ท่าป๋าหั่นหลินเกาศีรษะเล็กน้อย ยิ้มแห้งอยู่เช่นนั้น กล่าวอย่างทุลักทุเลว่า “วัน วันพรุ่งข้าอยากไปสู่ขอเจ้าที่จวนอ๋อง” 

 

 

“ก็ไปเสียสิ ผู้ใดห้ามเจ้าหรืออย่างไร” 

 

 

พูดจบประโยคนี้ หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็หันหลังเดินออกจากจวน กระโดดขึ้นหลังม้า ออกจากหนานเฉิงไป 

 

 

เมื่อท่าป๋าหั่นหลินเข้าใจความหมายของนาง ดีใจจนยิ้มกว้าง หันหลัง เดินกลับไปยังเรือนของตน นำสมบัติทั้งหมด มาใส่ไว้ในหีบ รอการมาถึงของวันพรุ่งอย่างใจจดใจจ่อ 

 

 

วันต่อมา ไร้ซึ่งการเตรียมตัวใด ท่าป๋าหั่นหลินอุ้มหีบใบน้อยไปยังจวนอ๋อง กล่าวกับอ๋องฉีและพระชายาว่า “นี่เป็นสมบัติทั้งหมดของข้า ล้วนเป็นของกำนัล เย่ว์เอ๋อร์ชอบสิ่งใดก็ไปซื้อได้ ส่วนเรื่องสมรส พวกท่านต้องการให้เป็นเช่นไรพวกเราก็จะทำเช่นนั้นขอรับ” 

 

 

ของกำนัลเหล่านี้มีค่าไม่น้อย อ๋องฉีเปิดดูเล็กน้อย ด้านในมีของอัดแน่น ไม่ว่าจะหยิบชิ้นใดขึ้นมาดู ต่างมีราคาไม่ต่ำกว่าสองหมื่นตำลึงทั้งสิ้น ดูทีพวกเขาคงจะนำเงินทองทั้งหมดที่นำมาด้วยนำมามอบให้ทั้งหมดแล้ว 

 

 

วางตั๋วเงินลงดังเดิม ปิดหีบ อ๋องฉีวางหีบไว้ข้างโต๊ะ “เย่ว์เอ๋อร์อยู่ในเรือนของนาง เจ้านำของเหล่านี้ไปคุยเรื่องสมรสของพวกเจ้าเถิด” 

 

 

เช่นนี้หมายความว่าตกลงแล้ว ท่าป๋าหั่นหลินยินดีเสียจนแทบกระโดดขึ้นมา พยายามเก็บความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ ยกหีบมาไว้กับตัว เดินจากไปอย่างนอบน้อม ไม่สนใจสายตาประหลาดใจของคนในจวน วิ่งตรงไปยังเรือนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ด้วยความรวดเร็ว 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้ตั้งแต่เขาเข้ามาในจวนแล้ว จึงได้มารอในห้อง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาในเรือน ยังไม่ทันลุกขึ้นยืน ท่าป๋าหั่นหลินก็ได้อุ้มหีบสมบัติเข้ามาแล้ว เดินเข้ามาหานางด้วยแววตาเปล่งประกาย วางหีบวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เย่ว์เอ๋อร์ ท่านปู่ให้ข้ามาเจรจาเรื่องสมรสกับเจ้า”  

 

 

มองเขา มองหีบสมบัติ หวงฝู่เย่าเย่ว์ยื่นมือออกมา เปิดออกอย่างเชื่องช้า มองดูของด้านใน แววตาเป็นประกาย ปิดหีบ กล่าวว่า “เจ้าหวังจะทำเช่นไร” 

 

 

“ข้าไม่รู้ ข้าแล้วแต่เจ้า เจ้าว่าอย่างไร ข้าว่าเช่นนั้น ข้ามีเพียงเงื่อนไขเดียวของข้า คือสมรสกับเจ้าให้เร็วที่สุด” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินพูดประจบนาง 

 

 

แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ฟังแล้วหูร้อนฉ่า กลอกตา จงใจถามว่า “วันพรุ่งเป็นอย่างไร” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้ๆๆ” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าคิดง่ายเกินไปหรือไม่ หลานสาวจวนอ๋องออกเรือน จะแต่งแบบขอไปทีได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเตรียมการอย่างน้อยครึ่งปี” 

 

 

“หา?” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินเสียสีหน้า เต็มไปด้วยความผิดหวัง “ต้องรอนานถึงเพียงนั้นเลยหรือ” 

 

 

เมื่อเห็นว่าเขาเชื่อเช่นนั้นจริง หวงฝู่เย่าเย่ว์หลุดหัวเราะออกมา 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินจึงได้รู้ตัวว่าถูกหลอกเข้า ใช้โอกาสพุ่งเข้าไป โอบกอดหวงฝู่เย่าเย่ว์ “เจ้ากล้าหลอกข้าหรือ รอดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร” 

 

 

คนในจวนอ๋องต่างตกลงแล้ว ไทเฮายิ่งไม่ปฏิเสธ ทั้งสองฝ่ายจึงได้หาวันที่อากาศแจ่มใส มาเจรจา ตกลงร่วมกัน ทั้งสองคืนดีกัน แต่สถานะของท่าป๋าหั่นหลินพิเศษ ไม่ต้องจัดใหญ่โต หลังดำเนินการตามธรรมเนียม ให้ทั้งสองได้สมรสกันแล้ว เมื่อทั้งสองสมรสกันแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงได้มอบบ้านที่หนานเฉิงให้พวกเขา 

 

 

ทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้ว หาฤกษ์งามยามดี ท่าป๋าหั่นหลินควบม้าร่างใหญ่ สั่งให้คนยกขบวนเกี้ยวมาสู่ขอ 

 

 

ต่อให้ไม่เอิกเกริกเท่าใด แต่ไม่นานข่าวคราวก็ลอยไปทั่วเมืองหลวง วันนี้ เหล่าชาวบ้านที่มาดูความครื้นเครงล้อมจวนอ๋องไว้จนแน่น หลายคนแปลกใจที่ท่าป๋าหั่นหลินจัดงานเรียบง่ายเช่นนี้ จึงได้วิพากษ์วิจารณ์กัน  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินได้ยินกับหู แต่ไม่ได้สนใจ ต้อนรับหวงฝู่เย่าเย่ว์ขึ้นเกี้ยว พานางกลับมายังบ้านของตน 

 

 

เหล่าขุนนางเข้ามาแสดงความยินดี จวนอ๋องคึกคักกว่าปกติ บ้านที่หนานเฉิงสงบนัก นอกจากมีหวงฝู่ซวิ่นมามอบของกำนัลแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมารบกวนอีกเลย เป็นดั่งใจท่าป๋าหั่นหลินต้องการ ลงจากม้า เดินไปข้างเกี้ยว เปิดม่านเกี้ยวออก โน้มตัวอุ้มหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมา เดินผ่านกองไฟ สักการะฟ้าดิน อุ้มนางเข้าเรือนหอ ส่วนเรื่องต่อไปนั้น… นางกำนัลที่คอยรับใช้ถูกไล่ออกมาด้านนอก 

 

 

ไทเฮาได้ยินเข้าก็ดีพระทัย รอยยิ้มบนใบหน้าไม่หายไป สั่งให้หัวหน้าขันทีฮูมอบอั่งเปาให้นางกำนัล สั่งพวกนางว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปด้านใน  

 

 

สองวันแล้ว หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ออกมาจากห้องนอน กระทั่งกินอาหารก็มีท่าป๋าหั่นหลินนำไปให้ในห้อง 

 

 

วันที่สาม ต้องกลับบ้านของตน หวงฝู่เย่าเย่ว์นอนอยู่บนเตียงด้วยความเมื่อยล้า ลงไม่ไหว มองท่าป๋าหั่นหลินด้วยความโกรธเคือง  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินรู้ดีว่าตนทำเกินไปแล้ว ใครให้เขาทนหิวมาเสียตั้งนานเล่า กว่าจะได้ทุกสิ่งถูกต้องตามประเพณี จะให้หยุดได้อย่างไร เดินมาข้างเตียงด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นให้ข้าใช้กำลังภายในนวดให้เจ้าดีหรือไม่” 

 

 

หากยังไม่ลุก ก็จะเลยเวลาแล้ว หวงฝู่เย่าเย่ว์ถลึงตาใส่เขา ไม่กล่าวอะไร  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินรวบรวมพลังภายใน นวดตัวในนาง หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงได้รู้สึกมีกำลังขึ้น พยายามลุกขึ้นได้  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินรีบสวมเสื้อผ้าให้นางอย่างเอาใจ ช่วยนางสวมใส่เสื้อผ้าทีละชิ้น จากด้านในสู่ด้านนอก  

 

 

ร่างของหวงฝู่เย่าเย่ว์ปวดร้าวไปทั้งกาย ยกแขนไม่ขึ้น จึงได้ตามใจเขา  

 

 

เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ท่าป๋าหั่นหลินพยุงนางออกจากห้อง รับรู้ถึงแสงแดดสาดส่องเข้ามาบนร่าง หวงฝู่เย่าเย่ว์สูดหายใจลึก รู้สึกราวกับว่าได้ชีวิตใหม่  

 

 

มายังเรือนหลัก เคารพไทเฮา 

 

 

เห็นท่าทางขาอ่อนแรงของนาง รอยยิ้มบนใบหน้าของไทเฮากว้างขึ้น แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์หน้าแดง ลอบถลึงตาใส่ท่าป๋าหั่นหลิน พูดอย่างเขินอายว่า “เสด็จแม่ เย่ว์เอ๋อร์คารวะท่านเพคะ” 

 

 

“ดี ดี ดี” 

 

 

ไทเฮายิ้มพร้อมพยักหน้า ยื่นมือออกมา บอกให้นางนั่งข้างตน กล่าวว่า “ข้าได้สั่งให้ครัวทำอาหารรสอ่อนให้เจ้าแล้ว เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเจ้ากินเสร็จ รีบกลับบ้านไปเถิด” 

 

 

หูของหวงฝู่เย่าเย่ว์แดงขึ้นมาอีกครั้ง  

 

 

หลังกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงได้นำของที่ไทเฮาเตรียมเอาไว้ ทั้งสองคนกลับไปยังจวนอ๋อง 

 

 

วันนี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้เข้าวัง รอรับแขกที่บ้าน หวงฝู่อวี้เองก็ไม่ได้ออกไป หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยต่างลาหยุดเรียนแล้ว เยียลี่ว์อาเป่าก็มาร่วมด้วย  

 

 

ไม่มีคนนอก คนในครอบครัวนั่งด้วยกัน กินข้าวร่วมกันอย่างมีความสุข  

 

 

สีหน้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่สู้ดี คนในบ้านเห็นร่วมกันทั้งสิ้น แต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมา เพียงแต่ว่า หลังกินข้าวแล้ว ท่าป๋าหั่นหลินหวังจะพาหวงฝู่เย่าเย่ว์กลับเรือนของนางไปพักผ่อน กลับถูกหวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยขัดเอาไว้ “ท่านพี่เขย พวกข้าประลองฝีมือกับท่านยังไม่พอใจ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสอนข้าอีกสักหน่อย” 

 

 

หวงฝู่อวี้ได้ยินดังนั้น จึงเกิดความสนใจ เอ่ยว่า “ที่แท้ฝีมือของฮ่องเต้รัฐอิงดีเช่นนั้นเชียวหรือ ข้าเองก็อยากร่วมด้วย” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่รู้ว่าควรเอ่ยเช่นไร จึงได้มายังสนามฝึกซ้อม พร้อมด้วยอ๋องฉี  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งสะกิดเยียลี่ว์อาเป่าครั้งหนึ่ง วันนี้เย่ว์เอ๋อร์อาการไม่สู้ดี พวกเขาเห็นทุกอย่าง ต่อหน้าไม่กล้าว่าครั้งนี้คือการใช้โอกาสสั่งสอนเขา 

 

 

เยียลี่ว์อาเป่าเข้าใจความหมายของนาง จึงได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เดินตามไป 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับเรือนของตน นอนลงแล้วหลับไปทันที ไม่รู้เลยว่าสามีที่น่าสงสารของนาง ถูกคนผลัดกัน ‘สั่งสอน’ ทั้งบ่าย หลังอาหารเย็น กลับเรือนมา จึงไม่ได้ทรมานนางอย่างเคย แต่ล้มตัวลงพอหัวถึงหมอน และผล็อยหลับไปทันที 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ทั้งโกรธทั้งขำขัน ช่วยเขาถอดชุด ห่มผ้าให้เขา 

 

 

วันต่อมา ท่าป๋าหั่นหลินเบิกตาขึ้น คิดเรื่องเมื่อวานยังทำให้รู้สึกกลัวอยู่ บอกตนเองว่าโชคดีที่ไม่ได้แต่งเข้าจวนอ๋อง มิเช่นนั้น หากต้องออกไปฝึกเช่นนี้ทุกวัน เขาคงไม่มีโอกาสเข้าใกล้เมียของตัวเองแล้ว 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับไม่คิดเช่นนั้น เข้ามาใกล้เขา ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ท่านพี่ ข้าขอคุยกับท่านเรื่องหนึ่ง” 

 

 

เช้าป่านนี้ได้ยินคำเรียกเช่นนี้ ท่าป๋าหั่นหลินยินดียิ่งนัก กล่าวทันทีว่า “เรื่องใดหรือ เจ้าว่ามาเลย จะตอบตกลงเจ้าอย่างแน่นอน” 

 

 

“เช่นนั้นพวกเราอยู่ด้วยกันใจจวนอ๋องไม่ออกไปอีกได้หรือไม่” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินชะงัก  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ยกนิ้วมานับให้เขา “ท่านดู พวกเราอาศัยอยู่ในจวนอ๋อง หนึ่งคือคนเยอะ สองคือครื้นเครง สามคือไม่ว่าเรื่องใดก็มีคนดูแลให้ อีกอย่าง ท่านก็สามารถติดตามท่านอาและท่านพี่เขยไปเรียนรู้การทำการค้าได้ พวกเราจะนั่งกินสมบัติเก่าไปตลอดได้อย่างไร” 

 

 

“แต่ แต่ว่า…”  

 

 

คิดถึงจุดจบเมื่อวาน ท่าป๋าหั่นหลินกลัวนัก จึงไม่ยินดีจากใจจริง 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์เอนกายหอมแก้มเขา เอ่ยว่า “เอาอย่างนี้นะเจ้าคะ ข้าจะไปบอกท่านพ่อท่านแม่ หากพวกเขาไม่ยินยอม พวกเราก็หน้าด้านหน้าทนอยู่ที่นี่ต่อไป” 

 

 

พูดจบ ไม่รอให้ท่าป๋าหั่นหลินเอ่ยขึ้น หันหลังเดินออกไป ออกไปได้ไม่ไกล หันหลัง สั่งเขาอย่างจริงจังว่า “หากท่านพ่อท่านแม่ถาม ท่านต้องพูดเช่นเดียวกับข้า บอกว่าหนานเฉิงเงียบเหงาเกินไป พวกเราไม่อยากอยู่ที่นั่น หากเจ้ากล้าพูดเป็นอื่น เจ้าก็กลับหนานเฉิงไปผู้เดียวเลย” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินลำบากใจเหลือเกิน ปั้นรอยยิ้มพยักหน้า “วางใจเถิด หากท่านพ่อท่านแม่ถาม ข้าจะตอบอย่างเจ้าว่า” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงได้เดินออกไปด้วยความพอใจ  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง จ้องมองเพดาน ราวกับมองเห็นวันเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างกลัวเมียในอนาคต 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนแม้จะคิดว่าเช่นนี้ไม่เหมาะ แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน ส่วนอ๋องฉีและพระชายาไม่ต้องพูดถึง หวังจะให้นางย้ายเข้ามาอยู่เลยเสียด้วยซ้ำ 

 

 

เช่นนี้ หวงฝู่เย่าเย่ว์และท่าป๋าหั่นหลินจึงได้อาศัยอยู่ในจวนอ๋องอย่างมีความสุข ท่าป๋าหั่นหลินถูกกดขี่ จึงจำยอม เพียงแต่สงสารไทเฮา ทีแรกลูกชายเพียงแค่กลับบ้านแม่ยายตามธรรมเนียม สุดท้ายทั้งสองคนไม่ได้กลับมา อาศัยอยู่ในจวนอ๋องต่อ 

 

 

ใจของไทเฮาทรมานนัก แต่ว่า ความรู้สึกเช่นนี้อยู่ได้ไม่นาน เพราะวันหนึ่งในอีกสองเดือนต่อมา ท่าป๋าหั่นหลินก็เข้ามาด้วยความดีใจ เข้ามาก็บอกกับไทเฮาด้วยความตื่นเต้นว่า “เสด็จแม่ เย่ว์เอ๋อร์มีข่าวดีแล้วขอรับ”