิชาเคลื่อนย้ายของนางก็เข้าขั้นเลิศล้ำแล้ว คิดหลบหนีก็เป็นเรื่องเพียงชั่วพริบตาหนึ่ง
ถ้าเขาไล่ตามเช่นนี้อยู่ตลอด เกรงว่าไม่มีทางไล่ทันไปตลอดกาล ดีที่สุดคือต้องโจมตีอีกฝ่ายโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามเสี่ยวเฮย “จับสัมผัสดูอีกทีสิ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
เสี่ยวเฮยจับสัมผัสดูครู่หนึ่ง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง ห่างจากที่นี่ไปร้อยลี้
ฟั่นเชียนซื่อพลันโบกแขนเสื้อ มีลำแสงเข้าครอบคลุมร่างของเสี่ยวเฮย ร่างเสี่ยวเฮยพลันแข็งทื่อ เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เสี่ยวเฮย เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน เปิ่นจุนจะไปดูเอง”
แขนเสื้อกว้างโบกไหว พริบตาเดียวก็จากไปไกลแล้ว
ก่อนเขาจะไปยังดึงร่มกันแดดขนาดใหญ่มากางไว้เหนือหัวของเสี่ยวเฮยด้วย “เจ้าหลับไปสักงีบก็ได้”
เสี่ยวเฮยพูดไม่ออกแล้ว…
….
‘เอ๋ มังกรประทีปดำตัวนั้นหยุดนิ่งแล้ว!’ เสี่ยวเฝิ่นรายงานความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทันที มันมองดูกู้ซีจิ่ว ด้วยสายตาที่เปี่ยมความหวัง ‘เป็นเพราะมันรู้ว่าไล่ตามพวกเราไม่ทันก็เลยไม่ตามแล้วใช่ไหม?’
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ ฟั่นเชียนซื่อมิใช่คนที่จะถอดใจง่ายๆ เช่นนี้…
“เสี่ยวเฮยไม่ขยับสักนิดเลยหรือ?”
‘’ใช่ หมอบอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้นเลย ไม่เดินเลยสักก้าว
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ มือซ้ายคว้าตี้เฮ่า มือขวาลากมังกรประทีปชมพู “ฟั่นเชียนซื่อไล่ตามมาเพียงลำพังแล้ว! พวกเราหนีกันเถอะ!” แล้วทำการเคลื่อนย้ายทันที
เธอเพิ่งจะเคลื่อนย้ายจากไปได้ครู่หนึ่ง ฟั่นเชียนซื่อก็ตามมาถึงแล้ว แถมเขายังเร้นกายมาด้วย
————————————————————————————-