บทที่ 733 ดินแดนที่มากไปด้วยเผ่าพันธุ์อันหลากหลาย

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อหลิงตู้ฉิงและกลุ่มของเขาเดินทางมาถึงสำนักเงามายา ภาพแรกที่พวกเขาเห็นในทันทีเมื่อออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายก็คือ ผู้ที่เฝ้าประตูเคลื่อนย้ายนั้นไม่ใช่เผ่ามนุษย์ แต่มันคือสิงโตตัวสูงกว่า 2 เมตร!

สิ่งนี้ทำให้หลิงฟ่างหัวและอีกหลายคนที่ไม่เคยมาเยือนเขตแดนอุดรทมิฬอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึง

ผู้เฝ้าประตูเคลื่อนย้ายของสำนักเงามายา เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงฟ่างหัวและคนอื่น ๆ เขาก็เปิดปากที่เปรอะเต็มไปด้วยเลือดหัวเราะ และพูดว่า “รูปร่างของข้าทำให้พวกเจ้ากลัวจนหัวหดเลยล่ะสิท่า ฮ่าฮ่าฮ่า ข้า ชี่สง เป็นสมาชิกของเผ่าสิงโตโลหิตและเป็นผู้อาวุโสของสำนักเงามายา! ให้ข้าพูดตามตรง ข้ารู้สึกประหลาดใจจริง ๆ ที่พวกเจ้าเดินทางมาที่นี่ มันนานจริง ๆ นับจากครั้งล่าสุดที่มีคนมาเยือนสำนักของข้า!”

โม่หยูถังหัวเราะ “ข้าโม่หยูถังจากสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี ครั้งนี้ที่ข้ามาที่นี่เพราะข้าอยากจะขอรบกวนใช้สำนักของท่านเป็นทางผ่านพานายท่านของข้าไปทำธุระสำคัญในเขตแดนอุดรทมิฬ”

ชี่สงหัวเราะ “อ๋อ! พวกเจ้าเป็นคนของสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจีนี่เอง มา ๆ เดี๋ยวข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหลายไปพักผ่อนที่เรือนรับรองของสำนักข้าก่อน จากนั้นเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!”

ถึงแม้ว่าจ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ จะเห็นการแสดงออกของชี่สงเป็นมิตรอย่างมาก แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าอยู่ เนื่องจากทั้งดวงตาที่แดงก่ำและขนของชี่สงที่เป็นสีแดงเหมือนโลหิต รูปลักษณ์แบบนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกหวั่นใจ

“ท่านพ่อสำนักเงามายาแห่งนี้น่ากลัวมาก ๆ เลย มันมีสำนักแบบนี้อยู่บนโลกเราได้ยังไงกัน?” หลิงฟ่างหัวกระซิบถามขึ้น “พวกเรารีบออกไปจากสำนักนี้ให้เร็วที่สุดดีกว่าไหมท่านพ่อ ไม่อย่างนั้นหากอยู่นานไปพวกเราอาจถูกจับกินก็ได้นะ!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เจ้าจะกลัวไปทำไม? พวกเขาก็เป็นเหมือนพวกเรามนุษย์นั่นแหละที่ถูกสร้างขึ้นโดยตัวตนที่สูงล้ำกว่า และอีกอย่างไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนในเขตแดนอุดรทมิฬ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็มีแต่เผ่าพันธุ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน เจ้าก็จะเจอแต่เผ่าที่มีรูปร่างแปลก ๆ แบบนี้นั่นแหละ”

“ช่างเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดอะไรแบบนี้!” หลิงเทียนหยุนอุทาน

หลิงเทียนหยุนเคยคิดว่าตัวเขาเองที่สามารถแยกร่างเงาของตัวเองได้เป็นจำนวนมากนั้นแปลกมากแล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นดินแดนที่มีแต่เผ่าแปลก ๆ แบบนี้เต็มไปหมด เขาจึงรู้สึกว่าความแปลกของเขานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เขตแดนอุดรทมิฬนั้นไม่เพียงแปลกอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดด้วย เนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์จำนวนมากอยู่รวมกันเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงตัวตนที่มีอำนาจสูงล้ำ ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะต่อกรได้อาศัยอยู่ด้วย มันจึงทำให้ที่นี่คือหนึ่งในดินแดนที่อันตรายที่สุดในมหาพิภพไร้จุดจบ”..

ทุกคนต่างพยักหน้าเก็บความข้อมูลทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงอธิบายลงในสมอง

หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบ ไม่นานนักพวกเขาก็เดินไปถึงเรือนรับรองของสำนักเงามายาและเข้าไปพักผ่อนด้านใน

อันที่จริงพวกเขาทั้งหมดไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่สำนักเงามายาเลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อสำนักเงามายาเชิญชวนด้วยความเป็นมิตรแบบนี้แล้ว หลิงตู้ฉิงจึงไม่อยากปฏิเสธให้เสียมารยาท

หลังจากพักผ่อนอยู่ในเรือนรับรองได้สักพัก สำนักเงามายาก็ส่งคนของพวกเขาเข้ามาดูแลกลุ่มของหลิงตู้ฉิง

เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่สำนักเงามายาส่งมา หลิงฟ่างหัวกระซิบถามหลิงตู้ฉิงเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อ นางเป็นเผ่าพันธุ์อะไรงั้นเหรอ?”

ยังไม่ทันที่หลิงตู้ฉิงจะได้ตอบ หญิงสาวที่สำนักเงามายาส่งมายิ้มและตอบกลับทันที “ข้าเป็นมนุษย์เหมือนเจ้านี่แหละ! เนื่องพวกเจ้าส่วนใหญ่เป็นมนุษย์กันหมด ดังนั้นทางสำนักจึงส่งข้าให้มาดูแลพวกเจ้า ข้า เหรินเหยียนฟาง แต่พวกเจ้าเรียกข้าว่า เหยียนฟาง เฉย ๆ ก็พอ!”

หลิงฟ่างหัวรู้สึกลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ส่งสายตามองไปที่หูของเหรินเหยียนฟาง ซึ่งมีแต่ขนเต็มไปหมดและถามขึ้นด้วยสีหน้าลังเล “แต่ว่าเจ้า…”

เหรินเหยียนฟางยิ้มและพูดว่า “นอกจากที่ข้าจะเป็นมนุษย์แล้ว ข้ายังมีสายเลือดของสุนัขจิ้งจอกอีกด้วย สำหรับในเขตแดนอุดรทมิฬคนที่มีสายเลือดผสมแบบข้านั้นถือได้ว่าปกติมาก”

“ข้าขอโทษ ข้าแค่สงสัยเท่านั้นเอง…” หลิงฟ่างหัวพูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรข้าไม่ได้คิดอะไรมากหรอก! อันที่จริงข้าเองก็ไม่ได้เห็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์แบบพวกเจ้ามาก็นานแล้วเหมือนกัน” เหรินเหยียนฟางหัวเราะ “กลุ่มคนแบบพวกข้าหากจะให้กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ปกติมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่เวลากลับไปก็จะมีแต่คนเรียกพวกข้าว่าครึ่งมนุษย์บ้างล่ะ หรือครึ่งสัตว์เลยก็มีและมนุษย์ส่วนใหญ่ก็มองคนแบบข้าด้วยสายตาดูถูกตลอดเวลา ดังนั้นคนแบบพวกข้าเลยไม่ค่อยเดินทางไปที่อาณาเขตอื่น ๆ ทางใต้สักเท่าไหร่หากไม่จำเป็นจริง ๆ เอาล่ะข้ารู้สึกดีใจจริง ๆ ที่ได้เจอพวกเจ้าในวันนี้ ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าขาดเหลืออะไรกันบ้างไหม? หรือว่าพวกเจ้าอยากจะลองของกินเด็ด ๆ ของเขตแดนอุดรทมิฬบ้างรึเปล่า?”

โม่หยูถังรีบพูดขึ้นแทรกทันที “ไม่เป็นไร ๆ พวกเราขอรับน้ำใจเจ้าด้วยใจก็พอ”

เหรินเหยียนฟางหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าไม่ได้จะให้พวกเจ้ากินของแปลก ๆ หรอกนะ ตอนนี้ข้ามีเหล้าผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ติดอยู่กับตัว พวกเจ้าอยากจะลองกันสักหน่อยไหม?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือปฏิเสธและพูดว่า “ไม่เป็นไร เรื่องอาหารเดี๋ยวพวกข้าจะปรุงทุกอย่างกินด้วยตัวเอง ว่าแต่เจ้าเถอะ เจ้าอยากจะลองชิมเนื้อของพวกอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิบ้างไหม? ข้ามีพวกมันเหลืออยู่บ้างหากเจ้าต้องการ ข้าสามารถแบ่งให้ได้ ข้ารับรองว่ามันจะดีต่อร่างกายของเจ้าแน่นอน”

เหรินเหยียนฟางตาเป็นประกายทันที “เจ้าจะให้ข้าจริงเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและยื่นเนื้อให้เหรินเหยียนฟางชิ้นหนึ่ง จากนั้นเขาพูดว่า “ข้าให้เนื้อชิ้นนี้กับเจ้าเพื่อให้เจ้าเอาไปพัฒนาร่างกายของเจ้าเอง! นอกเหนือจากนั้นข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำอะไรอย่างอื่นให้กับข้า นอกซะจากแค่เล่าข้อมูลเกี่ยวกับเมืองศักดิ์สิทธิ์ให้กับข้าฟังก็พอ”

เหรินเหยียนฟางรับชิ้นเนื้อมาจากหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าร่าเริงสุดขีด และตอบกลับทันที “ที่แท้พวกเจ้าก็มาที่นี่เพราะเมืองศักดิ์สิทธิ์นี่เอง! ปัจจุบันนี้เมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักจากอดีต แต่พวกเจ้ามากันในเวลานี้นับว่าเป็นจังหวะที่เหมาะพอดีเลยล่ะ เนื่องจากอีกไม่นานเมืองศักดิ์สิทธิ์กำลังจะจัดงานคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นไม่แน่พวกเจ้าทุกคนอาจจะได้มีโอกาสเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อบ่มเพาะก็ได้!”

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าประหลาดใจและถามว่า “คัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์ไปทำไมกัน?”

เหรินเหยียนฟางส่ายหัวและพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมืองศักดิ์สิทธิ์แค่ประกาศว่าพวกเขาต้องการคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์เพื่อส่งเขาไปท่องโลกแค่เท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่พวกเจ้าไม่ต้องรีบไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์มากนักก็ได้ มันยังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกพอสมควรกว่าที่งานคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์จะจัดขึ้น และในเวลานั้นพวกเราสำนักเงามายาก็จะเดินทางไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งพวกเจ้าสามารถร่วมเดินทางไปกับเราด้วยได้”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เอาล่ะตอนนี้เจ้ารีบไปกินเนื้อที่ข้ามอบให้ก่อนเถอะ!”

หลังจากเหรินเหยียนฟางจากไป หลิงเทียนหยุนก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดและถามว่า “ท่านพ่อ ท่านคงจะไม่ได้คิดให้ข้าไปสมัครเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นใช่ไหม?”

“แน่นอนว่าไม่!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “พ่อแค่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่สักเท่าไหร่ว่าทำไมเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงจู่ ๆ ก็ประกาศคัดเลือกทูตแบบนี้”

——————————————