ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 685 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เพิ่งจะพุ่งออกจากด้านในพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่น่ากลัวไม่ทันไร บนผิวเรือยักษ์มีแสงอัสดงหมุนวนรอบๆ ยังมีแสงสายฟ้าแม่เหล็กอันน่าพรั่นพรึงสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

การผ่าพายุและสายฟ้าที่น่าสะพรึงอย่างเหี้ยมหาญ ยิ่งทำให้เรือยักษ์ลำนี้เต็มไปด้วยสภาวะไร้ความเกรงกลัวและไร้สิ่งใดกีดขวาง สั่นสะท้านขวัญวิญญาณ

เมื่อครู่แม้จะถูกกระแทกอยู่ในพายุอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้มองไป บนผิวเรือแม้แต่รอยสักรอยยังไม่มี

กลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งปรากฏออกมา มองเห็นได้อย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองเรือยักษ์ขนาดมหึมาเบื้องหน้า พูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอาหู่ว่า “พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่ที่”

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่พยักหน้า ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอออกจากวังฝูงมังกร เหาะร่างขึ้นไปบนเรือนภาร่อนวายุทันที

ตนมาถึงกลางอากาศ เห็นบนเรือยักษ์ลำนั้นมีแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งลงมารวมตัวกันบนที่ว่าง ประกอบกันเป็นสิ่งที่เหมือนกับบันได

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่เห็นดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเจิ้งหมิงที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุมีท่าทีเป็นมิตร

เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งไปยืนนิ่งบนบันได จากนั้นแสงสว่างก็หดกลับ พาชายหนุ่มขึ้นไปบนเรือยักษ์ลำนั้น

ทุกคนที่อยู่บนเรือรวมถึงไป๋จื่อหมิง ต่างกำลังพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนอยากจะมองเขาให้ทะลุ

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ ขอคารวะทุกท่าน”

ถึงแม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงสามคนอยู่เบื้องหน้า ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังมีสีหน้าเป็นปกติ

สายตาพิจารณาเรือนภาร่อนวายุขึ้นลง ชมเชยอย่างคร่าวๆ ไม่ได้ชมเชยเพราะความตกตะลึงแต่อย่างใด

พวกเจิ้งหมิง เฉินจื้อเหลียง และไป๋จื่อหมิงเห็นดังนั้น จิตใจอดสั่นไหวไม่ได้ ‘คนหนุ่มผู้นี้บุคลิกไม่ธรรมดา มีความรู้ล้ำลึก’

ความรู้สึกของไป๋จื่อหมิงรุนแรงเป็นพิเศษ ในตอนที่เขาเห็นเรือนภาร่อนวายุเป็นครั้งแรก ยังรู้สึกสั่นสะท้าน

เพราะเหตุนี้ ความภาคภูมิใจและความกระตือรือร้นที่ได้ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลก จึงหายไปมากกว่าครึ่งในทันใด

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงสบตากัน แม้จะเห็นคนที่อาศัยและเติบโตบนโลกซ้อนโลก คนที่ได้เห็นเรือนภาร่อนวายุด้วยตาตัวเองก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

คนส่วนใหญ่ หากระดับไม่ถึง ปกติไม่มีทางได้สัมผัสเรือนภาร่อนวายุ อย่างมากที่สุดก็ได้เห็นจากภาพเงาแสงเท่านั้น

การได้เห็นเรือนภาร่อนวายุของจริงด้วยตาตัวเอง การได้สัมผัสกับสภาวะเทียมฟ้าและความรู้สึกกดดันใกล้ๆ ความสั่นสะท้านที่ผู้คนรู้สึกถึง ภาพเหมือนเงาแสงไม่อาจเทียบเคียงได้

สายตาของพวกเจิ้งหมิงจริงจังขึ้นมมา สำรวจเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ขั้นรวมรูประยะต้น อายุน้อยยิ่ง…เดี๋ยวก่อน!’

พวกเขาตะลึงอีกรอบ

มองอย่างไร อายุจริงกับอายุภายนอกก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย

อย่างมากก็อายุไม่น่าเกินสามสิบปี แต่ว่า…จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุไม่ถึงสามสิบปีหรือ?!

ในหมู่พวกเขา เจิ้งหมิงมีพลังฝึกปรือสูงที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุด สิ่งที่มองออกมีมากที่สุด

แต่เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงตาค้าง ขณะที่มองเยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นที่เหม่อลอยไปพริบตาหนึ่ง

เฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงสองคนเดิมที่เพียงแค่สงสัย แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของเจิ้งหมิง หัวใจของพวกเขาก็เต้นระรัว

“ศิษย์พี่เจิ้ง อายุของเขา…” เฉินจื้อเหลียงมองศิษย์พี่ของตนอย่างเหลือเชื่อ ส่งกระแสเสียงถาม

เจิ้งหมิงได้สติ ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่น่าจะเกินสามสิบปี!”

เฉินจื้อเหลียงสูดหายใจเย็นเยียบ “ไม่ถึงสามสิบปี?! นี่น่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์กระมัง?”

“ข้าก็ไม่กล้ายืนยันว่าเขาอายุน้อยที่สุดหรือไม่” เจิ้งหมิงแลบลิ้นออกอย่างจนใจ “บอกได้แค่ว่า ในหมู่คนที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ข้ารู้จักทุกคน เขาอายุน้อยสุด”

เฉินจื้อเหลียงขมวดคิ้ว “ไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้มาก่อน ความสามารถที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ตามเหตุผลไม่ควรไร้ชื่อเสียงถึงจะถูก ต่อให้ไม่โด่งดังไม่ทั่วใต้หล้า ก็ไม่ควรจะเงียบงันเช่นนี้”

เขาพลันจิตใจสั่นไหว “คงไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ฝึกฝนที่เขาคุนหลุนมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็ออกมาท่องโลกกระมัง?”

“ศิษย์สายตรงของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิหรือ?” หลังจากครุ่นคิด เจิ้งหมิงก็ตัดการคาดเดานี้ “ไม่น่าใช่ คนเช่นนี้ออกมาท่องโลกไม่น่าจะไร้ข่าวคราว และไม่น่าจะเข้ามาในเขตหยางเทียนตะวันออกเฉียงใต้โดยที่ท่านอาจารย์ไม่รู้”

เฉินจื้อเหลียงยิ้มอย่างขื่นขม “เป็นอัจฉริยะที่โผล่มาจากไหนกันแน่?”

เจิ้งหมิงรู้สึกเช่นเดียวกัน “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน”

เขาส่งกระแสเสียงกับเฉินจื้อเหลียงไปพลาง มองดูเยี่ยนจ้าวเกอไปพลาง ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ข้าชื่อเจิ้งหมิง ลูกศิษย์แห่งตงหนาน ไม่รู้ว่าอาจารย์ของสหายเยี่ยนอยู่ที่ใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าร่ำเรียนกับบิดาตั้งแต่เด็ก แต่หากพูดถึงเรื่องเมื่อครู่ ข้าได้มาจากการศึกษาคัมภีร์ชำรุดส่วนหนึ่ง ซึ่งได้มาจากการขุดค้นโบราณสถานก่อนวิกฤตการณ์แห่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการสอนหนังสือให้สังฆราชโดยแท้ ทำตัวน่าขายหน้าเสียแล้ว”

เจิ้งหมิงเอ่ย “มีเอกลักษณ์ยิ่ง”

เฉินเจิ้งเหลียงเปลี่ยนเป็นพูดว่า “ลั่วเสีย มาขอบคุณสหายเยี่ยนผู้นี้ ที่เจ้ารอดมาได้เพราะมีเขาช่วยเหลืออีกแรง”

บนดาดฟ้าเรือนภาร่อนวายุ ยังมีคนอีกคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้กำลังนั่งขัดสมาธิ เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นเรือมา จึงลุกขึ้นยืน

ครั้งนี้ได้ยินคำพูดของเฉินจื้อเหลียง ก็เข้ามาอย่างเชื่อฟัง เป็นสตรีนางหนึ่ง อายุราวยี่สิบสามสิบปี

สตรีนางนี้คือเหวินลั่วเสีย ลูกศิษย์ที่เฉินจื้อเหลียงสอนด้วยตัวเอง หลานศิษย์ของประมุขตงหนาน

ก่อนหน้านี้นางถูกขังไว้ที่ก้นทะเลที่วีปจิ่งชิง เคราะห์ดีที่พวกเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียงมาช่วยทันเวลา ไม่เช่นนั้นหลังจากพลังของยันต์คุ้มกันจักรวาลที่นางใช้คุ้มกันร่างหมดสิ้น ต้องตายอยู่ในการพัดกระหน่ำของพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดอย่างแน่นอน

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ อายุแท้จริงของนางน่าจะมากกว่าอายุภายนอก แต่ไม่น่าจะต่างกันเกินไป

พลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายแล้ว หากยึดตามอายุ คงทำให้จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ต้องอับอายเหงื่อตก

ในโลกอื่นนอกจากโลกซ้อนโลกที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยไป นอกจากคนจำนวนน้อยนิด แค่ความเร็วในการฝึกฝนของสตรีนางนี้สามารถบดขยี้ทุกคนที่อยู่ในโลกแปดพิภพ หรือโลกผืนสมุทรได้แล้ว

เหวินลั่วเสียจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอด สีหน้าปรากฏแววฉงน

นางคารวะและขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกอ “เมื่อครู่โชคดีที่ท่านช่วยเหลือ ข้าถึงรอดมาได้ ขอขอบพระคุณ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้น “เกรงใจแล้ว ท่องโลกอยู่ด้านนอก มักเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทุกคนล้วนเป็นเหมือนกัน”

เหวินลั่วเสียพยักหน้า จากนั้นหางตาก็ชำเลืองมองผู้เป็นอาจารย์ คิดไต่ถาม

ไม่รอนางเอ่ยปาก เฉินจื้อเหลียงก็ส่งกระแสเสียง “อายุจริงแทบจะเหมือนกับอายุภายนอก ห่างกันไม่กี่ปี อย่างมากสุดอายุก็ไม่เกินสามสิบปี”

ดวงตาทั้งสองข้างของเหวินลั่วเสียฉายแววตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุม มองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง สายตาเปลี่ยนเป็นระวังตัวกว่าเดิมอย่างอดไม่ได้

ลูกศิษย์แห่งตงหนานมีจำนวนไม่กี่คนเท่านั้น

สิ่งที่สอดคล้องกับจำนวนก็คือ ผู้สืบทอดแต่ละครมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เหนือกว่าคนทั่วไป

เหวินลั่วเสียเคยเห็นอัจฉริยะมากความสามารถมามากมาย ตัวนางเองก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเช่นกัน ปกติจึงเห็นเหล่าอัจฉริยะจนชาชิน

ทว่าปัจจุบันเมื่อมองคนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเกือบสิบปี แต่กลับเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ เหวินลั่วเสียยังรู้สึกตื่นตะลึงอย่างหาได้ยาก

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชื่อเสียงขององค์ประมุขตงหนานเลื่องลือไปไกล เพียงแต่กลับไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบกับลูกศิษย์แห่งตงหนาน”