ตอนที่ 988 ขอความช่วยเหลือจากผู้ใด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

พลังพลังหนึ่งได้วิ่งเข้าสู่ร่างกายของเจ้าเมืองหู่ เจ้าเมืองหู่ก็ตื่นตระหนกขึ้นทันใด

เขาตะโกนดังลั่นว่า “ไม่! ไม่! เจ้ามันบ้าเสียสติไปแล้ว!”

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย…”

เจ้าเมืองหู่รู้ว่าหากร้องขอชีวิตจากผู้อาวุโสรองผู้นี้ไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงเริ่มมองไปทางหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ

ไม่นานนักสีหน้าของเจ้าเมืองหู่ก็หมองหม่นลงราวกับขี้เถ้า มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ว่าท่าทางจะไม่ดีแล้ว

นางรีบกล่าวว่า “ทุกคนรีบถอยเร็วเข้า รีบถอยออกไปให้ไกลที่สุด เร็วเข้า!”

ท่านเจ้าเมืองซีเจว๋ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้กล่าวเช่นนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่จะจับตัวเจ้าหมอนี่ได้เชียวนะ!

หากถอยไปเช่นนี้ เกรงว่าพวกมันจะหนีไปได้

ทว่า หลังจากที่เขาได้เห็นความสามารถของมู่เฉียนซี เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมู่เฉียนซี

“ถอย รีบถอยเร็วเข้า!”

“ถอย!”

“……”

พวกเขาใช้ความเร็วที่สุดในการถอยไปจากตรงนี้!

และหลังจากที่พวกเขาถอยไปได้ไม่นาน ผู้อาวุโสรองผู้นั้นก็ได้ผลักเจ้าเมืองหู่ออกไป เขาโคจรพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งและหนีไป

ตูม! เสียงตูมดังสนั่นขึ้น ร่างของเจ้าเมืองหู่ก็แหลกสลายกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆ

และสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาทั้งหมดก็ได้กลายเป็นซากปรักหักพังภายในชั่วพริบตา

อั่ก อั่ก อั่ก! คนเหล่านั้นที่ถอยช้าได้รับผลกระทบจากพลังที่ระเบิดจนได้รับบาดเจ็บภายใน

พวกเขาคิดเสียใจภายหลังที่ไม่วิ่งหนีให้เร็วกว่านี้ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้

เจ้าเมืองซีเจว๋ก็แอบดีใจอยู่ในใจ โชคดีที่เขาเชื่อคำพูดของสาวน้อยผู้นั้น มิเช่นนั้นคงได้ตายไปแล้วเป็นแน่

หลังจากการระเบิดได้สงบลง เจ้าเมืองซีเจว๋ก็กล่าวขึ้นว่า “ตามมันไป อย่าให้คนของสำนักขวางโซ่วหนีไปได้เด็ดขาด!”

ตาเฒ่าผู้นั้นได้ฉวยโอกาสนี้หลบซ่อนตัวตั้งนานแล้ว โอกาสที่จะตามหาตัวเจอนั้นยากมาก ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่ได้ออกไปตามล่าในครั้งนี้ด้วย

มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางหนึ่ง เมื่อครู่เจ้าเมืองหู่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากทางนั้น ทางนั้นมีผู้ใดยืนอยู่อย่างนั้นเหรอ

เย่เฉินเดินไปกระซิบบางอย่างข้างหูมู่เฉียนซี แสงสลัววาบผ่านดวงตานางฉับพลัน ดูท่าทั้งหมดทั้งสิ้นนี้มันยังไม่จบ

ผลสุดท้ายการไล่ล่านั้นไม่มีผล เจ้าเมืองซีเจว๋ก็นำกำลังคนกลับมา

เดิมทีเป็นการประลองเพื่อที่จะไปต่อสู้กับสำนักขวางโซ่ว แต่ตอนนี้กลับถูกก่อกวนจนกลายเป็นเช่นนี้

มู่เฉียนซีมองไปที่รองเจ้าเมืองตงกัวและกล่าวว่า “ควรจะประกาศสิ้นสุดการประลองแล้วหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจ้าเมืองซีเจว๋ก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ตำแหน่งการบัญชาการเขาไม่มีสิทธิ์แล้วอย่างนั้นเหรอ

หน้าที่บางอย่างของเขา นึกไม่ถึงว่าผู้อื่นมาทำแทนเช่นนี้

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่มู่เฉียนซีจะกล่าวเตือนและได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ แต่เจ้าเมืองซีเจว๋ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี!

เจ้าเมืองซีเจว๋ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าขอประกาศว่า เมืองเหลยเป็นฝ่ายชนะ”

“วันนี้ทุกคนก็เหนื่อยกันมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนที่เรือนรับรองสักคืนเถอะ วันพรุ่งพวกเราค่อยมาปรึกษากันใหม่ ความแข็งแกร่งของสำนักขวางโซ่วนั้นน่ากลัวจริง ๆ หากพวกเราไม่ร่วมมือกัน เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน”

คนอื่น ๆ ก็ได้เห็นความร้ายกาจของสำนักขวางโซ่วแล้ว พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองซีเจว๋กล่าวถูกแล้ว!”

“พวกเราต้องร่วมมือกัน อย่าให้สำนักขวางโซ่วนั่นกล้าลงมือกับพวกเราได้”

“……”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เสี่ยวไป๋ เย่เฉิน พวกเราก็กลับไปพักผ่อนเถอะ!”

หากไม่พักผ่อนเอาแรงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้พักแล้ว

ครั้นแล้วคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันแยกย้ายไปเช่นกัน เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “ตงกัว ตามข้ามาที่ห้องตำรา”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ท่านมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือขอรับ?”

เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “เจ้าว่า ตกลงควรจะให้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการหรือไม่?”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง เมืองซีเจว๋ของพวกเราเป็นถึงเมืองที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้ เมืองเหลยที่เป็นเมืองเล็ก ๆ นั่น ถึงแม้ว่าจะมีอัจฉริยะฝีมือดีสองคน แต่ถึงอย่างไรรากฐานของพวกเขาก็ไม่ได้ ไม่มีผู้ใดที่จะเหมาะสมไปกว่าท่านแล้ว”

“แต่ว่า…ในตอนแรกพวกเราก็ได้กำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้ไปแล้ว หากข้ากล่าววาจากลับกลอก เกรงว่าพวกเขาจะทักท้วงขึ้นได้ สาวน้อยผู้นั้นกับชายชุดขาวผู้นั้นก็รับมือได้ไม่ง่ายเลย”

รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “หากผู้ชนะในครั้งนี้ถูกคนของสำนักขวางโซ่วลอบสังหาร ตำแหน่งนี้ก็กลับมาเป็นของท่านเจ้าเมือง ถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้ที่ได้รับชัยชนะสูงสุดก็คือพวกเรา”

“จะฆ่าพวกเขาอย่างนั้นเหรอ แต่วันนี้พวกเขาก็ได้ช่วยจัดการเรื่องใหญ่ให้นะ”

“หากพวกเขาไม่ตาย ท่านเจ้าเมือง หรือว่าท่านจะฟังคำสั่งของพวกเขา ถูกพวกเขาเรียกใช้อย่างนั้นเหรอ?”

“ข้ารับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง และข้าก็ไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด ดูท่าคงต้องลงมือฆ่าจริง ๆ แล้ว”

ดวงตาของเจ้าเมืองซีเจว๋ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา

มู่เฉียนซีกลับมายังเรือนพักรับรอง นางออกคำสั่งกำชับว่า “เสริมกำลังป้องกันให้ดี!”

“ขอรับ!”

ในยามรัตติกาลที่มืดสนิท สายลมพัดกระโชกแรง กลิ่นอายแห่งจิตสังหารได้อบอวลขึ้น เรือนพักรับรองของมู่เฉียนซีและพวกถูกยอดฝีมือนับร้อยห้อมล้อมเอาไว้

แน่นอนว่ามู่เฉียนซีกับพวกก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และได้กล่าวกับคนชุดดำเหล่านั้นที่ห้อมล้อมนางและพวกว่า “พวกเจ้าเป็นใคร?”

“วันนี้พวกเจ้าได้ทำลายเรื่องดี ๆ ของสำนักขวางโซ่วของพวกเราไป พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าพวกข้าเป็นใคร ยอมรับความตายซะเถอะ!”

จิตสังหารได้แผ่ซ่านออกมา ภายในชั่วพริบตาเดียว เรือนรับรองทั้งหลังก็เกิดความวุ่นวายขึ้น

มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน อยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว พวกเราต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด!”

“ขอรับ!”

ครั้นแล้วมู่เฉียนซีและพวกก็ถูกไล่ฆ่าจนต้องมุ่งหน้าไปทางนอกเมืองของเมืองซีเจว๋ แม้จะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น แต่ทางด้านจวนของเจ้าเมืองซีเจว๋นั้นกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดใด

ในตอนนี้พวกเขาได้ถูกไล่ล่ามาจนถึงประตูเมืองแล้ว นักฆ่าเหล่านั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้พวกเจ้าไร้ทางหนีแล้ว! ยอมแพ้เสียเถอะ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไร้ทางหนีอย่างนั้นเหรอ พวกเจ้าไม่เห็นเหรอว่าประตูเมืองของเมืองซีเจว๋นี้ไม่ได้แข็งแรงเอาซะเลย!”

“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”

มู่เฉียนซีเรียกอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมา จากนั้นพวกมันก็พังประตูเมืองของเมืองซีเจว๋อย่างรุนแรงและรวดเร็ว

ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจนแทบจะทำให้ผู้คนครึ่งเมืองตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทว่า จวนเจ้าเมืองนั้นยังคงไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดใดอยู่เฉกเช่นเดิม

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันก่อนจะกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”

มู่เฉียนซีและพวกได้เข้าไปในป่าที่อยู่นอกเมืองซีเจว๋นั้น ส่วนกลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ที่ได้รับคำสั่งมาว่าต้องฆ่าพวกเขาให้ได้ ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาให้หนีรอดไปได้อย่างแน่นอน

“ตามไป!”

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน เราจะทำเช่นไรต่อ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพาคนกลับไปยังเมืองซีเจว๋ก่อน คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวว่าพวกมันมีความเคลื่อนไหวอันใด ส่วนข้ากับเสี่ยวไป๋จะเล่นสนุกกับนักฆ่าเหล่านี้สักหน่อย”

ป่าดงพงไพรเป็นสถานที่ซุกซ่อนที่เป็นเหมือนดั่งสมบัติอันล้ำค่าจากธรรมชาติ นักฆ่าเหล่านี้หมายจะเอาชีวิตนางในป่าแห่งนี้ มันคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

เย่เฉินพยักหน้าพลางกล่าว “ขอรับ นายท่าน!”

เมื่อเข้ามาในป่าแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็หาพวกเขาไม่เจอแล้ว

“พี่ใหญ่ พวกมันหายไปแล้ว จะทำเช่นไรดี?”

“ตามหาต่อไป ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาตัวพวกมันให้เจอ จะให้พวกมันมีชีวิตรอดไปไม่ได้เด็ดขาด”

“ขอรับ!”

เมื่อเห็นพวกเขาตามหาอย่างลำบากเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีจึงได้ปรากฏตัวออกมาเอง

“อยู่ทางนั้น ตามไป!”

“ตามไป!”

“……”

ในขณะที่พวกนักฆ่าได้เพ่งเล็งความสนใจทั้งหมดไปที่มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อี เย่เฉินและพวกก็ได้แอบกลับเข้าไปในเมืองซีเจว๋จากอีกทางด้านหนึ่ง

กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ เราจะลงมือจัดการกับคนเหล่านี้เมื่อใดดี” . .