ตอนที่ 870: การชดใช้หนี้บุญคุณ
เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของปราณกระบี่ที่กำลังลอยเข้ามา ชายชราในชุดดำก็ตกตะลึงทันที เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าเขาต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่ถ้าเขาโดนการโจมตีครั้งนี้
ชายชราไม่สนใจที่จะฆ่าผู้อาวุโสจากเผ่าคาเลอร์ในเวลานี้ ฝ่ามือของเขาที่เตรียมไว้สำหรับผู้อาวุโสนั้นหดกลับไปและโจมตีไปที่ปราณกระบี่แทนด้วยพลังเต็มแรง
ชายชราส่งหมัดยาว 1 เมตรที่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน โจมตีไปที่ปราณกระบี่ด้วยคลื่นพลังที่รุนแรง
ตู้ม ! การโจมตีทั้งสองปะทะกัน เสียงดังก้องเกิดขึ้นทันที คลื่นพลังที่รุนแรงทำลายล้างไปรอบ ๆ และทำให้ไคยะและองครักษ์ลอยกระเด็นไป
อย่างไรก็ตาม ปราณกระบี่นั้นเหนือกว่าที่ชายชราจินตนาการเอาไว้ มันไม่ได้กระจายหายไปและพุ่งตรงไปด้วยพลังงานที่รุนแรงแทน อย่างไรก็ตาม มันอ่อนแรงมากกว่าเดิมในตอนนี้เนื่องจากการโจมตีก่อนหน้านี้
ชายชราเป็นนักรบวิญญาณทะเล 14 ดาวซึ่งเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 เมื่อเขาเห็นว่าปราณกระบี่ยังคงพุ่งเข้ามาหาเขาอยู่โดยความเร็วไม่ลดลง เขาก็เคร่งเครียดทันที หลังจากนั้น เขาจึงคำรามออกมาและพลังงานปริมาณมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาและโจมตีไปที่ปราณกระบี่ด้วยพลังงานของเขาอีกครั้ง
เสียงระเบิดดังอึกทึก ชายชราสลายปราณกระบี่ที่อยู่ห่างออกไป 30 เมตรจากเขาไปได้สำเร็จ การกระชากหลังจากการโจมตีเข้าจู่โจมร่างของเขา ทำให้เขาสั่นอย่างรุนแรง
ชายชราตกตะลึง เขามองไปที่ทิศทางที่ปราณกระบี่พุ่งมา เขาต้องการที่จะเห็นว่าใครกันที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าคนผู้นั้นจะไม่อยู่ในระดับสูงสุดของ 14 ดาว ก็ไม่ห่างชั้นกับเขามากนัก
สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดทีเพียงชายหนุ่มที่มีผมสีดำยาวในชุดขาว เขาถือกระบี่ที่เปล่งแสงสีดำในขณะที่เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ
ตาของชายชราหรี่เล็กลงอย่างรวดเร็ว เขาประสบกับความเข้าใจผิด เพราะชายหนุ่มที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แต่เป็นกระบี่ที่เปล่งรัศมีไปด้วยปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานเหมือนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในโลก
“นักรบ เจ้าเป็นใครกัน ? เจ้าต้องการอะไรจากข้า ? ทำไมเจ้าถึงโจมตีข้าโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ ? ” ชายชราคำราม ท่าทางของเขาน่ากลัวมาก ในขณะที่เขามองไปยังการต่อสู้ที่ดุเดือดของซี่หวังกับนูบิสอย่างไม่รู้ตัว แค่มองปราดเดียวเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นทรงพลังกว่าเขามากและบางทีอาจจะเป็นจอมยุทธที่อยู่ในขั้นสูงสุดของ 14 ดาว
เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายชราอย่างเย็นชาก่อนที่จะบินไปไปไคยะ “คุณหนูไคยะ ท่านปลอดภัยหรือไม่ ? “
ไคยะมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยใบหน้าที่ซีดขาวของนาง เมื่อนางจำเขาได้ สายตาอันสวยงามของนางก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “ท่านนักรบ ใช่ท่านจริง ๆ ด้วย”
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูไคยะ ดูเหมือนท่านกำลังเจอปัญหาแต่โชคดีที่ท่านมาเจอข้าพอดี ไม่ใช่นั้นท่านอาจจะตกอยู่ในอันตราย”
ในตอนนี้ องครักษ์ทั้งสิบสองคนที่ตามไคยะมาก็จำเจี้ยนเฉินได้เช่นกัน พวกเขาตกตะลึงทันทีเมื่อพวกเขาเชื่อมโยงเรื่องที่เจี้ยนเฉินสามารถไล่ชายชราที่ทรงพลังไปได้ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว พวกเขาไม่คิดว่าคนที่เหมือนขอทานผู้ที่ไม่มีแม้แต่เงินที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าเมืองจะเป็นจอมยุทธที่น่ากลัว มันทำให้องครักษ์ทั้งสิบสองคนตกตะลึงมาก
“ข้าขอบคุณท่านนักรบสำหรับการช่วยเหลือ ไคยะจะทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้แน่” ไคยะพูดอย่างรู้คุณ น้ำเสียงของนางค่อนข้างอ่อนแอเพราะนางค่อนข้างจะได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บไม่ได้มาจากชายชราชุดดำ แต่มาจากคลื่นพลังงานเมื่อการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎทั้งสองปะทะกันก่อนหน้านี้
“คุณหนูไคยะถ่อมตนเกินไปแล้ว ครึ่งเดือนก่อน ข้าได้ติดหนี้บุญคุณของคุณหนูไคยะอยู่ คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณในครั้งนั้นก็แล้วกัน” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินอยู่กับคนของเผ่าคาเลอร์และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างดี ชายชราที่อยู่ห่างออกไปก็หนักใจทันที เขารู้ว่าถ้าเผ่าคาเลอร์มีจอมยุทธเช่นนี้ช่วยเหลืออยู่ เขาก็คงไม่สามารถชำระความแค้นที่ผ่านมาหลายปีได้
ในอีกมุมหนึ่ง ผู้อาวุโสของเผ่าคาเลอร์ที่ได้รับบาดเจ็บก็ยินดีขึ้นมา เขากล้ำกลืนอาการบาดเจ็บและยืนขึ้นมา เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านนักรบ โปรดช่วยพวกเราเผ่าคาเลอร์ด้วย สังหารคนผู้นั้นเสีย เผ่าคาเลอร์จะสำนึกบุญคุณของท่านตลอดไป”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ชายชราในชุดดำก็ไม่สนในการแก้แค้นอีกต่อไป ความคิดในการถอยกลับไปปรากฎขึ้นมาที่จิตใจของเขาแต่เขาก็ถาม “ข้าขอถามความสัมพันธ์ของท่านกับเผ่าคาเลอร์ได้หรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินไม่สนใจเขาและพูดกับไคยะ “คุณหนูไคยะ เมื่อเขาเป็นศัตรูกับท่าน ให้ข้าตอบแทนความเมตตาของท่านด้วยหัวของเขาเถอะ” หลังจากพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ยกกระบี่สังหารมังกรขึ้นมาและพุ่งไปที่ชายชรา ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่ทรงพลังที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่
ท่าทางของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเขากำลังจะถอยหนีนั้น พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่อีก 3 สายก็ปรากฏขึ้นมาทันที สามจอมยุทธของเผ่าเมิ่งหวงร่วมมือกันและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
“ท่านนักรบ มันจะยากที่ท่านจะหนีไปได้แน่ในวันนี้ ทำไมไม่ร่วมมือกับพวกเราสามคนเพื่อกำจัดคนผู้นี้เล่า ? ” ผู้นำเผ่าเมิ่งหวงตะโกนออกมา
สายตาของชายชราเป็นประกาย ความตั้งใจในการที่จะหนีของเขาหายไปทันทีและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “แน่นอน เมื่อเจ้าต้องการที่จะปล่อยข้าไป ข้าก็จะร่วมมือกับคนทั้งสามนี้เพื่อที่จะจัดการกับเจ้า เจ้ากล้าที่จะแส่เรื่องของข้า ข้า ไห่ป้าเทียน จะให้เจ้าต้องตกตายซะที่นี่ในวันนี้”
“ระวัง ท่านนักรบ ! “
เมื่อนางเห็นคนอีก 3 คนพุ่งมาเพื่อมาเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉิน ท่าทางของไคยะก็เปลี่ยนไปทันที นางตะโกนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้และเริ่มที่จะกังวลแทนเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้จักกันนาน แต่เจี้ยนเฉินก็เป็นคนที่อยู่ฝ่ายนาง กลุ่มของนางและผู้อาวุโสจะอยู่หรือจะตายทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเขา
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเย้ยหยันและเขาเยาะเย้ยกลับไป “พวกเรามาดูกันว่าใครกันนี้ที่จะพลาดพลั้งในวันนี้ คนของเผ่าเมิ่งหวง ตอนแรกข้าก็ต้องการให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่มากกว่านี้อีกสักสองสามวัน แต่เมื่อพวกเจ้ามารนหาที่เอง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ”
“ช่างอวดดียิ่งนัก ! ” จอมยุทธทั้งสามของเผ่าเมิ่งหวงโกรธเกรี้ยวและดึงเอาอาวุธของพวกเขาออกมา พวกเขากำลังจะต่อสู้อย่างรุนแรงกับเจี้ยนเฉิน
“แม้แต่หิ่งห้อยยังกล้าที่จะลองส่องแสงแข่งกับจันทราอย่างนั้นหรือ” กระบี่สังหารมังกรในมือของเจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพพร่ามัวและแทงออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็โจมตีออกไปถึง 3 ครั้งและกระแทกอาวุธของจอมยุทธของเผ่าเมิ่งหวงทั้งสามให้กระเด็นไป พลังที่รุนแรงที่ปะทะกับอาวุธของพวกเขาทำให้มือของจอมยุทธทั้งสามชา
ทั้งสามตกตะลึงมาก เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังมาก แต่ตามที่พวกเขาเชื่อ พวกเขามีพลังที่จะต่อสู้แม้กับนักรบวิญญาณทะเล 14 ดาวถ้าพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะทรงพลังขนาดนี้ เพียงแค่การปะทะเพียงครั้งเดียว ทั้งสามคนก็แพ้ไปล่วงหน้าแล้ว พลังงานที่มหาศาลจากกระบี่สังหารมังกรได้มีผลกระทบกับพวกเขาอย่างจัง ทำให้พวกเขาไร้ความสามารถที่จะต่อต้านจากก้นบึ้งของหัวใจ
ควับ ควับ ควับ ..
ในตอนนี้เอง แสงวาบจากดาบก็เกิดขึ้นอีก 3 ครั้ง ดาบปราบมังกรพุ่งทะลุต่อไปที่คนทั้งสามนั้นและกระแทกเข้าไปที่หน้าอกของพวกเขา พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบสนองได้ทันเลยแม้แต่น้อย
ร่างบรรพกาลขั้นที่ 2 นั้นเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 เมื่อรวมกับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎแล้ว ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินนั้นเทียบเท่ากับชั้นสวรรค์ที่ 9 คนทั้งสามนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 ดังนั้นเขาจึงไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านเจี้ยนเฉินเพราะความห่างชั้นที่มากเกินไปได้
คนทั้งสามของเผ่าเมิ่งหวงคำรามอยู่ในลำคอและถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาตกตะลึง และไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พวกเขาหนีไปไกลพร้อมหันหลังและหายไปอย่างรวดเร็ว
“ในตอนแรก ข้าต้องการที่จะสังหารพวกเจ้าทั้งสาม แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้วตอนนี้ หนีไปซะ ข้าจะให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกสองสามวัน”
เจี้ยนเฉินไม่ได้เข้าขวางการจากไปของพวกเขา เขาปล่อยให้คนของเผ่าเมิ่งหวงเข้าใจในความแข็งแกร่งของเขา ดังนั้นเขาจึงเชื่อได้ว่าพวกนั้นจะไม่โจมตีเผ่าแห่งความกล้าในเร็ววันนี้ ซึ่งจะทำให้เขาได้เวลาที่มีค่าในการขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปด
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินมีชัยเหนือจอมยุทธของเผ่าเมิ่งหวงได้ทันทีที่เข้าปะทะกัน ชายชราในชุดดำก็กลัวแทบบ้า เขาหยุดกึกกลางอากาศและไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้อีกต่อไป เขาหันหลังกลับทันทีและบินไปไกลเพื่อที่จะหนี
“เจ้าน่าจะอยู่ที่นี่ ข้าปล่อยให้พวกเขาไปแต่ไม่ใช่เจ้า” เจี้ยนเฉินพูดอย่างปกติ ชายชราชุดดำได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เขาสั่นเทาไปหมด เขายิ่งหนีไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น
เจี้ยนเฉินไม่ให้โอกาสชายชราในการใช้พลังมิติในการหลบหนีได้ เขาใช้ทักษะมายาพริบตาและไปปรากฎตรงหน้าชายชราเหมือนภูตผี ด้วยการขยับมือของเขา กระบี่สังหารมังกรในมือของเขาก็กลายเป็นภาพพร่ามัวและปกคลุมชายชราเอาไว้ ภาพเบลอซ้อนกับเป็นชั้น ๆ เต็มทั่วท้องฟ้าและกักชายชราไว้อยู่กับที่
“อ๊าก ! ” เสียงร้องสยดสยองมาจากภาพพร่ามัวมากมายเหล่านั้น ในขณะที่ภาพพร่ามัวลดลง รูปลักษณ์ภายนอกของชายชราก็เปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาไม่กี่วินาที เขาเต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่บาดแผลนับไม่ถ้วนปรากฏทั่วทั้งร่างของเขา เขาทนทุกข์อย่างมาก
“ท่านนักรบ ไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้า ท่านนักรบ ข้าจะไม่ยุ่งกับคนของเผ่าคาเลอร์อีก กรุณาไว้ชีวิตที่แก่ชราของข้าด้วย” ชายชราเข้าใจในความน่ากลัวที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถหนีได้ในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มอ้อนวอนทันที
ตาของเจี้ยนเฉินเย็นชาและไม่มีผลกระทบจากการกระทำของชายชรา การฆ่าฟันหลายปีที่ผ่านมานี้ค่อย ๆ หลอมให้จิตใจของเขาไร้ปราณีต่อหน้าศัตรู เพราะว่าเป็นเช่นนี้เท่านั้นเขาถึงจะมีชีวิตรอดในโลกนี้ได้ ความกรุณาต่อหน้าศัตรูเท่ากับการละทิ้งชีวิตตัวเอง
สายตาของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่กระบี่สังหารมังกรเหวี่ยงลงไปและบั่นหัวของชายชราออก
ชายชราไม่ตาย ภายใต้การควบคุมของวิญญาณดั้งเดิม หัวทั้งหัวของเขาเริ่มที่จะบินไปไกลเพื่อที่ต้องการจะหนี อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่เร็วไปกว่าเจี้ยนเฉินในท้ายที่สุด ในพริบตา เจี้ยนเฉินก็เดินทางไปหลายร้อยเมตรทันทีและคว้าหัวที่ได้รับบาดเจ็บหนักไว้ ฝ่ามือที่นุ่มนวลกระแทกเข้าไปที่หัว และกระแทกเข้าไปที่วิญญาณดั้งเดิมที่ซ่อนอยู่ภายในให้กลายเป็นชิ้น ๆ เขากำจัดวิญญาณดั้งเดิมของชายชรา