ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 683 ไม่ลงมือเหนือกว่าลงมือ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ความทนทานของเรือนภาร่อนวายุน่าชมเชยยิ่ง

อยู่ด้านในพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่รุนแรงถึงเพียงนั้น ยังประคับประคองเอาไว้ได้

ถึงแม้ว่าพายุและคลื่นจะพัดโหมกระหน่ำ แต่ว่าเรือยักษ์สุดท้ายก็ไม่พลิกคว่ำ ยังคงรักษาความนิ่งได้ในคลื่นที่ซัดสาด

แต่ว่าพายุแม่เหล็กไร้ขีดจำกัดมีพลังทำลายล้างน่าตกตะลึงถึงขีดสุด พายุหลายสายพัดน้ำทะเลขึ้นให้พุ่งขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่แทรกอยู่ ทำให้เรือนภาร่อนวายุที่อยู่กลางอากาศไม่อาจลงไปด้านล่าง

สิ่งที่ทำให้คนในเรือจนปัญญาก็คือ ตอนนี้พายุมาถึงอีกรอบ กลับไม่เหมือนตอนที่สงบลงไปก่อนหน้า ที่คงอยู่แค่ช่วงสั้นๆ

เวลาที่พายุคงอยู่ในครั้งนี้ยาวนานเป็นพิเศษ เป็นพายุแม่เหล็กไร้ขีดจำกัดอันน่าสะพรึงเหมือนกับไร้สิ้นสุดจริงๆ

ภายใต้การครอบคลุมของพายุ แสงจากของวิเศษคุ้มกันจุดนั้นยิ่งมายิ่งริบหรี่ ใกล้จะหายไปแล้ว

แสงจากของวิเศษไม่ได้เคลื่อนไหว เหมือนกับถูกพลังบางอย่างที่ก้นทะเลพันเอาไว้ จึงติดอยู่ในทะเลลึก ไม่อาจหลบหนี

เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็บอกเฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ว่า “พวกเจ้ายืนดีๆ”

พูดจบ เขาก็นั่งขัดสมาธิตรงกลางวัง มือข้างหนึ่งทำท่ามุทราแตะกับพื้น อีกข้างกำเป็นหมัด รวมจิตหมัดวรยุทธ์ของตัวเอง แล้วต่อยออกไปด้านบนวังใหญ่

วังฝูงมังกรพลันสั่นไหวเพราะการกระตุ้นญาณจริงแท้ เสียงมังกรดังขึ้นเป็นระลอก

ด้านบนวังใหญ่มีแสงสว่างหลายสายสว่างขึ้น จากนั้นก็เกี่ยวกระหวัดกัน ก่อนจะประกอบกันเป็นลวดลายค่ายกลหลายวง

อย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่ายกลขนาดยักษ์ค่ายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือวังฝูงมังกร

ภายใต้การครอบคลุมของค่ายกล กลิ่นอายของวังฝูงมังกรเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน

อาหู่มองพร้อมกับร้องขึ้น “คุณชาย ถึงแม้ข้าจะคิดว่าการผูกมิตรกับประมุขตงหนานในเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้จะมีผลดีมากมาย อีกทั้งไม่มีผลเสีย แต่พวกเราคงจะไม่ได้เข้าไปช่วยตรงๆ เช่นนี้กระมัง?”

“พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดเบื้องหน้านี้ พวกเราอาจจะต้านทานไม่ได้…”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างประหลาดใจ “อะไรคืออาจจะ? ไม่มีทางต้านได้อยู่แล้ว เข้าไปเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ”

ชายร่างใหญ่เกือบสำลักน้ำลาย “เช่นนั้นคุณชายท่านยังคิดจะทำท่าจะลงมือช่วยเหลืออีกหรือ?”

“หากต้องช่วย มีวิธีการมากมาย ไม่ต้องให้ข้าทะเลวงเข้าไปในพายุเอง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม

อาหู่ได้ยินก็เกาศีรษะ มองค่ายกลที่ครอบคลุมอยู่บนวังฝูงมังกรด้วยความประหลาดใจ

ในนาทีนี้ เรือยักษ์ที่แล่นอยู่ในพายุแม่เหล็กไร้ขีดจำกัด กำลังป้องกันพายุฝนที่กรรโชกแรงเหมือนกับหายนะวันสิ้นโลก

บนเรือยักษ์ ใบเรือขนาดมหึมาถูกยกขึ้น แสงอัสดงเจิดจ้าระยิบระยับล้อมรอบเรือนภาร่อนวายุ รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน กั้นพายุสายฟ้าอันน่ากลัวไว้ด้านนอก

ด้านล่างใบเรือ ยืนไว้ด้วยคนสองสามคน สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง

บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งขมวดคิ้วเป็นปมแน่น “ศิษย์หลานเหวินขวัญกล้าเกินไปแล้ว แค่พกยันต์คุ้มกันจักรวาลมา ก็คิดว่าไปที่ไหนก็ได้แล้วหรือ?”

ด้านข้างเขายืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง ถอนใจกล่าวว่า “ทะเลหวงเจียมีน่านน้ำผืนหนึ่ง มักมีพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดพัดขึ้นมา ปกติแค่เคยได้ยิน วันนี้ได้เห็นกับตา ถึงค่อยรู้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ พายุของที่นี่่รุนแรงกว่าพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดในสถานที่อื่น เรือนภาร่อนวายุถึงกับลงไปไม่ได้”

บุรุษที่มีบุคลิกแก่เรียนผู้นี้มีนามว่าเฉินจื้อเหลียง เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ประมุขตงหนานถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง

คนที่ถูกขังอยู่ที่ก้นทะเลของเกาะจิ่งชิงมีชื่อว่าเหวินลั่วเสีย เป็นลูกศิษย์ของเขา และเป็นหลานศิษย์ของประมุขตงหนานแห่งเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้

บุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเฉินจื้อเหลียง ที่พูดเป็นคนแรก และคอยบังคับเรือนภาร่อนวายุ คือเจิ้งหมิง ศิษย์พี่ของเฉินจื้อเหลียง อาจารย์ลุงของเหวินลั่วเสีย

คนหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง อีกคนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น

พูดถึงพลังฝึกปรือ ในอาณาเขตของทะเลหวงเจีย นับว่าเป็นยอดฝีมือ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุด

หากดูในเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด คนที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่าเขามีมากกว่า

แต่ว่าชื่อ ‘กระบี่ทะเลภูผา’ เจิ้งหมิง กับ ‘ปีกปักษา’ เฉินจื้อเหลียง ไม่มีใครไม่รู้จัก

นี่ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาเป็นลูกศิษย์ที่ผู้สืบทอดของกษัตริย์ตงหนานถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเองเท่านั้น ยังเป็นเพราะพวกเขามีพลังเหนือธรรมดา สร้างบารมีอันน่าเกรงขามเอาไว้

ต่อให้ไม่พึ่งพาเรือนภาร่อนวายุที่อยู่ข้างใต้ ไม่พึ่งพาวิชาความรู้และเบื้องหลัง พวกเขามายังสถานที่อย่างทะเลหวงเจีย ปกติสามารถไปที่ใดก็ได้

พวกเขามาถึงทะเลหวงเจีย คนที่คุยกับพวกเขาได้ จะต้องเป็นคนระดับเสวียนมู่อ๋อง กู้หง หลัวจื้อเทา โจวฮ่าวเซิง และกงซุนอู่เท่านั้น

เพียงแต่เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติในตอนนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สยบแดนตะวันออกเฉียงใต้ขณะนี้กลับรู้สึกคับข้อง

เฉินจื้อเหลียงส่ายหน้าถอนใจ

หากต้องพูดถึงความมั่นใจของเหวินลั่วเสียจริงๆ ยันต์คุ้มกันจักรวาลซึ่งของวิเศษคุ้มกันบนตัว เป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง

สิ่งที่นางพึ่งพาจริงๆ คืออาจารย์อย่างตน ยังมีเจิ้งหมิงผู้เป็นอาจารย์ลุง รวมถึงของวิเศษที่แข็งแกร่งอย่างเรือนภาร่อนวายุ

น่าเสียดาย ครั้งนี้เหวินลั่วเสียกลับคำนวณพลาด ทำให้ตอนนี้ตัวเองประสบอันตรายรอบด้าน ส่วนเฉินจื้อเหลียงกับเจิ้งหมิงได้แต่กระวนกระวาย

เจิ้งหมิงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้ากล่าวว่า “เพื่อแผนการในวันนี้ ได้แต่ต้องให้ศิษย์น้องเฉินเจ้ามาควบคุมเรือนภาร่อนวายุ ช่วยข้าสะกดพายุ ข้าจะลงเรือเข้าไปในทะเล พาศิษย์หลานเหวินออกมาด้วยตัวเอง”

เฉินจื้อเหลียงขมวดคิ้วมุ่น

วิธีการมีแค่นี้จริงๆ แต่ว่าอันตรายเกินไป หากพายุคงอยู่นาน แม้แต่เจิ้งหมิงก็ต้องเสี่ยงอันตรายไปด้วย

ขณะกำลังครุ่นคิด สายตาพลันสั่นไหว มองไปยังที่ไกล

ถึงแม้จะอยู่ในพายุ แต่ว่ามีแสงอัสดงคุ้มกัน เขายังสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของวังฝูงมังกรที่อยู่ห่างไป

ตอนแรกไม่ได้เอามาใส่ใจ แต่ว่าขณะเห็นวังฝูงมังกรเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในตอนนี้ เฉินจื้อเหลียงอดจับตามองไม่ได้

‘คงไม่ได้คิดจะเล่นงานพวกเรากระมัง?’ เฉินจื้อเหลียงรู้สึกประหลาดใจ

ด้านข้างเขากับเจิ้งหมิงยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง กลับเป็นชายชราผมขาว

ภายนอกแม้จะดูแก่ชรา แต่กลับมีกำลังวังชา

ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม “คงจะไม่ได้ไม่รู้ว่าเรือนภาร่อนวายุหมายถึงอะไร อีกฝ่ายสมควรไม่เขลาถึงเพียงนี้ ถ้าหากมีคนโง่งมจริงๆ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”

เฉินจื้อเหลียงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ประเสริฐ”

ชายชราผู้นี้ชื่อไป๋จื่อหมิง ไม่ใช่ผู้สืบทอดของประมุขตงหนาน แต่เป็นคนที่ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลกหลังจากที่พลังเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่

จะว่าไปก็บังเอิญยิ่ง เพราะเขาได้พบพวกเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียง นับว่ามีคนให้ประจบสอพลอพอดี

เจิ้งหมิงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของวังฝูงมังกรเช่นกัน มองแวบหนึ่ง ก่อนจะร้องเอ๊ะ “ไม่เหมือนจะเล่นงาน เหมือนกำลังจะช่วยเหลือมากกว่า”

เฉินจื้อเหลียงส่ายหน้า “ขอบคุณในความหวังดีแล้ว แต่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผนดินต่ำเกินไป พวกเขากล้าเข้าใกล้อาณาเขตรอบนอกของพายุ เกรงว่าจะถูกบดขยี้เป็นผุยผง”

ฉับพลันนั้นเจิ้งหมิงมองดูวังฝูงมังกร สายตาพลันเคร่งขรึม “ไม่ถูกต้อง!”

พวกเฉินจื้อเหลียงและไป๋จื่อหมิงต่างมองไป พากันงงงัน

ค่ายกลบนวังฝูงมังกรทำงาน แสงสว่างหลายสายครอบคลุมวังฝูงมังกรไว้ จากนั้นก็แผ่ขยายกลางอากาศ

แสงสว่างหลายสายเป็นรูปร่างที่แตกต่าง ค่อยๆ กลายเป็นรูปทรงที่ไม่เหมือนกันโดยมีวังฝูงมังกรเป็นศูนย์กลาง

ครั้นเพ่งตามองไป ด้วยเค้าโครงที่แสงสว่างร่างออกมา วังฝูงมังกรถึงกับเหมือนค่อยๆ มีลักษณะเป็นเรือยักษ์ลำหนึ่ง