ราชันเร้นลับ 916 : ชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 916 : ชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยง
เมื่อได้เห็นงูขนนกที่ฝังร่างลึกท่ามกลางหมอกสีดำ เมื่อได้เห็นใบหน้าที่อยู่บนยอดลำตัวขนาดมหึมาราวกับขุนเขา อะซิกพลันประหลาดใจในตอนต้น หน้าผากกระตุกแผ่วเบาทันที คล้ายกับถูกใครบางคนตอกลิ่มเข้าไปในขมับและแยกศีรษะออกเป็นสอง

ท่ามกลางความเจ็บปวดรวดร้าว ท่ามกลางกระแสความคิดมากมาย ภาพชุดหนึ่งผุดขึ้นมากะทันหัน

ใบหน้าของงูขนนกที่ดูเหมือนกับตนทุกประการ แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ท่ามกลางดินแดนอันเงียบสงบ ซากศพสีซีดเรียงรายนับไม่ถ้วน

ลอยเหนือขึ้นไปในอากาศ เมฆที่ประกอบขึ้นจากกะโหลกของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ล่องลอยกระจัดกระจาย

หนวดรยางค์สีเข้มทะลวงขึ้นจากพื้นดิน แต่ละปลายหนวดมีดวงตาที่เหมือนกับปลาตาย

ภายในฉากที่เห็น ร่างวิญญาณสีใสของอะซิกถูกบางสิ่งบางอย่างกระชากออกจากร่างเนื้อ

ดวงตาคู่หนึ่งที่มีเปลวไฟสีซีดคล้ายใกล้ดับมอด ชำเลืองลงมาหาอะซิก ทันใดนั้น ขนนกสีขาวที่ย้อมด้วยน้ำมันสีเหลืองทำการตัดร่างวิญญาณโปร่งใสของอะซิกออกเป็นสองส่วน

ร่างวิญญาณซีกหนึ่งบินขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ ‘เมฆกะโหลก’ ด้านบนท้องฟ้า ส่วนที่เหลือผสานเข้ากับเครื่องประดับทองคำซึ่งผุดขึ้นจากอากาศว่างเปล่า และด้วยอำนาจของเปลวเพลิงสีซีด วัตถุดังกล่าวแปรสภาพกลับไปเป็นเลือดเนื้ออีกครั้ง

ฉากตรงหน้าเปรียบประหนึ่งถูกทุบด้วยค้อนของเทพสายฟ้า รัวกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในจิตใจอะซิก สร้างความเจ็บปวดทุรนทุรายจนยากจะฝืนทน จำต้องยกมือขึ้นกุมหัว เข่าทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรงตรงบันได

ในที่สุด มันจดจำทุกสิ่งได้อย่างกระจ่างชัด เข้าใจว่าทำไมตนต้องตายและฟื้นคืนชีพตลอดเวลา เข้าใจเหตุผลที่สูญเสียความทรงจำและต้องตามหามันคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดวงวิญญาณของมันไม่สมบูรณ์!

ในทำนองเดียวกัน อะซิกยังเข้าใจด้วยว่า เหตุใดงูขนนกในส่วนลึกของหมอกดำจึงมีใบหน้าแบบเดียวกับมัน

เพราะนั่นคือตน!

นั่นคือ ‘อะซิก·อายเกส’ อีกหนึ่งคน!

ทั้งหมดคือการเตรียมการอย่างลับๆ ก่อนที่เทพมรณาจะร่วงหล่น

เมื่อมี ‘เย็บวิญญาณ’ ก็ย่อมต้องมี ‘แบ่งวิญญาณ’ ในเวลานั้น เทพมรณาที่บ้าคลั่งและทรงพลังคล้ายกับคาดเดาจุดจบของตัวเองได้ และไม่ต้องการที่จะตายไปทั้งอย่างนั้น จึงแอบแบ่งดวงวิญญาณของลูกชายตัวเอง วิญญาณของ ‘กงสุลมรณะ’ แห่งอาณาจักรไบลัมออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งถูกเย็บเข้ากับวัตถุบางชนิด

ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นความตั้งใจของเทพมรณาหรือไม่ หรืออาจเป็นความบังเอิญจากโครงการสร้างมรณาเทียมของนิกายวิญญาณ ครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณอะซิกผสานเข้ากับวัตถุที่นิกายวิญญาณใช้ในโครงการ – ‘เอกลักษณ์’ แห่งเส้นทางมรณา ส่งผลให้เอกลักษณ์ได้รับสัญชาตญาณบางอย่างและเริ่มสร้างอิทธิพลอย่างรุนแรงกับผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้เก็บซากศพ’ ที่เลื่อนลำดับล้มเหลว

สำหรับดวงวิญญาณอีกครั้งหนึ่ง แม้การผสานเข้ากับวัตถุสีทองจะช่วยเติมเต็มความไม่สมบูรณ์ของวิญญาณ แต่เนื่องจากเนื้อวิญญาณนั้นมีเพียงครึ่งเดียว จึงต้องเผชิญความตายครั้งแล้วครั้งเล่าและฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ ประหนึ่งลำดับ 4 ‘อมรณา’ โดยหลังจากคืนชีพขึ้นมา อะซิกจะได้รับอิทธิพลจาก ‘เครื่องประดับทองคำ’ ในร่างกาย ช่วยให้ได้ยินเสียงร้องของวิญญาณอีกครึ่งหนึ่ง ทุกครั้งที่เริ่มต้นชีวิตใหม่จึงต้องคอยตะเกียกตะกายตามหาความทรงจำของตัวเองเสมอ

ในอดีต อะซิกพยายามหาสาเหตุ แต่เนื่องจากการฟื้นฟูความทรงจำตามธรรมชาตินั้นใช้เวลานาน กว่าจะรู้ความจริงก็เข้าสู่ภาวะใกล้ตาย สายเกินไปที่จะลงมือทำอะไร นอกจากนั้น โครงการมรณาเทียมของนิกายวิญญาณยังหยุดนิ่งมานานหลายร้อยปี แทบไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มันจึงหาคำตอบไม่พบ

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!

อะซิกลดมือลงตอนไหนไม่มีใครทราบ ปัจจุบันสองมือถูกใช้เพื่อพยุงร่างกายกับพื้นบันได ลำคอเปล่งเสียงที่ฟังดูไม่เหมือนกับมนุษย์

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากและหล่นกระทบขั้นบันไดหินด้านล่าง ก่อนจะขยายตัวกลายเป็นชั้นน้ำมันสีเหลืองอ่อนที่มีขนนกสีขาวงอกเงยขึ้นมาปกคลุม

ในเวลานี้ มันสัมผัสถึงเสียงร้องและความปรารถนาจากอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ ตระหนักว่า ‘ตัวตน’ ทั้งสองที่ถูกพรากจากกันมานานกว่าพันปีแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ดังเดิม

“ไม่…” อะซิกพึมพำด้วยความเจ็บปวด ฝืนร่างกายให้ไม่ยกศีรษะขึ้นหรือเหยียดแขนขวาออกไป

อะซิกมองเห็นอย่างชัดเจน ‘ตัวตน’ ภายในงูขนนกไม่มีอารมณ์หรือเหตุและผลแม้แต่น้อย มีเพียงความเยือกเย็นและความบ้าคลั่ง หากต้องกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง มันเกรงว่าตัวเองจะกลับไปสู่สถานะเดิมของ ‘กงสุลมรณะ’ และอาจกลายเป็นเทพมรณาปลอมๆ ที่มีเพียงออร่าเทพโดยไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์!

จากนั้น มันก็จะลืมทุกสิ่ง ลืมทุกคนที่ตนเคยมอบความรักให้

“ไม่…” อะซิกครางอีกหนึ่งคำออกจากลำคอ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุม เกล็ดสีดำเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนลำคอ

ผิวหนังบริเวณหน้าผากพลันโป่งออกราวกับมีชีวิต ก่อนจะปริแตกจนเกิดรอยแยกสีแดงฉาน

แสงสีทองเรืองรองปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า จากนั้นก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปทรงภายในเลือดเนื้อ

สิ่งนี้เครื่องประดับโบราณที่ทำจากทองคำ รูปลักษณ์เหมือนกับนกที่ร่างกายผอมเพรียว ปีกทำจากเปลวไฟสีซีด ภายในดวงตาสีทองแดงมีชั้นแสงซ้อนทับ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นประตูลึกลับและมายา

ในวินาทีที่สิ่งนี้โผล่ออกมา อะซิกคำรามต่ำด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เงยหน้าขึ้นโดยสมบูรณ์ เบ้าตามีเปลวไฟสีซีดสองดวงลุกโชนอย่างพร้อมเพรียง

งูขนนกกึ่งมายากึ่งคมชัดที่อยู่ภายในส่วนลึกของหมอกสีดำทำการเหยียดตัวตรงในแนวดิ่ง เงยหน้าที่เหมือนกับอะซิกทุกประการ ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างเงียบงัน

ท่ามกลางเปลวเพลิงสีซีดทั้งดวงสี่กำลังสั่นไหว มือของอะซิกค่อยๆ พยุงร่างขึ้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว จากนั้นก็ย่างกรายเข้าหางูขนนกที่น่าจะเป็นเทพมรณาเทียม

ยิ่งเข้าใกล้ อนุสาวรีย์บรรจุศพทั้งหลังก็ยิ่งสั่นสะเทือน ฉากรอบตัวกลายเป็นสีโปร่งใส เผยให้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกและเงาดำ

ท่อนแขนเปื้อนเลือด เถาวัลย์สีดำที่มีใบหน้าทารก หนวดรยางค์ลื่นๆ ที่มีตาปลาตายหรือไม่เขี้ยวแหลมสองแถว ทะลวงผ่านขอบเขตระหว่างโลกจริงและมายาเข้ามาในอนุสาวรีย์บรรจุศพ แต่กลับหมอบแน่นิ่งบนพื้นดินโดยไม่กล้าขยับตัว

ไบลัมตะวันออก เมืองเครน

ดาลีย์·ซิโมเน่ซึ่งกำลังรีบไปยังตำแหน่งเป้าหมายถัดไป พลันชะงักฝีเท้ากะทันหัน ยกมือขึ้นมาป้องหูทั้งสองข้าง

“มีอะไร?” โซสต์ หัวหน้าหน่วย ‘ถุงมือแดง’ ถามด้วยความสงสัย

ดาลีย์ขมวดคิ้วพลางตอบด้วยน้ำเสียงล่องลอย

“ฉันได้ยินเสียงประหลาด… รู้สึกคล้ายกับมีใครบางคนกำลังเรียกหาจากที่ใดสักแห่ง… ถึงขั้นอยากคุกเข่าลงกับพื้นด้วยซ้ำ”

“มีใครได้ยินอีกไหม?” โซสต์หันไปถามคนอื่น

ขณะเลียวนาร์ด·มิเชลส่ายหน้า มันได้ยินเสียงค่อนข้างชราในหัว

“มองไปทางทะเลคลั่งสิ”

เลียวนาร์ดหมุนตัวตามจิตใต้สำนึก มองไปยังตำแหน่งท่าเรือ ทอดสายตาเข้าไปในทะเลคลั่งที่ห่างออกไปไกลลิบ เห็นเพียงความมืดสนิทที่ลุ่มลึก ปราศจากลมพายุ ปราศจากคลื่นยักษ์ ปราศจากเมฆดำหรือฟ้าผ่า ปราศจากฝน ปราศจากแสงแดด

แม้ว่าไคลน์จะกำลังปิดตา แต่สัมผัสวิญญาณก็ช่วยให้รับรู้การเคลื่อนไหวรอบตัว ช่วยให้ได้ยินเสียงครางอันเจ็บปวด รวมไปถึงเสียงกรีดร้องของมิสเตอร์อะซิก สัมผัสได้ถึงความเงียบเชียบที่จับต้องได้ สัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความตาย

เกิดอะไรขึ้น? ‘มรณาเทียม’ ที่อยู่ลึกลงไปในสุสานไม่ได้โจมตีใส่มิสเตอร์อะซิกโดยตรง แต่สร้างอิทธิพลทางอ้อม? กระแสความคิดมากมายไหลผ่านสมองไคลน์ เกิดเป็นความผันผวนและกังวล

สัมผัสวิญญาณของมันแจ้งเตือนว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ตนควรจ้องมองโดยตรง!

ทว่า มันหาทางออกอื่นไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงปิดตาสนิทโดยมิอาจตรวจสอบสภาพปัจจุบันของมิสเตอร์อะซิกหรือสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญ

นี่มิใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยความกล้าหาญ แต่เป็นความต่างชั้นในระดับตัวตน เป็นช่องว่างที่มิอาจเติมเต็ม

เพียงพริบตา ไคลน์รู้สึกห่อเหี่ยวไร้พลังใจ แต่มันไม่อยากยอมแพ้ พยายามเค้นสมองนึกถึงสิ่งที่ตนสามารถทำได้

ยุบพองหิวโหย? ไม่ได้… เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นคนละระดับโดยสิ้นเชิง คงไม่มีประโยชน์…

ลางมรณะ?

‘การเดินทางของกรอซาย’ ? เราไม่ได้เอามา… ไพ่ ‘จักรพรรดิมืด’ ? ไพ่ ‘ทรราช’ ? เราไม่ได้พกติดตัวมาเลย…

ยันต์โจรปล้นดวง… ใช่แล้ว ยันต์โจรปล้นดวง!

ไคลน์รู้สึกยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อมองเห็นทางออก

แผนคือการใช้ยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ เพื่อย้อนกลับชะตากรรมของตนและมิสเตอร์อะซิกชั่วคราว อีกฝ่ายจะได้รอดพ้นจากอิทธิพลของ ‘เทพมรณา’ เทียม!

อย่างน้อย เรายังคืนชีพได้ แต่สำหรับมิสเตอร์อะซิก ความตายครั้งก่อนๆ ไม่ได้เกิดจากการถูกฆ่า ไม่มีใครทราบว่าครั้งนี้เขาจะคืนชีพได้อีกหรือไม่! ไคลน์มิได้ปักใจเชื่อว่ายันต์ ‘โจรปล้นดวง’ จะส่งผลต่ออะซิกและความตายเทียม แต่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว มีแต่ต้องลองเสี่ยง จึงรีบยกมือขวาขึ้นและล้วงเข้าไปในกระเป๋า

ทันใดนั้น ไคลน์เกิดลังเลในพฤติกรรมของตัวเอง

แขนของมันถูกยกขึ้นและกลับคืนตำแหน่งเดิม

ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ คล้ายกับแปรสภาพกลายเป็นประติมากรรมหินอ่อน

ริมฝีปากของไคลน์พะงาบขึ้นลงหลายครั้ง สีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะรีบกระแทกมือขวาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและดึงออกมา

ในมือกำยันต์ที่ดูคล้ายแผ่นผลึกสีดำอย่างแน่นหนา

ขณะเดียวกัน อะซิกค่อยๆ ขยับเข้าใกล้งูขนนกที่มีขนาดมหึมาราวกับขุนเขา ฝีเท้าเร่งขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งได้กลับคืนสู่บัลลังก์

แต่ทันใดนั้น ดวงตาที่กำลังมีเปลวไฟสีซีดลุกโชน พลันเอ่อล้นไปด้วยความเจ็บปวด สีหน้าบิดเบี้ยวถึงขีดสุด

“ไม่…” อะซิกครางต่ำอีกครั้ง ทุกจุดที่เผยให้เห็นผิวหนังกำลังมีขนนกสีขาวเปื้อนน้ำมันงอกออก

ท่ามกลางเสียงร้อง ความปรารถนาอันแรงกล้าส่งผลให้ร่างกายสูญเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์ อะซิกเตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อกระโจนเข้าหางูขนนกยักษ์ที่มีใบหน้าเหมือนกับตัวเอง

ณ เครื่องประดับรูปนกกึ่งกลางหน้าผาก เปลวไฟสีซีดพลันลุกไหม้อย่างโชติช่วงพร้อมกับแผ่ขยายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

เมื่อสัมผัสวิญญาณของไคลน์กำลังร้องเตือนอย่างบ้าคลั่ง ปากรีบพ่นถ้อยคำเฮอร์มิสโบราณ

“โชคชะตา!”

ขณะมันเตรียมขว้างยันต์ออกไป สภาพแวดล้อมโดยรอบพลันเงียบสงัด ปราศจากทุกสุ้มเสียงโดยสมบูรณ์

ฝ่ามือสีขาวเรียวยาวของสตรียื่นออกจากอากาศว่างเปล่า กดลงบนเครื่องประดับทองคำรูปนกบนหน้าผากของอะซิกอย่างอ่อนโยน

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกึ่งกลางระหว่างอะซิกกับงูขนนกมายาที่มีร่างกายใหญ่ยักษ์ ขัดจังหวะการเข้าหากันของทั้งสอง

ด้วยความช่วยเหลือจากพลังภายนอก ในที่สุดอะซิกก็สามารถต่อต้านแรงปรารถนาที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จ เปลวไฟสีซีดในดวงตากำลัง ‘สะท้อน’ ร่างที่ลอยอยู่ในอากาศ

อีกฝ่ายเป็นหญิงงาม สวมเสื้อคลุมยาวทรงโบราณและผ้าคลุมศีรษะ บนใบหน้าปราศจากอารมณ์ทั้งปวง ดวงตามืดสนิทปราศจากชีวิตชีวา