ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 682 เรือเทพลอยบนฟ้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเข้าใกล้ สายตากวาดไปทั่วสี่ทิศ

เขาเห็นก้อนเมฆบนท้องฟ้ากระจายออก แสงอัสดงเจิดจ้าส่องสว่าง สาดลงมาจากฟากฟ้า ทำให้มหาสมุทรถูกย้อมอยู่ในแสงอัสดงที่งดงาม

ด้านในแสงอัสดง ค่อยๆ ปรากฏจุดดำขนาดเล็กจุดหนึ่ง จุดดำขยายใหญ่ในชั่วอึดใจ มาถึงเบื้องหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอจากที่ไกล

เรือยาวร้อยจั้งลำหนึ่ง ขี่พายุทะลุคลื่นออกมาจากในแสงอัสดง

ร่อนลมกรดบนท้องนภา ฝ่าทะเลเมฆาหมื่นลี้

ชายหนุ่มตาเป็นประกายเล็กน้อย เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ที่อยู่ด้านข้างก็มองเรือใหญ่ที่แล่นอยู่ระหว่างท้องฟ้าลำนั้นเช่นกัน

อาหู่อ้าปากกว้าง น้ำลายเกือบย้อยลงมา “คุณชาย นี่คือเรือนภาร่อนวายุที่จอมยุทธ์สำนักความมืดเคยพูดถึงกระมัง?”

เฟิงอวิ๋นเซิงหรี่ตา “คนขององค์ประมุขตงหนานหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “มิผิด เป็นเรือนภาร่อนวายุ ถ้าหากไม่เหนือความคาดหมาย ก็น่าจะเป็นคนขององค์ประมุขตงหนาน แต่ถ้าจะยืนยัน ต้องเข้าใกล้พวกเขาให้ได้ก่อน”

เรือนภาร่อนวายุ เป็นของวิเศษอันมหัศจรรย์ของโลกซ้อนโลก

มันมีพลังแข็งแกร่ง ควบคุมได้ยาก มีจำนวนเพียงไม่กี่ลำ มีแค่สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ และประมุขทั้งสิบเท่านั้นถึงจะครอบครองได้บ้าง

ทะเลหวงเจียอยู่ในอาณาเขตกาารปกครองของเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้บนโลกซ้อนโลก หากคาดไว้ไม่ผิด คนที่แล่นเรือนภาร่อนวายุในดินแดนแห่งนี้ น่าจะเป็นลูกศิษย์ของประมุขตงหนาน

แต่ว่าตำแหน่งของทะเลหวงเจียอยู่ใกล้กับเขตเหยียนเทียนใต้ อยู่ในบริเวณจุดตัดของสองเขต ดังนั้นอาจจะเป็นเรือนภาร่อนวายุของลูกศิษย์แห่งประมุขหนานฟางก็ได้

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเรือเทพลอยได้ที่ทะยานได้หมื่นลี้ในชั่วอึดใจ เร็วชนิดติดตามดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ได้ ด้วยสายตาสับสนเล็กน้อย

สิ่งที่เขานึกขึ้นได้ กลับเป็นเรือนภา หรือเรือธารสวรรค์ของวังเทพที่ขับไปทั่วทางช้างเผือกก่อนวิกฤตการณ์ในอดีต

นั่นเป็นพาหนะที่เหล่าเทพเซียนในวังเทพใช้สำรวจจักรวาล

แต่ว่าเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ พวกมันส่วนใหญ่จึงหายไปพร้อมวังเทพแล้ว

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินชื่อของเรือนภาร่อนวายุเมื่อก่อนหน้านี้ ก็คาดเดาไว้ประมาณหนึ่งแล้ว

ตอนนี้ได้เห็นของจริง เขาพลันรู้สึกมั่นใจขึ้นมา

เรือนภาร่อนวายุตรงหน้า คือผลลัพธ์ที่เหล่ามนุษย์ได้ทดลองสร้างเรือนภาขึ้นมาใหม่หลังวิกฤตการณ์

ถึงแม้จะสู้เรือนภาของวังเทพในอดีตไม่ได้ แต่ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ขณะมองเรือนภาร่อนวายุที่อลังการเบื้องหน้า เยี่ยนจ้าวเกอรำพึงรำพันมากมาย ความรู้สึกที่ได้ผ่านกาลเวลาอันยาวนานจนท้องทะเลแห้งเหือดเป็นผืนหนา โลกเปลี่ยนแปลงไปมากมายรุนแรงกว่าเดิม

เรือยักษ์ลำนั้นพุ่งผ่านท้องฟ้า ข้ามศีรษะของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ มาถึงด้านบนทวีปจิ่งชิง จากนั้นก็หยุดลงในทันที

จู่ๆ ก็มีแสงกระจกสาดลงมาจากบนเรือนภาร่อนวายุ ลอยอยู่กลางท้องฟ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์กระจ่างใส

แสงกระจกรวมตัวกัน กวาดไปทั่วผิวทะเลของทวีปจิ่งชิง

เยี่ยนจ้าวเกอหนังตากระตุก ‘เหมือนกับกำลังตามหาคนหรือสิ่งของอยู่’

เขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาณาเขตของประมุขตงหนาน ในอาณาเขตผืนนี้ พระองค์เป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง

แต่ว่าความขัดแย้งระหว่างขุมกำลังเล็กขุมกำลังน้อยในเขต ประมุขตงหนานปกติจะไม่ไต่ถาม นอกเสียจากว่าจะเกิดความวุ่นวายมากเกินไป

ทะเลหวงเจียในปัจจุบัน ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องต่อสู้กับขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนจนไม่อาจแก้ไข ยังไม่เห็นประมุขตงหนานแทรกแซง

แน่นอนว่าหลายปีมานี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ปกครองทะเลหวงเจีย ต่อให้จะหลงคิดว่าตนเหนือกว่าใคร หรือว่าขุมกำลังมากมายไม่ยอมเลิกราแก่กัน ความเคารพที่ทุกคนมอบให้ประมุขตงหนาน ก็ไม่เคยมีน้อยมาแต่ไหนแต่ไร

บางครั้งคนของประมุขตงหนานจะออกเดินทาง แต่มีไม่บ่อยนัก ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เข้าร่วมข้อพิพาทระหว่างขุมกำลังในท้องที่

อย่างเช่นไม่เคยมีคนของประมุขตงหนานมาทะเลหวงเจียเป็นเวลาหลายปีแล้ว

การมาตามหาอะไรบางอย่างเหมือนกับตอนนี้ ยิ่งมีให้เห็นน้อยกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตาปริบๆ สิ่งของที่คิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ ฝักที่เขาสัมผัสถึงตำแหน่งได้ผ่านเตากลืนดิน

ถ้าหากความรู้สึกไม่ผิดพลาด ฝักที่บนผิวมีตัวหนังสือ ‘กลืนฟ้า’ น่าจะถูกฝังซ่อนไว้ที่ก้นทะเลของเกาะจิ่งชิงสักที่

แสงกระจกที่อยู่บนเรือนภาร่อนสาดจากที่สูงลงมา ส่องสว่างทั้งสี่ทิศ

ในตอนนั้นเอง สีของท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นดำมืด

จากนั้นผิวทะเลของเกาะจิ่งชิงข้างล่างก็มีเคลื่นอยักษ์เทียมฟ้าพัดขึ้น พายุอันน่ากลัวจำนวนนับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำ มังกรน้ำหลายตัวพุ่งขึ้นท้องฟ้า!

พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดอันน่ากลัวที่เพิ่งจะสงบลงได้ไม่นานพัดขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับภาพคลื่นลมสงบเมื่อก่อนหน้าเป็นของปลอม อธิบายสุภาษิตที่ว่าพลิกหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสือได้อย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอมองแสงสายฟ้าที่เคลื่อนที่ในมังกรน้ำหลายตัวนั้น มุมปากอดบิดเบี้ยวไม่ได้

เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “เห็นภาพนี้แล้ว ข้าเพิ่งเข้าใจคำพูดของจ้าวเกอท่านที่ว่า พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดจะมาก็มาอย่างไม่มีเค้าลาง ความจริงหมายถึงอะไรกันแน่”

ทวีปจิ่งชิงถูกพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดอันน่าสะพรึงครอบคลุมไว้อีกครั้ง น่านน้ำทั้งผืนกลายเป็นแดนชำระล้างที่มีแต่พายุ คลื่นยักษ์ และสายฟ้า เหมือนกับวันสิ้นโลก

เรือยักษ์ลอยได้ที่แล่นอยู่บนฟ้ากลับไม่หลบหลีก แต่ชนใส่พายุน้ำผสมสายฟ้าที่น่ากลัวนั้น ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่เหนือเกาะจิ่งชิง!

หากมองจากมุมมองของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ แม้เรือนภาร่อนวายุจะมีขนาดมหึมา แต่เพียงพริบตาเดียวก็ถูกพายุน้ำผสมสายฟ้าที่พุ่งขึ้นข้างบนกลบมิด หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เพียงแต่ว่าแสงอัสดงละลานตาตรงตำแหน่งที่เรือนภาร่อนวายุอยู่ในตอนแรกยังไม่สลายไป ถึงขั้นที่ทะลุพายุที่มีแสงสายฟ้าน่ากลัววูบวาบออกมาอย่างแข็งแกร่ง

เห็นได้ชัดว่า ตรงจุดที่แสงอัสดงปรากฏขึ้น แม้จะถูกกระแทกจนสั่นไหวไม่หยุด แต่ก็ยังคงฝืนรักษาสภาพให้อยู่ที่เดิมได้

เฟิงอวิ๋นเซิงประหลาดใจอยู่บ้าง “ป้องกันพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดได้หรือนี่? เรือนภาร่อนวายุลำนี้ทนทานถึงขนาดนี้ เกรงว่าจอมยุทธ์ระดับสะพานเซียนไม่อาจทำลายได้ง่ายๆ กระมัง?”

อาหู่น้ำลายหกมากกว่าเดิม “คุณชาย เป็นของดีทีเดียว!”

ชายหนุ่มยักไหล่ จะโทษที่อาหู่โลภจนมีสภาพนี้ก็ไม่ได้ สำหรับตนในตอนนี้แล้ว เรือนภาร่อนวายุเป็นของดีจริงๆ

แม้จะเทียบกับเรือธารสวรรค์ไม่ได้ แต่สำหรับช่วงเวลาในตอนนี้ ถือเป็นอาวุธระดับสุดยอดของแท้

แต่ว่าสร้างยากเกินไป กรรมวิธีซับซ้อน หาวัสดุยิ่งลำบากกว่า

สายตาของเขาอยู่ที่เกาะจิ่งชิงเบื้องหน้า เห็นได้อย่างรางๆ ว่ายังคงมีแสงกระจกสาดลงมาจากปลายสุดของแสงอัสดงในท้องฟ้าอยู่รำไร

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว ‘ถ้าหาของก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้กระมัง? หรือว่ากำลังตามหาคนอยู่?’

ครู่ต่อมา เขาเห็นแสงกระจกพลันสว่างวาบขึ้น ในมหาสมุทรที่คลื่นลมพัดโหมกระหน่ำเบื้องล่างพลันมีประกายแสงกะพริบขึ้นเล็กน้อย

ประกายแสงนี้เหมือนถูกอะไรบางอย่างขังไว้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกแสงกระจกบนเรือนภาร่อนวายุกระตุ้นจึงเจิดจ้าเป็นพิเศษ คนที่อยู่ด้านนอกไม่มีทางสังเกตเห็น

ดังนั้นก่อนหน้านี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงสัมผัสไม่ได้

ถึงแม้พายุจะพัดโหม มองอะไรไม่สะดวก แต่หลังจากตั้งใจดูประกายแสงนั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจ ‘นี่เป็นของวิเศษคุ้มกันบางอย่างจริงๆ เสียด้วย มีคนใช้ของชิ้นนี้ป้องกันพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด’

ประกายแสงของของวิเศษชิ้นนั้นหากมองจากที่ไกล เห็นได้ชัดว่ากำลังอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง ทนได้อีกแค่ไม่นาน แต่เพราะถูกขังไว้ที่ก้นทะเล กลับไม่อาจปลีกตัว

เรือนภาร่อนวายุบนท้องฟ้าในที่สุดก็หาเป้าหมายของตัวเองเจอ ทว่าแม้จะทนอยู่ในทะเลแม่เหล็กไร้ขีดจำกัดโดยไม่ถูกทำลายได้ กลับถูกพายุแสงสายฟ้าที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าดันไว้ ไม่อาจลงไปด้านล่าง