ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 678 ฝ่าวงล้อม

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งมาก ความสามารถด้านค่ายกลของคนที่วางค่ายกลค่อนข้างไม่ธรรมดาเสียด้วย’

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ส่งมาจากพลังของค่ายกลเอกภพย้อนทวนที่อยู่รอบๆ ก็เข้าใจ

ตนในตอนนี้เผชิญกับคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถด้านค่ายกลสูงล้ำคนหนึ่ง

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่มีความสามารถด้านค่ายกลสูงส่งเท่านั้น ยังมีพลังฝึกปรือยอดเยี่ยมมากด้วย อย่างต่ำที่สุดน่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงระยะต้น เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง

ระดับกดดันผู้คน กอปรกับความแบยบยลในความสามารถด้านค่ายกล เมื่อสองสิ่งรวมกัน จึงน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มอบโอกาสให้เขาวางค่ายกลยังพอทำเนา ตอนนี้ค่ายกลวางอย่างมั่นคง อีกทั้งยังทำงานขึ้นมาแล้ว เกาะชินเหอในตอนนี้เท่ากับเป็นอาณาเขตของเขา

ในสถานที่แห่งนี้ ฉีเหว่ยคนเดียวสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือในระดับเดียวกันได้อย่างไร้ปัญหา

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ของวิเศษเช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้าและดินกำเนิดจักรภพถูกทำลายไปด้วย ที่เขาทำกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ความจริงคือออมแรงไว้แล้ว

ฉีเหว่ยย่อมไม่เปลืองแรงกับเยี่ยนจ้าวเกอเพียงเท่านี้

คังฮูหยินเคลื่อนไหวในค่ายกล ลงมือสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อเห็นประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ด้านใน

นี่น่าจะเป็นยอดฝีมือในเก้ากระบี่ผู้วิเศษที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง ซึ่งตามหาตนตอนอยู่ในน่านน้ำใกล้ๆ เกาะเฉียนหลิง

ประกายกระบี่ไปถึงที่ใด กระแสเวลาคล้ายกับกำลังจะหยุดนิ่ง

แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังเชื่องช้าลง

กระบี่สังหารเซียนเด็ดเดี๋ยว แต่ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างในด้านระดับมากเกินไป

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ออกกระบี่ก็พอจะคาดผลลัพธ์การต่อสู้ได้ บางทีกระบี่สังหารเซียนอาจจะทำลายประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้นได้ชั่วขณะ แต่จะเกิดประกายกระบี่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน สุดท้ายจะกลบตนเหมือนกับน้ำ

น้ำสามารถดับไฟ แต่ในตอนที่สภาวะของไฟรุนแรงเกินไป สุดท้ายไฟก็จะเผาน้ำจนแห้งเหือด

ยิ่งไปกว่านั้น คังฮูหยินในมือยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางอย่างเกราะฟ้าดิน ซึ่งแตกต่างกับพวกเติ้งเซินและเฉิงซงที่มีแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ

พลังที่ประสานกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง อยู่เหนือกว่าจินตนาการของคนทั่วไป

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน สีหน้าสงบนิ่ง

เขายกมือขึ้นกำเป็นหมัด ต่อยใส่ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้น

แสงอาทิตย์นับไม่ถ้วนรวมกันบนกำปั้นของเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนแสงสว่างนี้ ความร้อนแรงนี้ เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว และเป็นจุดรวมศูนย์เพียงจุดเดียวในโลก

ตราประทับสีทองที่เจิดจรัสและแข็งกร้าวลุกไหม้อย่างรุนแรง ปล่อยแสงสีทองนับหมื่นสายออกมาในค่ายกลเอกภพย้อนทวน

เหมือนกับพระอาทิตย์ตกลงมาในค่ายกล พริบตานั้นลวดลายค่ายกลต่างสั่นไหวเล็กน้อย

‘เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้กระตุ้นตราประทับตะวันได้แค่ครั้งเดียวอีกแล้ว แต่ก็ทำบ่อยครั้งไม่ได้ สักสี่ห้าครั้งน่าจะไม่มีปัญหา’

เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ตราประทับตะวันปะทะกับคังฮูหยิน ซึ่งเป็นทิศทางของจิตหมัด

ที่ที่แสงอาทิตย์ไปถึง ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำพลันสั่นไหวเหมือนกับเดือดพล่าน

ทุกสิ่งในอากาศได้พลังชีวิตกลับคืนมา ไม่ได้ชะงักหยุดนิ่งอีก เวลาเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนเดิม

คังฮูหยินใบหน้าตื่นตระหนก ฉีเหว่ยเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน ‘นี่คือ…อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง?! เด็กน้อยผู้นี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงด้วย?’

แต่หลังจากตื่นตะลึงแล้ว สายตายของคนทั้งสองก็ลุกวาวพร้อมกัน

ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง อย่าว่าแต่ยอดฝีมืออย่างพวกเขาเลย แม้แต่เสวียนอ๋อง ผู้วิเศษเซิง และนักพรตสือในอดีตก็ยังต้องการ

ถึงแม้จะตกใจที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้พลังระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งกระตุ้นพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้ แต่พวกเขาเชื่อมั่นว่านี่ไม่มีทางคงสภาพได้นาน

ขณะที่แย่งชิงเครื่องหอมบรรจุฟ้าซึ่งเป็นของวิเศษ คังฮูหยินกับฉีเหว่ยมีความตั้งใจจะสังหารเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม

ฉีเหว่ยเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังของค่ายกลเอกภพย้อนทวนทันที

แต่ว่าในขณะที่เยี่ยนจ้วเกอใช้ตราประทับตะวัน ก็ทำอย่างอื่นไปด้วย

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้หยุดนิ่งอยู่นาน ถอยกลับเข้าไปในวังฝูงมังกร จากนั้นในมือก็ปรากฏถุงย่อส่วนถุงหนึ่ง

กลิ่นหอมที่ซ่อนไม่ได้ของเครื่องหอมบรรจุฟ้าพลันโชยออกมา

ขณะที่ฉีเหว่ยกับคังฮูหยินรู้สึกฮึกเหิม กลับเห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำหอกมังกรมัจฉา จิ้มออกใส่อากาศ

คมหอกพุ่งใส่ลวดลายค่ายกลสายหนึ่งของค่ายกลเอกภพย้อนทวน พลันแหวกอากาศออก เกิดเป็นหลุมดำอันน่าสะพรึง

ฉีเหว่ยหนังตากระตุก

เยี่ยนจ้าวเกอสามารถทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติได้ ความสูงส่งของความสามารถในด้านค่ายกล ฉีเหว่ยรู้อยู่แล้ว

ในด้านนี้เขาได้ประเมินเยี่ยนจ้าวเกอไว้สูงที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ยังทำให้เขาตกตะลึงอยู่ดี

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงออกหอกหนึ่ง โดนใส่จุดเชื่อมจุดหนึ่งของค่ายกลเอกภพย้อนทวน

ถ้าหากฉีเหว่ยแก้ไขโดยไม่ระวัง ค่ายกลจะปั่นป่วนทันที

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ยอดฝีมือแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือที่กำลังโจมตีค่ายกลเอกภพย้อนทวนอยู่ด้านนอกสัมผัสได้ ว่าสภาวะโจมตีพลันคมกล้าและรุนแรงขึ้น

ความรู้และการศึกษาในวิถีแห่งค่ายกลของคนหนุ่มตรงหน้านี้ ต้องไม่ด้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน บางทีอาจถึงขั้นเหนือกว่าด้วยซ้ำ

แก้มสีเหลืองตอบของฉีเหว่ยกระตุกเบาๆ สายตาเย็นชากว่าเดิม

ทางหนึ่งบังคับให้ค่ายกลเอกภพย้อนทวนป้องกันยอดฝีมือหอกระบี่ทะเลเหนือด้านนอก ทางหนึ่งกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล แก้ไขวิธีการของเยี่ยนจ้าวเกอ

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้คิดจะวัดความสามารถกับเขา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกออกติดต่อกัน ทำลายลวดลายค่ายกลอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันให้ฉีเหว่ยแบ่งสมาธิมารับมือ

จากนั้นในม่านตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เปล่งแสงสายฟ้าที่น่ากลัวขึ้นอย่างฉับพลัน!

อัสนีรุนแรงที่น่ากลัวถึงขีดสุดสายหนึ่งปรากฏขึ้น ระเบิดลวดลายค่ายกลหลายสายอย่างเหี้ยมหาญ เหมือนกับโทสะของเทพเซียน!

เป็นสายฟ้าชั่วพริบตา!

เยี่ยนจ้าวเกอหลอมชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้ามาหลายปี เข้าใจเคล็ดวิชาสายฟ้าชั่วพริบตาอย่างทะลุปรุโปร่ง

สายฟ้าเทพสายนี้ไม่ได้เป็นแค่การแสงพลังชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าเท่านั้น ญาณจริงแท้อันทรงพลังของตัวเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ลุกไหม้ขึ้นจำนวนมาก โจมตีด้วยพลังทั้งหมด

ฉีเหว่ยรับมือไม่ทัน เกือบถูกสายฟ้าชั่วพริบตาของเยี่ยนจ้าวเกอทำลายค่ายกลเอกภพย้อนทวน

สีหน้าของเขากลายเป็นเขียวคล้ำ ก่อนจะแค่นเสียงคำหนึ่ง แล้วกดมือข้างหนึ่งลงด้านล่าง ฝืนควบคุมค่ายกล อีกมือหนึ่งชูขึ้นเหนือศีรษะ

ฉีเหว่ยใช้นิ้ววาดใส่อากาศ ลวดลายค่ายกลอันเป็นเงาแสงหลายสายจับตัวกันกลางอากาศ ค่ายกลอีกอันกำลังปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง

ของวิเศษหลายอย่างลอยออกมาจากในถุงย่อส่วนของเขา เป็นของที่เอาไว้ใช้วางค่ายกลของค่ายกลที่สอง

คังฮูหยินสีหน้าไม่ได้ดูดีเช่นกัน

ตราประทับตะวันในตอนนี้แม้จะใช้ได้แค่อานุภาพของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แต่พลังรุนแรงถึงขีดสุด ในสถานการณ์ที่แข็งเจอแข็ง ทำให้นางไม่อาจทำลายได้ชั่วขณะ

นางกระตุ้นเกราะฟ้าดิน ฝืนรับการโจมตีของตราประทับตะวัน ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำในที่สุดก็หลบพ้นการขัดขวางจากตราประทับตะวัน พุ่งลงไปใส่เยี่ยนจ้าวเกอต่อ

ในขณะที่การโจมตีของสายฟ้าชั่วพริบตาสั่นไหวค่ายกลเอกภพย้อนทวน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็แทงหอกออกอีกครั้ง

ครั้งนี้มิติถูกฉีกกระชากโดยสมบูรณ์ ในค่ายกลถูกแหวกเปิดเป็นรอยแตกของมิติขนาดมหึมารอยหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ เก็บตราประทับตะวัน พุ่งเข้าไปในวังฝูงมังกรพร้อมกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จากนั้นก็ทะลวงเข้าไปในรอยแตกของมิติรอยนั้น

ประกายกระบี่ของคังฮูหยินเหมือนกับธารน้ำยิ่งใหญ่ ไล่ตามเข้าไปในรอยแตกของมิติ

ภายใต้ประกายกระบี่ที่วูบไหวของนาง กระแสปั่นป่วนของมิติอันคลุ้มคลั่งครั้งนี้สงบลงกว่าเดิม

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น ถุงย่อส่วนที่บรรจุของวิเศษต่างๆ เช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้า พลันถูกกระแสปั่นป่วนของมิติม้วนใส่ กำลังจะหายไป ไม่รู้ลอยไปอยู่ในมิติเวลาไหน

ตัวเยี่ยนจ้าวเกอผ่อนคลาย เข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติอีกสายหนึ่ง

คังฮูหยินลังเลเล็กน้อย เงยหน้าส่งเสียงร้อยเจื้อยแจ้ว ไล่ตามถุงย่อส่วนไป

ค่ายกลค่ายที่สองของฉีเหว่ยครอบลงมา ประสานกับค่ายกลเอกภพย้อนทวน ป้องกันจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือไว้ด้านนอกเกาะชินเหอ ครั้งนี้กลับได้แต่มองเยี่ยนจ้าวเกอหายไปในรอยแตกของมิติตาปริบๆ

โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เขาคับข้องใจก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอยังมีเวลาโบกมือลาเขากับคังฮูหยิน

‘ไม่ว่าอย่างไร ค่ายกลบูชาฟ้าก็ยังทำงานต่อไปได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด’ ฉีเหว่ยในตอนนี้ได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนี้

แต่ว่าในตอนนั้นเอง คังฮูหยินที่สงบนิ่งใจเย็นและมีบุคลิกล้ำเลิศมาโดยตลอด กลับส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและโมโหออกมาจากในรอยแตกของมิติ!

“ผลึกปอดแดนทะเลหายไปแล้ว!”