ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 680 ไม่ได้ข่มขู่ผู้คน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอที่ถูกฉีเหว่ยและคังฮูหยินพูดถึง ตอนนี้กำลังพุ่งออกมาจากในกระแสปั่นป่วนของมิติ

ขณะมองท้องทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้า เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ‘น่าจะยังอยู่บนโลกซ้อนโลก แต่ไม่รู้ว่ายังอยู่ที่ทะเลหวงเจียหรือไม่?’

ในตอนที่ใคร่ครวญอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอพลันเห็นว่าบนผิวทะเลที่สงบในตอนแรกตรงสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปสุดขีด จู่ๆ ก็มีพายุพัดขึ้น

พายุพัดน้ำทะเลให้พุ่งขึ้นฟ้าพร้อมกัน

พร้อมๆ กันนั้น ใจกลางพายุยังมีแสงสายฟ้าที่น่ากลัววูบวาบ ขยายออกไปรอบๆ

‘พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด…’ เยี่ยนจ้าวเกอร้องขึ้น ‘หลังจากพุ่งไปพุ่งมาอยู่ในมิติ ถึงกับมาถึงแถวๆ เกาะจิ่งชิงเลยหรือนี่?’

เกาะจิ่งชิง อยู่ในเจ็ดสิบสามเกาะบนทะเลหวงเจีย เหมือนกับเกาะหลวนเซียง และเกาะเทียนอิ้น

แต่ว่าที่นี่ไม่ได้อยู่ในแถบทะเลเหนือเหมือนเกาะเทียนอิ้น เกาะเฉวียนหลิง และเกาะชินเหอ แต่อยู่ใกล้ทางตะวันตกของทะเลหวงเจียมากกว่า

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ ที่นี่อยู่ห่างจากที่อยู่ของสำนักแสงสว่างไม่ไกล…

เนื่องจากพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่น่ากลัว เกาะจิ่งชิงจึงเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครคิดเข้าใกล้

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับสำนักแสงสว่างไม่ได้ยึดที่นี่ไว้ ที่แห่งนี้เหมือนกับกลายเป็นเขตกันชนระหว่างสองฝ่าย

หรือจะพูดว่า เป็นกำแพงทางธรรมชาติที่ขัดขวางการรุกคืบของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็ได้

แน่นอนว่าเป็นกำแพงที่ตั้งอยู่บนทิศทางเดียว

แต่เมื่อพูดอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่คล้ายกับหุบเหวสูงผาลึก

สำนักแสงสว่างไม่กลัวว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะโจมตีจากทางทิศนี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะล้อมสำนักแสงสว่างจากทิศทางอื่น ก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีมาทางเกาะจิ่งชิง

เยี่ยนจ้าวเกอมองพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่พัดอยู่กลางฟ้าดิน จากนั้นก็ถอยอย่างชาญฉลาดทันที ให้ตัวเองอยู่ห่างจากเกาะจิ่งชิงไกลกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

ในตอนที่พายุรุนแรงเต็มที่ จะไม่ได้พัดอยู่ที่เกาะจิ่งชิงที่เดียว แต่จะลามไปยังอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่อยู่รอบๆ ด้วย

‘ตอนนี้เป็นช่วงที่พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดคลั่งพอดี’ เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า ใช้มือป้องตา เพื่อทอดสายตามองไปไกล

แสงสว่างเคลื่อนไหวเหนือศีรษะของเขา วังฝูงมังกรปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ พ่านพ่าน กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ด้านใน ทุกคนมองมังกรน้ำหลายตัวพุ่งขึ้นฟ้าตรงที่ไกล พายุกับสายฟ้าแผ่กระจาย เหมือนภาพของวันสิ้นโลก

สามารถก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้ในโลกซ้อนโลกที่มีเขตแดนแข็งแกร่ง และมีการหมุนเวียนของปราณวิญญาณโชติช่วงได้ หากพลังแบบเดียวกันนี้ไปอยู่ในสถานที่อื่นอย่างเช่น โลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกปีศาจอัคคี พวกมันคงจะถูกทำลายอย่างแท้จริง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอปิดตานั่งตัวตรง ปรับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง

กระแสปราณหลายสายไหลออกมาจากในร่างของมัน ขณะหมุนเวียน ก็ถูกเก็บไปอีกครั้ง หายใจวนเวียน

หากมองเข้าไปในร่าง จะพบว่าด้านในร่างกายของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีบาดแผลเล็กๆ อยู่มากมาย

อาการบาดเจ็บนี้แม้จะดูเล็กน้อยจนแทบจะตรวจไม่เจอ แต่ว่าหากให้รอยแผลสักรอยหนึ่งไปอยู่บนตัวจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ คงจะอันตรายถึงชีวิต

อาการบาดเจ็บมากมายเมื่อสะสมด้วยกันแล้ว ตอนนี้ถึงจะดูไม่สะดุดตา แต่เมื่อสะสมนานวันเข้า จะกลายเป็นภัยซ้อนเร้นร้ายแรง

เขื่อนยาวพันลี้พังทลายเพราะโพรงมด รอยแตกหากมีมากถึงระดับหนึ่ง สุดท้ายเขื่อนก็จะแตกเอง

ทว่าหากรักษาและฟื้นฟูในตอนที่บาดแผลเหล่านี้ยังไม่รุนแรง ในอนาคตหน้าย่อมไม่มีปัญหา

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอนาทีนี้ตั้งใจฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเหล่านี้

อาศัยประโยชน์จากอาวุธศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น จึงไม่เสียเปรียบในตอนที่ถ่วงเวลาและประมือกับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น แต่จะมากจะน้อยก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงเดชได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

ยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง มีความแตกต่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองถึงสอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามมากมายนัก

หากอยู่ในระดับพลังที่เท่ากัน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้มือเปล่าเอาชนะเฉิงซงได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าการใช้ร่างของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง กลับเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอบังคับให้วังฝูงมังกรหลบพายุแม่เหล็กไร้ขีดจำกัด ตนนั่งขัดสมาธิอยู่ในตัววัง หายใจฝึกลมปราณ

เลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอมีการสั่งสมเต็มเปี่ยม แทบจะไม่ต้องปรับระดับให้มั่นคง

แต่ว่าการสลัดออกมาจากในค่ายกลเอกภพย้อนทวน ทำให้เขาเสียแรงไปไม่น้อย ไม่เพียงแต่ต้องใช้ตราประทับตะวันเท่านั้น ยังใช้สายฟ้าชั่วพริบตาช่วยด้วย

กอปรกับต้องต่อสู้กับมือดีอย่างหนงอวี่ซวน เฉิงซง คังฮูหยิน และฉีเหว่ยติดต่อกัน เยี่ยนจ้าวเกอยังพอได้ประโยชน์มาขบคิดอย่างละเอียด

สิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ในการต่อสู้จริง ล้วนสะสมทีละนิดทีละน้อยเช่นนี้

เยี่ยนจ้าวเกอในขณะที่ปรับลมหายใจ ก็มองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไม่พูดถึงการกำจัดพวกหนงอวี่ซวน แค่พลังแห่งการกัดกร่อนที่เต็มเปี่ยมนี้ ครั้งนี้ได้กำไรมามากมายทีเดียว”

เฟิงอวิ๋นเซิงวางดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกไว้บนเข่า ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างหนักใจ “นับว่าเต็มเปี่ยมจริงๆ เต็มเปี่ยมจนข้าแทบจะยกอาวุธของตัวเองไม่ไหวแล้ว”

ชายหนุ่มหัวเราะฮ่าๆ “ดาบราหู ของวิเศษของพระราหูในอดีต ถ้าหากข้าคิดไม่ผิด เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่มีไม่กี่ชิ้นเหมือนกับตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรา”

“จากนั้นรูปร่างภายนอกของดาบราหูพังทลาย พลังแห่งการกัดกร่อนซึ่งเป็นพลังงานที่แฝงอยู่ด้านใน กลายเป็นปราณดาบแสงทมิฬกระจัดกระจายหายไป ซากของมันก่อให้เกิดเป็นรูปจำลองของดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกเล่มนี้”

“ในตอนนี้ ปราณดาบแสงทมิฬส่วนใหญ่ที่กระจายหายไปในอดีตได้กลับคืนสู่ดาบเล่มนี้แล้ว ระดับพลังของมันย่อมเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง ด้านในยังมีพลังของอาทิตย์ยะเยือกที่ยิ่งใหญ่อยู่อีก”

เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชมเชย “ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นหลอมปราณดาบแสงทมิฬกับพลังของอาทิตย์ยะเยือกใหม่ ดาบเล่มนี้มีรากฐานล้ำลึก จุดเริ่มต้นสูงส่ง การสั่งสมพลังในตอนนี้ถือว่ายิ่งใหญ่พอตัวแล้ว รอทุดอย่างลงตัว เกรงว่าจะกลับไปอยู่ในแถวของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงได้”

“ถือว่าเป็นอาวุธใหม่เอี่ยมชิ้นหนึ่ง กลับยังมีการรังสรรค์เช่นนี้ เป็นวาสใหญ่จริงๆ หาได้ยากยิ่ง”

“ดาบเช่นนี้ จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ทั่วไปย่อมยากจะควบคุม อวิ๋นเซิงเจ้าลำบากแล้ว แทบจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับดาบเล่มนี้”

เฟิงอวิ่นเซิงเอ่ย “ข้าไม่มีทางผ่อนคลายเงื่อนไขที่ตั้งให้ตัวเอง”

“เรื่องนี้ข้าไม่เคยเป็นห่วงเจ้ามาแต่ไหนแต่ไร” เยี่ยนจ้าวเกอลูบมือ พูดด้วยรอยยิ้ม

หญิงสาวถอนใจอย่างหาได้ยาก “ข้าเองก็ไม่เคยเป็นห่วงท่านมาแต่ไหนแต่ไร ท่านมักจะมีวิธีจัดการเรื่องยากๆ มาตลอด”

“แต่เมื่อครู่ เรื่องที่หนงอวี่ซวนจากสำนักแสงสว่างนั่นพูดถึง…”

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “วิชากระบี่ที่ข้าฝึก คือกระบี่สังหารเทพซึ่งเป็นหนึ่งในสี่กระบี่ล้ำค่า เป็นวิชาสายตรงของสายเหนือพิสุทธิ์จริงๆ”

“เป็นสิ่งนอกเหนือความคาดหมายที่ข้าได้มาจากในสุสานมังกรในโลกผืนสมุทร”

เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้า “ทุกคนต่างมีโชควาสนาเป็นของตัวเอง นี่เป็นเรื่องธรรมดา ข้าไม่ได้จะถามความเป็นมาของวิชากระบี่ท่าน ข้าหมายถึง ที่หนงอวี่ซวนนั่นพูดว่า จักรพรรดิโลกาในโลกซ้อนโลกมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์มาเหยียบโลกใบนี้ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง ก็ไม่อาจมองข้ามได้”

สามจักรพรรดิห้าราชา ประมุขทั้งสิบ

ในที่นี้ ราชาเหนือกว่าประมุข ส่วนสามจักรพรรดิแข็งแกร่งกว่าห้าราชา

จักรพรรดิโลกาเหมือนจะเป็นผู้นำของสามราชา พูดในมุมหนึ่ง พระองค์แทบจะเป็นผู้ปกครองของโลกซ้อนโลก อย่างน้อยก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่รู้จักแล้ว

คำพูดดุจประกาศิต วาจาล้ำค่าราวกับทองและหยก

คำพูดของกษัตริย์ดินในโลกซ้อนโลกคือกฎ

คนที่ขัดขืนบางทีอาจจะมี แต่อย่างน้อยต้องเป็นบุคคลระดับสูงซึ่งเป็นสามจักรพรรดิห้าราชาเหมือนกัน แม้แต่คนที่อยู่ในประมุขทั้งสิบ ยังไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “อืม เจ้าจะบอกว่า ข้อมูลที่เปิดเผยกันโต้งๆ เช่นนี้ อาจจะเป็นของจริง ไม่ได้ข่มขู่คนกระมัง”