ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 684 สำเร็จล้มเหลว ต่างกันเพียงเส้นบางๆ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ธารแสงหลายสายร่างเค้าโครงขนาดมหึมา กลายเป็นเรือยักษ์ที่เหมือนกับโปร่งแสงลำหนึ่ง

ภายใต้การครอบคลุมของม่านแสง วังฝูงมังกรอยู่อยู่ตรงกลางแกนหลักของเรือยักษ์ลำนี้

เรือยักษ์ลอยอยู่กลางหาว ค่อยๆ แล่นอยู่กลางอากาศ

ชายชราไป๋จื่อหมิงมองอย่างละเอียด อดขบขันเล็กน้อยไม่ได้ “เป็นแค่เงาแสงมายาเท่านั้น ไม่ได้มีพลังหรือความพิเศษ”

“หากสืบสาวถึงที่สุด ก็เป็นวังประหลาดนั่น เค้าโครงของเรือยักษ์รอบนอกเป็นแค่ของประดับเท่านั้น”

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงที่อยู่ข้างเขา สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันใด

เฉินจื้อเหลียงที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏความสงสัยมากกว่า

ส่วนเจิ้งหมิงที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่า ซึ่งกำลังขับเรือนภาร่อนวายุ บนใบหน้าปรากฏแววตื่นตระหนก

ไป๋จื่อหมิงเห็นดังนั้น รู้สึกประหลาดใจ พลันปิดปากลง

ดูจากรูปการณ์ เงาแสงเรือยักษ์นั้นมีเงื่อนงำบางอย่างชัดเจน เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงที่คุ้นเคยกับเรือนภาร่อนวายุ ต่างมองถึงความไม่ธรรมดาของมันออก

ในสถานการณ์เช่นนี้ ชายชราย่อไม่กล่าววาจาอีก ได้แต่ฟังให้มากพูดให้น้อย

เพียงแต่ขณะมองวังฝูงมังกร ไป๋จื่อหมิงอดรู้สึกกังขาไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ในวังฝูงมังกร ใช้ญาณจริงแท้ของตนประสานกับพลังของวังฝูงมังกร วางค่ายกล ก่อนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นเงาแสงเรือยักษ์

เรือยักษ์แล่นอยู่กลางฟ้าดิน ถึงแม้จะเชื่องช้า แต่ให้ความรู้สึกไม่อาจต้านทานอยู่หลายส่วน เหมือนกับคิดจะแล่นไปทั่วนภา

เนื่องจากธารแสงร่างเส้นสาย ประกอบเป็นภาพที่แทบจะโปร่งแสง จึงทำให้ขณะที่เรือยักษ์ลำนี้แล่นอยู่ มีลวดลายแสงหลายสายพรั่งพรูขึ้นมา ชี้ให้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของโครงสร้างภายในเรือยักษ์ รวมถึงหลักการและสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพที่น่าทึ่งเช่นนี้

เห็นเงาแสงหลายสายใจกลางเงาแสงเรือยักษ์หมุนวนและพุ่งทะลัก ก่อเกิดพายุลูกหนึ่ง ดูดปราณวิญญาณของฟ้าดินรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

ลวดลายอาคาหลายสายสลักกลางอากาศ ทอดตัวอยู่กลางฟ้าเหมือนกับบทประพันธ์อันงดงาม

เนื่องจากเยี่ยนจ้าวเกอเพียงใช้ญาณจริงแท้ของตนเลียนแบบ ทุกอย่างต่างเป็นภาพลวงตา แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงหลักการบางอย่าง

อาหู่เกาศีรษะ “คุณชาย นี่คืออะไร?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “มาจากเรือธารสวรรค์ที่อยู่ในตำนานเมื่อครั้งอดีต ข้านำมาจากคัมภีร์ชำรุดส่วนหนึ่งซึ่งเป็นมรดกก่อนวิกฤตการณ์ที่ข้าขุดเจอ”

“ไม่ใช่รูปโครงสร้างของเรือธารสวรรค์ แต่เป็นวิชาลับในการควบคุมหางเสือ เพิ่มแรงขับของของวิเศษชนิดนี้”

“ตอนนี้ลองอนุมานเสกออกมาดู คนบนเรือนภาร่อนวายุนั่นพอเห็นแล้ว น่าจะดูออก”

เจิ้งหมิงแม้ว่าจะไม่ได้ดูออกทั้งหมด แต่ในตอนนี้ตกตะลึง

“อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่?” เฉินจื้อเหลียงค่อยๆ รู้สึกตัว สายตาปรากฏความตื่นตระหนกอย่างหาได้ยาก “เพราะได้รับวิชาโบราณมา หรือว่าปกติได้สัมผัสกับเรือนภาร่อนวายุอยู่แล้ว คนผู้นั้นถึงสร้างขึ้นมาได้”

เจิ้งหมิงสงบสติอารมณ์ “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ช่วยศิษย์หลานเหวินขึ้นมาก่อน”

เฉินจื้อเหลียงกล่าว “รบกวนศิษย์พี่เจิ้งแล้ว”

เจิ้่งหมิงหลับตา เจาะทะลุหลักการและทักษะที่ตีความจากเรือยักษ์เงาแสงซึ่งญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้น

เขาครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง เข้าใจแล้วว่าหลักการเหล่านี้สอดคล้องกับเรือนภาร่อนวายุของตัวเอง

ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ยืนอ้าขาเอียงข้าง งอเข่าเล็กน้อย ญาณจริงแท้อันทรงพลังผ่านสองขาลงไปที่เรือยักษ์ด้านล่าง

เงาแสงข้างใต้เจิ้งหมิงไหลเวียน ค่ายกลอาคมอันหนึ่งปรากฏขึ้น ธารแสงมากมายขยายออกรอบๆ อย่างรวดเร็ว โดยมีค่ายกลอาคมเป็นศูนย์กลาง

ผิวเรือนภาร่อนวายุขนาดมหึมา ปรากฏธารแสงลอยขึ้นมา

ธารแสงทุกสาย รวมกลุ่มกันผ่านลวดลายอาคมนับไม่ถ้วน สั่นไหวพลังที่ยิ่งใหญ่ยากประเมิน

ลวดลายอาคมเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จับกลุ่มซับซ้อน

เรือนภาร่อนวายุสั่นสะเทือนเลือนลั่น พลังของมันเหมือนกับเพิ่มขึ้นครึ่งก้าวในชั่วพริบตา

เรือยักษ์ที่ปะทะพายุแม่เหล็กไร้ขีดจำกัดมาตั้งแต่แรก พลังของทั้งสองอยู่บนเส้นที่สมดุลกันเส้นหนึ่งพอดี

ฝ่ายไหนเหนือกว่าแค่เล็กน้อย จะใช้สภาวะโดยรวมสะกดอีกฝ่ายได้ทันที

ในสถานการณ์เช่นนี้ แรงขับเคลื่อนของเรือนภาร่อนวายุเพิ่มขึ้นในทันที แสงอัสดงแผ่ปกคลุมท้องฟ้า ขยายขนาดไม่หยุดยั้ง ดันพายุสายฟ้าที่ซัดกระหน่ำบริเวณรอบๆ ได้

จากนั้นเรือยักษ์ก็แหวกพายุหลายกลุ่มที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าเหมือนกับแหวกคลื่นทะเล

ในที่สุดเงาขนาดยักษ์กลางอากาศก็ค่อยๆ ลอยลง เข้าใกล้ผิวทะเลข้างใต้

ดวงตาของชายชราไป๋จื่อหมิงดวงตาปรากฏแววประหลาดใจ ‘ตั้งไม้ไผ่เห็นเงาทันที[1] ผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ขนาดนี้เชียว?’

เจิ้งหมิงกับเฉฉินจื้อเหลียงสบตากัน สีหน้าต่างเคร่งขรึม เฉินจื้อเหลียงเอ่ยปากถาม “ดูออกหมดแล้วหรือ?”

“วิชาของเขา ดูไปไม่สมบูรณ์ ยังมีส่วนขาด น่าจะเป็นมรดกก่อนวิกฤตการณ์ที่ขุดเจอ” เจิ้งหมิงส่ยหน้า “แต่ไม่ธรรมดาจริงๆ วิชาที่ไม่สมบูรณ์ของเขา ข้ามองออกเพียงส่วนเดียว อีกทั้งยังตัดออกไปส่วนหนึ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ ยังทำให้เรือนภาร่อนวายุพัฒนาขึ้นได้ขั้นหนึ่ง”

เฉินจื้อเหลียงสูดลมหายใจเย็นเยียบ “น่าเหลือเชื่อนัก ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่”

เขาไม่พูดอะไรอีก เรือนภาร่อนวายุลงมาถึงผิวทะเลแล้ว พอทะเลวงน้ำทะเลเข้าไปยังก้นทะเล เขาก็โดดออกจากการคุ้มครองของแสงอัสดงบนเรือยักษ์ทันที

เยี่ยนจ้าวเกอมองอยู่ด้านนอกพายุ เห็นแสงของของวิเศษคุ้มกันที่ก้นทะเลยิ่งมายิ่งอ่อน กำลังจะหายไป

แต่ว่ามีคนลงมาจากเรือ เข้าใกล้แสงของของวิเศษคุ้มกันนั้น หมายจะช่วยเหลือแล้ว

ด้านหลังเขา เรือนภาร่อนวายุผ่าคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ ถึงจะโคลงเคล่ง แต่สุดท้ายก็ลอยตระหง่านอยู่ที่เดิม กลายเป็นกำลังสนับสนุนที่เชื่อถือได้

ครู่ต่อมา เห็นก้นทะเลพลันมีประกายแสงสีดำหลายสายสาดออกมา กวนคนมหาสมุทร

มันสั่นสะเทือนก้นทะเลอย่างรุนแรง ขยายออกรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

ชายหนุ่มลูบคางของตัวเอง ‘อืม ดูเหมือนคนที่เข้าไปในทะเลก่อนหน้านี้ จะถูกพลังบางอย่างที่ก้นทะเลสะกดไว้จริงๆ’

ที่ก้นทะเลเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงขนาดนี้ เป็นเพราะเฉินจื้อเหลียงทำลายสะกดเพื่อช่วยคน

หลังจากนั้น เฉินจื้อเหลียงก็พุ่งออกจากผิวทะเล ปีนขึ้นเรือนภาร่อนวายุใหม่

เรือเทพที่ทรงพลัง ลอยขึ้นอีกครั้ง ผ่าพายุและสายฟ้ามากมาย แล่นไปทางเกาะจิ่งชิง

แต่ต่อจากนั้น อีกฝ่ายไม่ได้ไปโดยไม่สนนใจ แต่มาทางที่ที่วังฝูงมังกรอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บญาณจริงแท้ของตัวเองแล้ว วังฝูงมังกรเก็บกลิ่นอายแล้วเช่นกัน เงาแสงเรือยักษ์หายไป

ขณะมองเรือนภาร่อนวายุที่ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ อาหู่หัวเราะเสียงซื่อ “คุณชาย ชาวบ้านเดิมไม่ผิด เพราะครองหยกจึงผิด พวกเขาใช่คิดจะเล่นงานท่าน เพื่อเค้นถามถึงวิชาลับที่เพิ่มพลังเรือนภาร่อนวายุเหล่านั้นหรือไม่?”

“วิชาไม่สมบูรณ์ พวกเขามองออก สิ่งที่พวกเขาได้ก่อนหน้านับว่าเพียงพอแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

“เทียบกับวิชาที่มีประโยชน์ต่อเรือนภาร่อนวายุนี้ วังฝูงมังกรของข้าถ้าหากเผยรากฐาน ความจริงจะยิ่งล่อตาล่อใจคนกว่า ยังมีตราประทับตะวันอีก”

“ตอนนี้วังฝูงมังกรเก็บกลิ่นอายหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวล ตามคำพูดที่จอมยุทธ์ที่สำนักความมืดและที่เคลื่อนไหวในทะเลหวงเจียพูดกัน ลูกศิษย์ของกษัตริย์ตงหนานมีคุณธรรมพอใช้ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเรือยักษ์ที่หยุดอยู่ตรงหน้าเหมือนกับป้อมปรากาย สายตาอยู่บนใบเรือขนาดยักษ์นั้น

ด้านบนมีลวดลายที่มีขนาดมหึมาและลี้ลับลอยขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของของกษัตริย์ตงหนานนั่นเอง

ยามนี้ บนเรือนภาร่อนวายุมีเสียงดังมา “ไม่รู้ว่าอาจารย์ของท่านเป็นใคร มาพบกันบนเรือได้หรือไม่?”

……………………………………….

[1] ตั้งไม้ไผ่เห็นเงาทันที หมายถึง ได้เห็นทันใด