ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 679 มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คังฮูหยินมีท่วงท่าสง่ามาแต่ไหนแต่ไร ไม่เสียอาการเช่นนี้บ่อยนัก

แต่ว่านางในตอนนี้จิตใจคับแค้นมากกว่าตอนที่รู้ว่าคังจิ่นหยวนบุตรของตนเจออันตรายเสียอีก

ฉีเหว่ยได้ยินเสียงร้องเจื้อยแจ้วของคังฮูหยิน สีหน้ากลายเป็นเขียวคล้ำเช่นกัน หน้ามืดอยู่ชั่วขณะ

เหมือนกลับมีเลือดอุดทรวงอก อยากจะกระอักออกมา

ก่อนที่จะมายังเกาะเทียนอิ้นและเกาะชินเหอในครั้งนี้ พวกเขาได้สนทนากับเสวียนมู่อ๋องมาก่อน

เสวียนมู่อ๋องให้คำตอบอย่างแน่วแน่ว่า ของวิเศษที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลาอันสั้น ไม่อาจหามาได้มากเท่านี้อีกแล้ว

ถ้าหากว่าแย่งของวิเศษที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอชิงไปคืนมาไม่ได้ ก็ไม่อาจรวบรวมแค่ในทะเลหวงเจียได้อีก

ต่อให้หาเจอ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ถึงจะได้จำนวนที่พวกเขาต้องการ

และเวลาที่ว่านี้พวกเขารอไม่ได้ ค่ายกลบูชาฟ้าไม่อาจทำงานได้ต่อไป

ฉีเหว่ยร่างกายเข้าใกล้รอยแตกของมิติ เห็นประกายกระบี่ของกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยจากคังฮูหยินกำลังทำให้มิติที่สับสนด้านในหยุดนิ่ง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอหายตัวไปนานแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดไล่ตาม ตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว

แม้แต่ตัวเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่แน่ใจว่าจะไปโผล่ที่ไหน อาจจะออกจากทะเลหวงเจียไปเลยก็ได้

สองผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางมองหน้ากัน สีหน้าถมึงทึง

ถึงจะรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังฝึกปรือไม่ธรรมดา เป็นอัจฉริยะมากความสามารถ ครอบครองของวิเศษมากมาย แต่หลังจากได้ประจัญหน้ากัน ยังทำให้พวกเขารู้สึกเหนือความคาดหมาย

“ตามคำบอกเล่าของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ในตอนที่เขาฆ่าหยางจ้าวหงที่เกาะหลวนเซียง เพิ่งเลื่อนเป็นระดับบรรลุธรรมเท่านั้น” สีหน้าของคังฮูหยินเคร่งขรึมอย่างไม่เคยมีมาก่อน “ตอนนี้ยังไม่ทันถึงหนึ่งปี ก็สำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือนี่?”

ฉีเหว่ยมีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน “หรือเขาจะฝึกฝนกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย หรือไม่ก็วรยุทธ์ที่แตกออกมาจากคัมภีร์นภากาลเวลา?”

เมื่อรู้สึกได้ว่าพลังที่โจมตีค่ายกลที่ด้านนอกค่ายกลยิ่งมายิ่งรุนแรง เขาก็รู้ว่ามียอดฝีมือจากกองกำลังต่อต้านต้าเสวียนมาถึงมากกว่าเดิม

ฉีเหว่ยสูดลมหายใจลึก สงบจิตใจ “ไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”

คังฮูหยินพยักหน้า ถึงแม้ว่าพวกเสวียนมู่อ๋องจะช่วยดึงดูดความสนใจของพวกกู้หงและหลัวจื้อเทาไว้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาในตอนนี้ก็ล่วงลึกมาถึงแนวหลังของกองทัพต่อต้านต้าเสวียน หากไม่ระหว่างตนอาจจะถูกฝังอยู่ที่นี่

ค่ายกลทั้งสองค่ายของฉีเหว่ยทำงานร่วมกัน หมุนทวนกลับ เกาะชินเหอทั้งเกาะเริ่มแตกร้าว เหมือนกับกำลังพังทลาย

เขากับคังฮูหยินอาศัยค่ายกลนี้ปกป้อง รีบร้อนหนีไป มุ่งหน้าไปยังจุดรับที่ตั้งไว้ ที่นี่มียอดฝีมือราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องคนอื่นรอรับอยู่

คังฮูหยินมองฉีเหว่ย กล่าวเสียงทุ้ม “ข้าจะตามหาโจรน้อยนั่น ศิษย์พี่ฉีลองหาวิธีดูว่าสามาถใช้ของวิเศษอย่างอื่นแทนผลึกปอดแดนทะเลได้หรือไม่ พวกเราทำสองอย่างไปพร้อมกัน”

ฉีเหว่ยสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว “อย่างอื่นยังพอแทนที่ได้ แต่เครื่องหอมบรรจุฟ้ากับผลึกปอดแดนทะเลแทบจะไม่มีอะไรมาแทนได้!”

ครั้นได้ยินดังนั้น คังฮูหยินก็รู้สึกหน้ามืดเช่นกัน “เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ หรือจะรู้ว่าพวกเราต้องการของเหล่านั้นไปทำอะไร ดังนั้นจึงจงใจยึดผลึกปอดแดนทะเลไว้?”

“ก็อาจเป็นไปได้ เด็กน้อยผู้นี้มีความรู้กว้างขวาง เชี่ยวชาญค่ายกล อาจจะรู้จักค่ายกลบูชาฟ้า” ฉีเหว่ยกัดฟัน

คังฮูหยินพลันใจเย็นลง สีหน้าลังเล “หรือจะมีบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนอื่นรู้ความคิดขององค์ราชา แอบส่งเด็กน้อยผู้นี้มาทำลายแผนการของพวกเราอย่างลับๆ

“ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็ยังดี พวกเราแค่ทูลองค์ราชาก็เป็นอันใช้ได้ ทุกอย่างให้องค์ราชาตัดสิน” ฉีเหว่ยขมวดคิ้ว “แต่เงื่อนไขคือ เราอย่าเผยร่องรอยที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากองค์ราชาคาดโทษ พวกเราไม่อาจหนีไปที่ใดได้”

นางพึมพำ “ถ้าหากมีคนอื่นคิดจะทำลายแผนการขององค์ราชา คนผู้นั้นจะเป็นใครกัน?”

“ที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตขององค์ประมุขตงหนาน ยังมีความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ ในอดีตแม้ว่าจะอนุญาตให้บรรพบุรุษของพวกเราลงหลักปักฐานในทะเลหวงเจีย และสืบทอดมาถึงวันนี้ แต่ว่าองค์ประมุขตงหนานน่าจะไม่รู้ว่าเราคิดจะทำอะไร ดังนั้นจึงไม่สนใจ”

“หากรู้สถานการณ์ ไม่แน่ว่าจะไม่เห็นด้วย เพียงแต่เพราะไม่อยากฉีกหน้าองค์ราชา เลยใช้ให้ตัวแทนดำเนินการอย่างลับๆ?”

คังฮูหยินทางหนึ่งครุ่นคิด ในใจรู้สึกหวาดหวั่น “เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้มีอายุน้อย กลับมีพลังฝึกปรือขนาดนี้ ทั้งยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอีก”

“ถึงเขาจะไม่อาจกระตุ้นพลังด้านในตัวมันออกมาได้โดยสมบูรณ์ แต่ความไม่ธรรมดาของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ กลับเหนือกว่ากระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน และหอกราชาลี้ลับ…”

นางกับฉีเหว่ยสบตากัน “ด้านในหลอมจิตจริงแท้ของพระอาทิตย์เอาไว้ แข็งแกร่งสุดเปรียบปาน พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ภายนอกเป็นตราประทับอันหนึ่ง…”

คนทั้งสองพูดพร้อมกัน “หรือจะเป็นตราประทับตะวันในตำนาน?”

ฉีเหว่ยสีหน้าไม่เคร่งเครียด “ของวิเศษชิ้นนี้ติดตามผู้เป็นนาย สาปสูญไปมากกว่าพันปีแล้ว”

คังฮูหยินถอนลมหายใจยาว “ถูกต้อง เพียงแต่สาปสูญไป ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และไม่ได้ถูกทำลาย”

นางเว้นวรรคครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา “ในอดีต บุคคลที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้นได้รับการขนาดนามเคียงคู่กับกษัตริย์ดินซึ่งเป็นบุคคลระดับสุดยอด ฟื้นฟูสำนักเต๋า ก่อสร้างโลกซ้อนโลก จากนั้นก็สร้างภูเขาคุนหลุนด้วยกันหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

ฉีเหว่ยเม้มปาก “เกาหาน ราชันพระอาทิตย์ หนึ่งในเก้านพคราะห์แห่งคุนหลุนหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่…”

หลังจากหาชื่อของคนที่สำหรับพวกเขาแล้วเป็นตัวตนในตำนานจากความทรงจำในห้วงสมอง ขณะที่ฉีเหว่ยเอ่ยชื่อยังอดลดเสียงลงไม่ได้

เป็นไปตามคำพูดของคังฮูหยิน คนผู้นี้เพียงแค่หายสาปสูญ บางทีอาจจะยังมีชีวิตอยู่

“หรือว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้จะเป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์” ฉีเหว่ยรู้สึกหวั่นวิตก

คังฮูหยินกล่าว “บอกยากยิ่ง ถึงแม้สำนักแสงสว่างจะพูดว่า เยี่ยนจ้าวเกอเป็นจอมยุทธ์ที่มากจากโลกเบื้องล่าง ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์มายังโลกซ้อนโลก แต่ใครจะรู้ว่าเขาได้พบเจออะไรที่โลกเบื้องล่าง?”

“เอาเป็นว่า ทูลเรื่องนี้ให้องค์ราชารู้ก่อนแล้วกัน”

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว คังฮูหยินก็เอ่ยว่า “คุยกับเสวียนมู่อ๋อง ให้พระองค์หาวิธีสืบข่าวจากในสำนักแสงสว่าง หากไม่ไหวจริงๆ ให้ใช้ความพยายามจับยอดฝีมือระดับสูงของสำนักแสงสว่างมาเค้นถามสถานการณ์อย่างละเอียด”

ฉีเหว่ยขมวดคิ้ว “รู้เช่นนี้ น่าจะไว้ชีวิตผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเมื่อครู่”

คังฮูหยินตาเป็นประกาย “ตอนนี้ข้าเข้าใจขึ้นบ้างแล้วว่า เหตุใดสำนักแสงสว่างถึงจับตาดูเยี่ยนจ้าวเกอนั่น พวกเขาอาจจะรู้ว่าตราประทับตะวันอยู่ในมือของเด็กน้อยผู้นั้น”

“สำนักแสงสว่างเกิดจากสำนักประกายกาฬ แม้ว่าจะล่มสลายไปแล้ว แต่ควรจะรู้ว่าตราประทับตะวันเป็นของที่ราชันพระอาทิตย์เคยพกติดตัว ยังกล้าไล่ฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอโดยไม่กริ่งเกรง บางทีเยี่ยนจ้าวเกออาจจะได้ตราประทับตะวันมาโดยบังเอิญ แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชันพระอาทิตย์ก็ได้”

ฉีเหว่ยว่า “ระวังไว้ก่อนดีกว่า ความคิดของคนที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้น ทางที่ดีอย่าไปคาดเดาแบบง่ายๆ ผู้ใดจะรู้ว่าในนี้ยังมีความลับอะไรอยู่ สำนักแสงสว่างกำลังเล่นกับไฟอยู่หรือไม่ก็ยังไม่แน่”

คังฮูหยินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ย่อมต้องตรวจสอบ แต่พวกเราไม่อาจรอเพียงอย่างเดียว เกิดนอกจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอย่างตราประทับตะวัน เยี่ยนจ้าวเกอนั่นกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับราชันพระอาทิตย์ แล้วพวกเราเอาแต่อยู่เฉย คงไม่อาจบอกกล่าวกับองค์ราชาได้แน่”

“อืม ตามหาที่อยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอนั่นต่อ ขณะเดียวกันก็คิดหาวิธีสืบข่าวสารจากสำนักแสงสว่างให้มากกว่าเดิม” ฉีเหว่ยพูด

ฝ่ายคังฮูหยินนวดขมับของตัวเอง รู้สึกปวดศีรษะ “เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”