ตอนที่ 869: พบกับไคยะอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 869: พบกับไคยะอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินและนูบิสออกจากการประมูลเมืองแจ๊สและมุ่งตรงไปที่ทางออกของเมือง ตามทาง เจี้ยนเฉินพบจอมยุทธจำนวนมากที่ซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ ถนน บางคนมาเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้ ในขณะที่บางคนมาด้วยจุดประสงค์อื่นและกำลังรออย่างอดทน

ในตอนนี้เอง พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นในที่ไกลออกไป มีคนมากกว่าสิบคนที่อายุแตกต่างกันออกไปบินออกมาจากสถานที่การประมูลและกำลังบินออกจากเมือง

“นั่นคือตระกูลฮัวจากดินแดนศาลาวิญญาณสวรรค์ แม้แต่ในทั่วทั้งอาณาเขตทะเล ความแข็งแกร่งของตระกูลฮัวก็ยังอยู่ในระดับที่สูง”

“พวกเขาคือคนของตระกูลฮัว ข้าได้ยินมาว่าตระกูลฮัวนั้นซื้อชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดมาในราคาที่สูงมาก”

“จอมยุทธหลายคนของตระกูลฮัวมาที่นี่ พวกเขาต้องจากไปพร้อมกับชิ้นส่วนของแผนที่แน่”

“หืม ? นั้นไม่ใช่ท่านเจ้าเมืองเจดหรือ ? ทำไมเขาอยู่กับคนของตระกูลฮัวล่ะ ? “

“ไม่เพียงแต่เจดจะเป็นเจ้าเมืองของเมืองแจ๊สเท่านั้น เขายังเป็นหัวหน้าเบื้องหลังของการประมูลเมืองแจ๊ส

อีกด้วยและหัวหน้าตระกูลคนก่อนของตระกูลอันดับหนึ่งในเมือง ตระกูลแจ๊ส เมื่อเขาอยู่กับตระกูลฮัวแล้ว เขาอาจจะช่วยตระกูลฮัวในการเอาชิ้นส่วนแผนที่ไปด้วยก็ได้มั้ง ? “

“ความแข็งแกร่งของเจดนั้นอยู่ที่ 16 ดาว ข้าไม่คิดว่าจะมีหลายคนนักหรอกที่จะยื่นมือเข้าไปชิงแผนที่ถ้ามีเขาร่วมทางไปด้วย”

“แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ประเด็น ข้าได้ยินมาว่าจอมยุทธหลายคนจากดินแดนทั้งสามทั้งหมดได้มารวมกันที่นี่ ทีนักรบวิญญาณทะเล 16 ดาวคนอื่นอีกมากอยู่ในหมู่พวกนี้ด้วย”

..

เสียงถกเถียงดังออกมาต่อเนื่องจากถนน จอมยุทธบางคนสนทนากันในขณะที่มองกลุ่มบินผ่านอยู่เหนือพวกเขา เจดเป็นจอมยุทธที่เป็นที่รู้จักดีในดินแดนนี้ การปรากฎตัวของเขาทำให้หลายคนเลิกคิดร้าย

กลุ่มจากตระกูลฮัวบินอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับเจด พวกเขาพุ่งผ่านท้องฟ้าเหมือนดาวหางและหายไปไกลในพริบตา พวกเขาออกจากเมืองไปไวมาก

อาณาจักรทะเลนั้นถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่ทรงพลัง มันเป็นเหมือนโลกอีกโลก เซียนราชาไม่สามารถที่จะเปิดมิติออกที่นี่ได้ ดังนั้นกลุ่มของตระกูลฮัวจึงสามารถส่งชิ้นส่วนของแผนที่กลับไปที่ตระกูลได้โดยการบินเท่านั้น

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกไป ร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นในเมือง จอมยุทธหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่รอบรอบทั้งหมดเริ่มที่จะสะกดรอยตามกลุ่มนั้นไป พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎและยังมีเซียนราชาบางคนอีกด้วย

เจี้ยนเฉินดูร่างหลายร่างออกเดินทางไปไกลในขณะที่เขายืนอยู่กับที่ ตาของเขาเป็นประกาย

“ท่านนักรบ พวกเราได้สิ่งที่ท่านต้องการแล้วตอนนี้ ท่านคิดว่า…” ผู้นำเผ่าแห่งความกล้าพูดอยู่อีกข้างหนึ่งอย่างลังเล เขาดูกังวลเล็กน้อย เขาได้ใช้เงินของเผ่าทั้งหมดไปกับเจี้ยนเฉิน เขากังวลจริง ๆ ว่าทั้งสองจะกลับคำพูด

หลังจากมองไปที่หัวหน้าตระกูลอย่างไม่ตั้งใจ มุมปากของเจี้ยนเฉินก็บิดเบี้ยวไปด้วยความยโส “ท่านผู้นำเผ่า พวกเราออกไปจากเมืองกันก่อนเถอะ”

“เจี้ยนเฉิน แล้วแผนที่แผ่นดินทั้งแปดล่ะ…” นูบิสส่งข้อความผ่านทางจิตใจ

“ไม่ต้องรีบ ให้พวกเขาสู้กันไปก่อน อย่างกังวลไป ทุก ๆ อย่างอยู่ในความคาดหมายของข้าแล้ว” เจี้ยนเฉินตอบผ่านทางจิตใจ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก เขาได้ขยายพลังแห่งการรับรู้ของเขาไปถึงขีดสุดได้สักพักใหญ่มาแล้วซึ่งครอบคลุมรัศมีกว่าห้าพันกิโลเมตร เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกิจกรรมของคนอื่นอย่างชัดเจน

“ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วถ้าเจ้าพูดแบบนั้น” นูบิสตอบกลับ

ทั้งสามคนออกจากเมืองแจ๊สไปด้วยกันและบินออกไปไกล ตอนที่พวกเขาเดินทางออกไปได้ห่างจากเมือง 100 กิโลเมตร พลังแห่งการมีอยู่ที่ใหญ่โตจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาทันที

ข้างหลังของพวกเขา ซี่หวังในชุดสีฟ้าได้ไล่ตามพวกเขามาด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร เขาหลอมรวมกันมิติและรีบตรงมาโดยใช้พลังมิติ เขาเร็วดุจสายฟ้า

“นั่นคือซี่หวัง เขาตามมาทันแล้ว” ท่าทางของหัวหน้าตระกูลเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปที่เจี้ยนเฉินและนูบิส เขาเห็นว่าพวกเจี้ยนเฉินยังคงใจเย็นอยู่ ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เจี้ยนเฉินและนูบิสหยุดกลางอากาศและยังคงสงบนิ่งเพื่อรอให้ซี่หวังบินเข้ามา ไม่กี่วินาทีต่อมา ซี่หวังก็หยุดอยู่ห่าง 50 เมตรจากพวกเขาทั้งสาม เขาจ้องไปที่นูบิส ในขณะที่ไฟแห่งโทสะและจิตสังหารระเบิดอยู่ในดวงตาของเขา

นูบิสจ้องไปที่ซี่หวังขณะที่กำลังกอดอกและใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เขาเอ่ยว่า “อะไร เจ้าต้องการที่จะสู้กับข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ ? “

“เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกมาให้ข้า แล้วข้าจะจากไปทันที ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ ” ซี่หวังพูดอย่างไร้อารมณ์ น้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงความหวังเดียวของเขา เขายอมตายเพื่อที่จะได้มันมาเพราะว่าเขามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว

ใบหน้าของนูบิสนั้นเย็นชา “ต่อหน้าข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้น เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเป็นนักรบวิญญาณทะเล 15 ดาว ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าเลาะฟันของเจ้าออกหมดก่อนที่จะจะพูดแบบนี้ล่ะ ?” หลังจากนั้นนูบิสก็ไปปรากฏตัวตรงหน้าซี่หวังในพริบตา เขาเหวี่ยงหมัดไปที่ซี่หวังและมิติรอบ ๆ ก็สั่นไหวอย่างรุนแรงในบริเวณที่หมัดของเขาผ่านไป

มิติของอาณาจักรทะเลนั้นหยาบกว่าที่อื่นมาก หมัดของนูบิสที่เคยฉีกผ่านมิติอย่างง่ายดายที่อื่นกลับทำได้แค่ทำให้มิติสั่นไหวที่นี่

แม้ว่าซี่หวังจะมั่นใจไนตัวเองมาก แต่เขาก็รู้ว่านูบิสนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย ดงันั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะหลบและโจมตีด้วยหมัดออกไป หมัดของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง

ปัง !

พลังที่รุนแรงพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมเสียงอื้ออึงและทำลายล้างไปทั่วทุกทิศทาง คลื่นพลังจากการปะทะกับของหมัดส่งไปถึงพื้นและรอยแยกใหญ่ก็เกิดขึ้นมาทันที

หลังจากการโจมตี นูบิสยังคงทรงตัวได้และลอยอยู่กลางอากาศ เขาไม่ขยับเขยื้อนเหมือนภูเขา ในอีกทาง ซี่หวังถูกทำให้กระเด็นถอยไป 10 เมตรอย่างควบคุมไม่ได้ก่อนจะตั้งหลักได้ ผลลัพธ์ออกมาให้เห็นแล้วว่าใครอ่อนแอและใครแข็งแกร่งกว่า

ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูรโบราณ ความสามารถของนูบิสในการต่อสู้นั้นทรงพลังมาก รวมกับที่เขาได้ดูดซับแกนลับจากสัตว์อสูรระดับ 8 มันยิ่งทำให้เขายอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนราชาเลย แม้แต่เขาจะเผชิญหน้ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชนะได้ เขานั้นยากที่จะหาผู้ต่อกรด้วยได้ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ด้วยกัน

มือของซี่หวังเองสั่นและชาเล็กน้อยจากการปะทะ เขาคำรามออกมา “เจ้าอาจจะทรงพลังมากแต่เจ้าก็อยู่ในระดับสูงสุดของ 14 ดาวเหมือนกับข้า ถ้าพวกเราไม่สู้ให้ถึงที่สุด มันก็คงจะยากที่จะตัดสินว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า” พลังแห่งการมีอยู่ที่ใหญ่กว่าเดิมพุ่งออกมาจากซี่หวังในขณะที่เขาพุ่งมาที่นูบิสอย่างองอาจเพื่อที่จะเข้ามาต่อสู้กับเขา

ในทิศทางของเมืองแจ๊ส คนอื่น 3 คนได้บินออกมา ก่อนที่จะหยุดอยู่ห่าง 3 กิโลเมตรเพื่อสังเกตการณ์อยู่ไกล ๆ

ทั้งสามคนนั้นคือผู้นำคนปัจจุบันของเผ่าเมิ่งหวงและผู้อาวุโสอีก 2 คน พวกเขาไม่ได้เข้าไปยุ่งในการพิพาทระหว่างเจี้ยนเฉินและนูบิสกับซี่หวัง

เมื่อพวกเขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างนูบิสและซี่หวัง ใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มไม่น่าดู พวกเขาไม่คิดเลยว่านูบิสจะทรงพลังขนาดนี้ ทรงพลังขนาดที่สามารถต่อสู้กับซี่หวังที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดีได้โดยได้เปรียบเล็กน้อยอีกด้วย

เจี้ยนเฉินมองไปที่จอมยุทธทั้งสามของเผ่าเมิ่งหวงที่อยู่ไกล ๆ แต่เขาไม่ได้สนใจพวกนั้นมากนัก คนทั้งสามนั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 และ 4 และไม่ใช่คนที่เขาต้องไปสนใจ

อย่างไรก็ตาม ผู้นำเผ่าแห่งความกล้าไม่สามารถที่จะสงบเหมือนเจี้ยนเฉินได้ เขาจ้องไปที่จอมยุทธทั้งสามของเผ่าเมิ่งหวงอย่างระมัดระวังแล้วเขาก็พูดออกมาว่า “ท่านนักรบที่เคารพ ระวังการโจมตีอย่างกะทันหันจากพวกเขาให้ดี”

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง พวกเขาไม่สามารถที่จะสร้างปัญหาอะไรได้หรอก” เจี้ยนเฉินมั่นใจ

จอมยุทธทั้งสามจ้องเขม็งไปที่การต่อสู้ของทั้งสองคนในขณะที่สายตาของพวกเขาเป็นประกาย หนึ่งในผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ส่งข้อความทางจิตใจ “ท่านผู้นำเผ่า ซี่หวังได้กลายเป็นศัตรูกับจอมยุทธที่เผ่าแห่งความกล้าหามาแล้ว ถ้าพวกเราอาศัยความได้เปรียบในตอนนี้และช่วยซี่หวังต่อสู้ พวกเราอาจจะดึงเขาเข้ามาช่วยในการต่อต้านเผ่าแห่งความกล้าได้ชั่วคราว”

“นั่นก็สมเหตุสมผล ท่านผู้นำเผ่า ทำไมพวกเราไม่ไปช่วยซี่หวังตอนนี้เลยล่ะ ? ซี่หวังต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่พวกเราต้องการสายแร่วิญญาณที่เผ่าแห่งความกล้าครอบครองอยู่ ข้ามั่นใจว่าซี่หวังต้องเต็มในที่จะร่วมมือกับพวกเราแน่” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวเสริม

ผู้นำเผ่าเมิ่งหวงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหน้าเบา ๆ “พวกเรารอก่อน ในตอนนี้ พวกเราไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของอีกคน พวกเราอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้ว่าพวกเราจะร่วมมือกันก็มีแต่ตายเปล่า และผู้นำเผ่าแห่งความกล้ายังเป็นจอมยุทธ 13 ดาวอีกด้วย ข้าไม่เห็นว่าเราจะได้รับประโยชน์ในตอนนี้ถ้าพวกเราเร่งรีบ”

ทันใดนั้นเอง คนสิบกว่าคนก็บินเข้ามาจากทิศทางของเมืองแจ๊ส พวกเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าของพวกเขาซีดมีเลือดไหลที่มุมปาก พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ด้านหลังของพวกเขา ชายชรา 2 คนกำลังต่อสู้ขณะที่อีกคนกำลังถอย พวกเขาทั้งคู่เป็นเซียนผู้คุมกฎและคลื่นพลังที่มหาศาลก็พุ่งพวยออกมาทุกครั้งที่พวกเขาปะทะกัน

“ท่านผู้อาวุโส หนีไปเร็ว ไม่ต้องสนใจพวกเรา” หญิงที่ดูดึงดูดเล็กน้อยในชุดสีฟ้าตะโกนออกมาจากกลุ่ม นางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด

เมื่อเจี้ยนเฉินได้ยินเสียงของหญิงคนนั้น ตาของเขาก็แข็งทื่อทันที เขาหันไปที่หญิงที่พูดทันทีและสายตาของเขาก็ตกตะลึง “ไคยะ ! “

“ข้าจะขวางเขาไว้เอง หนีไปเร็ว” ชายชราที่มีผมสั้นสีห้าตะโกนออกมาในขณะที่เขาสู้ไปด้วยถอยไปด้วย เขานั้นอ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้มาก แค่การต่อสู้ไม่นานก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าคิดว่าคนจากเผ่าคาเลอร์จะหนีไปได้เลยวันนี้ ร้อยปีก่อน เจ้าแก่บ้าจากเผ่าคาเลอร์เกือบทำให้ข้าตาย ให้ข้าทวงหนี้แค้นเรื่องที่ผ่านมากับเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าแก่บ้านั่นเถอะ ! ” ชายชราในชุดดำหัวเราะอย่างดังจากข้างหลัง ใบหน้าของเขาโหดเหี้ยม ในขณะที่เขาโจมตีไปที่ผู้อาวุโสของเผ่าคาเลอร์ด้วยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง

พรวด ! ผู้อาวุโสกระอักเลือกออกมาและหน้าซีดทันที ใบหน้าเขาถอดสีและไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไปและกำลังร่วงหล่นจากฟ้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะจัดการเจ้าแก่นั่นและข้าจะมาฆ่าพวกหนูอย่างพวกเจ้า” ชายชราในชุดดำพุ่งไปที่ผู้อาวุโสที่กำลังตกด้วยจิตสังหารและโจมตีอย่างไร้ปราณีด้วยฝ่ามือที่เปล่งไปด้วยคลื่นพลังไปที่หัวของผู้เฒ่า

ควับ !

ทันใดนั้นเอง เสียงบาดหูก็เกิดขึ้นในอากาศ ปราณกระบี่ยาว 1 เมตรที่น่ากลัวที่มีพลังแห่งการทำลายล้างที่เล็ดลอดออกมาพุ่งตรงไปที่ชายชราชุดดำด้วยความเร็วดุจสายฟ้า