ตอนที่ 1005 ตะลึง !

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1005 ตะลึง !

รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่สิบห้า เดือนสอง

วันนี้เป็นวันแรกที่หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายวันฉบับแรกได้ถือกำเนิดขึ้นมา

มันเป็นกระดาษที่มีขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยตีพิมพ์ทั้งด้านหน้าและหลัง ดูไร้ความพิถีพิถัน เมื่อฟู่เสี่ยวกวนหยิบตัวอย่างขึ้นมาดูก็ถึงขั้นเบ้ปาก

เหวินซิ่วจงและเหวินซิงจ้าวแอบเหลือบมองสีพระพักตร์ของฝ่าบาทอย่างกระวนกระวาย หัวใจเต้นมิเป็นจังหวะ นี่คือภาระหน้าที่ที่ฝ่าบาทประทานมาให้รับผิดชอบ พวกข้าทุ่มเทกำลังไปมากโขกว่าจะทำให้สำเร็จได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมิพอพระทัยของฝ่าบาท

“ฝ่าบาท…”

“หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้พวกเราไปเเก้ไขดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ” เหวินซิ่วจงทูลถามตามประสาคนคิดเล็กคิดน้อย

“ให้เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์แทน หากเป็นรายวันก็เกรงว่าพวกเจ้าจะยุ่งจนเกินไป เช่นนั้นให้เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์แทนเถิด”

“เอ่อ…ทูลฝ่าบาท หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์เป็นแบบใดกันพ่ะย่ะค่ะ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนผงะ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “ก็คือเจ็ดวันให้ตีพิมพ์หนึ่งครั้ง ส่วนเนื้อหาก็มิจำเป็นต้องจริงจังถึงเพียงนี้ สามารถตีพิมพ์บทกวีหรือบทประพันธ์ของนักศึกษาก็ได้ จะเขียนเรื่องราวรักใคร่ของพวกชนชั้นสูงก็ยังได้”

“ขอให้พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่าหนังสือพิมพ์จัดทำขึ้นมาเพื่อราษฎร อ่านแล้วต้องเข้าใจและได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ได้รับการเพิ่มพูนความรู้ วัตถุประสงค์มีเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องเนื้อหาพวกเจ้าก็อย่าได้ทำให้อ่านยากจนเกินไป”

“เอากลับไปแก้ไขเพราะหนังสือพิมพ์ฉบับแรกต้องครองใจราษฎรให้ได้ ไปเถิด”

สองพี่น้องเดินออกจากห้องทรงพระอักษรแล้วกลับไปยังสำนักพิมพ์ “พี่รอง…ฝ่าบาททรงตรัสว่าให้หนังสือพิมพ์นี้ครองใจราษฎรและต้องอ่านเข้าใจง่าย ข้าครุ่นคิดมาตลอดทางว่าเนื้อหาเกี่ยวกับการประชุมเชิงเศรษฐกิจมิควรเปลี่ยน แต่เนื้อหาส่วนที่เหลือยังมิดีพอให้ดึงดูดใจราษฎร”

เหวินซิงจ้าวหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูบคางแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “บทกวีและบทประพันธ์ของนักศึกษายังมิทันได้เตรียม ทว่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชนชั้นสูง…” เขาเงยหน้าขึ้นมองเหวินซิ่วจง “พี่รอง…ท่านว่าเรื่องเซียวยวี่โหลวเสนาบดีกรมพิธีการไปเที่ยวหอหลิวหยุนแล้วฉวยโอกาสตอนเมากรึ่มลวนลามแม่นางเมิ่งซี จากนั้นก็โดนหลงจู๊เว่ยซานเหนียงจับได้แล้วร้องป่าวประกาศจนรู้กันทั้งเมือง ทั้งยังลือกันว่าเขาถูกฮูหยินไล่ออกจากเรือนใหญ่จนต้องไปนอนกับอนุภรรยาตั้งครึ่งเดือน ถือเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรือไม่ ? ”

เมื่อเหวินซิ่วจงได้ยินดังนั้นก็ตบลงไปที่ต้นขาฉาดใหญ่ “จริงด้วย ! น้องสาม นี่ก็ถือเป็นข่าวสารเช่นกัน เจ้าช่วยเตือนความจำข้าได้ดีเลย ผู้คนโปรดปรานเรื่องแบบนี้มิใช่หรือ ? เรื่องนี้พวกเราต้องเขียนให้ดีและเขียนให้ดูสมจริง เขียนให้พวกเขาอ่านแล้วต้องตบโต๊ะชื่นชม ! ”

“ทว่า…ท่านเสนาบดีเซียวจะมาหาเรื่องพวกเราหรือไม่ ? ”

เหวินซิ่วจงรู้สึกสนุกขึ้นมาทันใด “กลัวอันใดเล่า ? ตอนนี้พวกเรามิใช่ขุนนางภายใต้บังคับบัญชาของเขาสักหน่อย พวกเราเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ย มิมีความเกี่ยวข้องอันใดกับเขาเลยสักนิด เช่นนั้นแล้วเรื่องซุบซิบใต้เตียงอันใดก็เขียนได้ทั้งนั้น… นี่จะพลอยทำให้พวกเรามีชื่อเสียงไปด้วย มิเช่นนั้นผู้คนทั้งผืนปฐพีคงหลงเชื่อว่าใต้เท้าเหล่านั้นเป็นคนดีปานพระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อบทความนี้ถูกเผยแพร่เมื่อใด พวกเขาย่อมรู้เองว่าแท้จริงแล้วขุนนางผู้สูงศักดิ์ก็มิได้ต่างอันใดกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป”

“เราทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ต่างก็มีอารมณ์และความรู้สึกเยี่ยงปุถุชนทั่วไป แบบนี้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างขุนนางและสามัญชนได้ด้วยมิใช่หรือ ? มันเป็นเรื่องดีและอีกอย่างพวกเราก็เป็นบรรณาธิการในนามองค์จักรพรรดิ ต่อให้พวกเราผิดพลาดก็ยังมีฝ่าบาทคอยหนุนหลัง ! ”

เมื่อเหวินซิงจ้าวลองใคร่ครวญตามคำเอ่ยของพี่รอง ก็เห็นว่าที่พี่รองเอ่ยออกมานั้นถูกต้องทั้งหมด

ฝ่าบาททรงสนับสนุนให้ทุกคนเท่าเทียมกันมิใช่หรือ ?

ฝ่าบาทมักตรัสเสมอว่าขุนนางกำเนิดโดยราษฎรมิใช่หรือ ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น เหวินซิงจ้าวก็มีแผนการขึ้นมาในหัวทันที หัวสมองของเขาแล่นฉิว จากนั้นก็เสนอความคิดออกมา

“พี่รองข้าคิดว่าหากต้องการให้เนื้อหาของหนังสือพิมพ์ดึงดูดความสนใจของผู้คน อันดับแรกควรพาดหัวข่าวใหญ่ให้สะดุดตา”

“น้องสามเอ่ยถูก ดังนั้นทุกหัวข่าวต้องใช้ตัวอักษรให้ใหญ่เข้าไว้”

“นี่มันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ข้ายังหมายถึงอีกส่วนหนึ่ง ยกตัวอย่างข่าวเสนาบดีเซียวไปเที่ยวหอหลิวหยุน พวกเราอาจจะพาดหัวข่าวว่า… ‘ตะลึง ! เสนาบดีเซียวย่องเงียบเที่ยวหอนางโลมทำเรื่องผิดศีลธรรม หญิงสาวบริสุทธิ์ขัดขืนสุดกำลังมิสมยอม ! นี่คือการใช้อำนาจข่มเหงหรือเพียงปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ ? ’ ท่านคิดว่าหากพวกเราพาดหัวข่าวเยี่ยงนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้หรือไม่ ? ”

เหวินซิ่วจงตกตะลึงจนตาค้าง เขาจ้องมองเหวินซิงจ้าวพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นมา “ยอดเยี่ยมยิ่ง ! นี่มันสุดยอดไปเลยน้องรัก !น้องสามข้าคิดว่าพาดหัวข่าวเยี่ยงนี้มิเพียงดึงดูดสายตาของผู้คนได้เท่านั้น แต่เกรงว่าจะดึงดูดหมัดของเสนาบดีเซียวมาด้วย…แต่มิเป็นไรเพราะมันคือผลลัพธ์ที่พวกเราต้องการ ! ”

“เอาตามที่ข้าเอ่ยเลยหรือไม่ ? ”

“เอาตามนั้นเลย ! ”

สุดท้ายหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ฉบับแรกก็ได้สร้างความตกตะลึงสู่สายตาของสาธารณชน ตอนที่เพิ่งถูกตีพิมพ์ในเมืองกวนหยุนใหม่ ๆ บรรดาร้านหนังสือล้วนคัดค้านเสียงดังระงม ทว่า 30,000 ฉบับแรกที่ตีพิมพ์ออกมาก็ขายหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างมิน่าเชื่อ

มีเด็กขายหนังสือพิมพ์กู่ร้องตามตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ของเมืองกวนหยุน

“มาอ่านหนังสือพิมพ์กันเถิด หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์เพิ่งตีพิมพ์มาหมาด ๆ หนึ่งฉบับราคาแค่ 3 อีแปะเท่านั้น หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ครบถ้วนเรื่องบ้านเมือง ! ”

“อ่านรายงานผลการประชุมเชิงเศรษฐกิจครั้งที่หนึ่งได้ที่หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ ทั้งยังมีเรื่องใหญ่น่าตกตะลึงทั่วหล้า เสนาบดีเซียวไปแสวงหาความใคร่ที่หอหลิวหยุน ใต้เท้าหยุนแอบคบหาบุตรีคนเล็กของเสนาบดีโหยว เผิงฟางเสนาบดีกรมเกษตรกับเรื่องหมู ๆ ของเขา…”

หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์เยี่ยงนั้นหรือ ?

อ่า…มันคือสิ่งใดกัน ?

ราคาตั้ง 3 อีแปะเชียวหรือ ? แพงใช้ได้ ทว่าฟังแล้วน่าสนุก ลองไปซื้อมาอ่านสักฉบับดีกว่า !

สองพี่น้องตระกูลเหวินทำการจ้างเด็กขายหนังสือพิมพ์เพื่อโฆษณาหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์และปรากฏว่าได้ผลตอบรับดีเกินคาด

เมื่อหลงจู๊ของร้านหนังสือใหญ่เห็นดังนั้นก็รู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา แม้ว่าจะได้กำไรต่ำ ทว่าก็ดูมีลู่ทางในการขายออกมากพอสมควร ถ้าเช่นนั้นก็สั่งพิมพ์เพิ่มอีก 100,000 ฉบับ !

ทุกวันนี้เมืองกวนหยุนมีประชากรอาศัยอยู่ถาวรจำนวนมากกว่า 2,000,000 คน ล้วนแต่มีกำลังซื้อสูงทั้งนั้น ส่งผลให้อีก 100,000 ฉบับสามารถขายหมดอย่างรวดเร็ว

เช่นนี้ก็ให้ตีพิมพ์ต่อไป !

หยุนซีเหยียนกำลังวุ่นอยู่กับการเรียบเรียงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจอยู่ในห้องทำงานของตน ทันใดนั้นโจ่งฟางหยวนก็วิ่งตึงตังเข้ามาพร้อมกับหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์ในมือ

“ท่านลองอ่านดูสิขอรับ”

“มันคืออันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” หยุนซีเหยียนรับมาอ่าน “หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายสัปดาห์…สรุปผลการประชุมเชิงเศรษฐกิจครั้งที่หนึ่ง กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของฉินโม่เหวินเต้าถายแห่งจิงซีเป่ยเต้า”

“อืม…น่าสนใจดีนี่ ของสิ่งนี้เรียกว่าอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“มันคือหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ หมายความว่าในหนึ่งสัปดาห์จะตีพิมพ์ออกมาหนึ่งครา จุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารไปทั่วทั้งต้าเซี่ย นี่เพิ่งตีพิมพ์มาหมาด ๆ และตอนนี้ยังมีจำหน่ายแค่ในเมืองกวนหยุนเท่านั้นขอรับ”

หยุนซีเหยียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันใด “นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมยิ่ง การสื่อสารจากหน่วยงานราชการมิอาจทำให้ราษฎรเข้าใจได้เสมอไป ทว่าหนังสือพิมพ์จะเข้าถึงราษฎรได้มากกว่า ขอแค่หนังสือพิมพ์มีเนื้อหาที่เป็นความจริง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทำให้ราษฎรหันมาจับตามองแนวทางการดำเนินนโยบายของทางราชการได้แล้ว…ผู้ใดเป็นผู้ริเริ่มขึ้นมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ใต้เท้าเมิ่งเป็นแกนนำโดยมีบุตรชาย 2 คนของผู้อาวุโสเหวินสิงโจวคือเหวินซิ่วจงและเหวินซิงจ้าวเป็นบรรณาธิการขอรับ”

หยุนซีเหยียนมิได้แปลกใจอันใด “มิแปลกใจเลย… ของดี ๆ เช่นนี้เหตุใดพวกเราถึงนึกมิถึงกันนะ ? ข้าคิดว่าหนังสือพิมพ์นี้ต้องได้รับความนิยมทั่วทั้งแคว้นเป็นแน่ แม้จะส่งไปยังพื้นที่อื่น ๆ ช้าสักหน่อย ทว่ามันก็มีผลลัพธ์มิต่างกันเพราะเยี่ยงไรเสียนโยบายของทางราชการก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อราษฎรได้อ่านข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ย่อมนำไปปฏิบัติได้เอง”

“ไม่ขอรับ…ท่านลองพลิกดูสิ”

เมื่อหยุนซีเหยียนพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า

“บัดซบ ! ”

ตัวอักษรยาวเป็นพรืดปรากฏสู่สายตา ‘ตะลึง ! หยุนซีเหยียนหัวหน้ากรมการค้า ชายโสดอายุ 25 ปี แท้จริงก็รอบุตรีเสนาบดีโหยวโตเป็นสาว ! ’

‘ทั้งสองจะได้ครองรักสมปรารถนาหรือไม่ ? อ่านบทความนี้แล้วท่านจะได้คำตอบ ! ’