บทที่ 517
เมื่อเซียวฉางเฉียนได้ยินเช่นนั้น ก็ตะโกนกลับไปด้วยความโมโหว่า “หม่าหลัน หยุดพูดเลวทรามที่นี่ซะที!”
หม่าหลันกังวลและรีบโพล่งออกมาว่า “โอ้ นายไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ?โอเค งั้นฉันจะบอกนายให้ ถ้านายหาเฉียนหงเย่นเจอ งั้นฉันก็จะถือว่าฉันแพ้ก็แล้วกัน!”
เซียวฉางเฉียนโพล่งออกมาถามว่า “นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
หม่าหลันด่าว่า “หมายความว่ายังไงนายก็ไปคิดเอาเอง ตอนนี้ฉันเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว ขี้เกียจจะพูดกับนาย!”
เมือ่พูดจบหม่าหลันก็วางสายโทรศัพท์ทันที
เมื่อเซียวฉางเฉียนได้ฟังเสียงของที่ดูวุ่นวายและดูอารมณ์เสียในโทรศัพท์จนเกือบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปของหม่าหลันนั้น
แต่ก็มีเซียวไห่หลงที่มาหยุดเขาไว้และพูดว่า “พ่อ ท่านอย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การพาแม่กลับมา!”
เซียวไห่หลงนั้นไม่รู้เลยว่า ในตอนนี้แม่ของเขานั้นได้ถูกส่งไปหุบเขาในจิ้นซีเสียแล้ว แต่หากดูจากความสามารถของตระกูลเซียว ในชีวิตนี้ก็คงไม่มีปัญญาหาหล่อนเจอ
ในเวลานี้เอง เซียวเวยเวยที่อยู่ด้านข้าง ก็พูดชักชวนว่า “ใช่แล้วพ่อ!ท่านจะโกรธอะไร!หม่าหลันที่น่ารังเกียจนั่นพูดอะไรเหรอ?”
เซียวฉางเฉียนกล่าวด้วยความโกรธว่า “หม่าหลันบอกว่าแม่แกหนีไปกับไอ้หน้าขาวนั่นแล้ว!”
“ห้ะ?” เซียวไห่หลง เซียวเวยและนายหญิงใหญ่เซียวทุกคนต่างตกใจ!
“เลี้ยงดูไอ้แมงดานั่นเหรอ?!” นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโกรธๆว่า “เรื่องจริงเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้ครับแม่!” เซียวฉางเฉียนกล่าวอย่างกังวลและโกรธว่า “หม่าหลันพูดในโทรศัพท์แบบนี้ แถมยังบอกว่าหงเย่นหลอกผมให้ตั้งสำนักงานให้เธอ บอกว่าเธอโดนโกงมา แต่ในความจริงหงเย่นนั้นสร้างให้ผม ให้ผมวางใจ จากนั้นก็หาเวลาเพื่อที่จะหนีออกไป!”
เซียวไห่หลงโพล่งออกมาด้วยน้ำตาว่า “คนแซ่หม่านี่มันเลวทรามชาติหมาจริงๆ!แม่ผมจะไปเลี้ยงดูไอ้แมงดานั่นได้ยังไงกัน!ยิ่งหนีไปกับไอ้หน้าขาวนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย!”
สีหน้าของเซียวฉางเฉียนนั้นดูแปลกประหลาดและเขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องนี้ใครจะพูดได้ดีล่ะ?ตอนนี้ฉันกำลังคิดอย่างละเอียดว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างน่าสงสัย!”
“อะไรกัน?” เซียวไห่หลงและเซียวเวยเวยถามอย่างเร่งรีบว่า “ทำไมแม่ถึงดูน่าสงสัยล่ะ?”
เซียวฉางเฉียนกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมองว่า “ย่าของเธอต้องการให้ฉันจ่ายเงินแปดล้านให้ แต่แม่ของเธอไม่ยอม จึงเสนอโอนเงินให้เธอก่อน จากนั้นฉันก็พูดกับย่าของเธอว่า ตอนนี้กำลังให้ผู้จัดการบริหารแลกเงินนั่นมา ดังนั้นฉันถึงเอาบ้านราคาสิบห้าล้านนี้ไปให้แก่หล่อนไงล่ะ!”
นายหญิงใหญ่เซียวจ้องมองเซียวฉางเฉียนและตบหน้าเขาด้วยความโกรธ พร้อมกับสาปแช่งด้วยความโกรธว่า “แกไม่ได้บอกฉันว่ามีแค่สิบล้านเหรอ?!”
เซียวฉางเฉียนกำลังเร่งรีบ เขาจึงได้บอกความจริงออกมาตอนนี้กลับโดนตบหน้า เขารู้สึกน้อยใจและโกรธพร้อมกับพูดว่า “แม่!ไม่ใช่ท่านเองหรอที่ผมมีเงินสิบล้าน? ผมไม่ได้พูดสักหน่อย!”
นายหญิงใหญ่เซียวด่าด้วยความโกรธว่า “แล้วทำไมแกถึงไม่บอกความจริงกับฉันล่ะ?! ฉันเป็นแม่แก!ทำไมแกถึงไม่บอกความจริงกับฉันแล้วบอกว่าจริงๆแล้วแกมีเงินเท่าไหร่?!”
เซียวฉางเฉียนพูดไม่ออก
พูดจริงๆก็คือตนปกปิดจำนวนเงิน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเล่นลิ้น
นายหญิงใหญ่เซียวโกรธมากและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันคิดมาตลอดว่าแกกับน้องชายแกนั้นไม่เหมือนกัน คิดมาตลอดว่าแกมีความสามารถมากกว่าน้องชายแก คิดว่าแกมีเล่ห์เหลี่ยมมากว่าน้องแกและมีสายตาที่ดีกว่าน้องชายแก!แต่สิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงเลยก็คือ แม้แต่ฉันแก่ก็ยังโกหก!”
ขณะที่พูด นายหญิงใหญ่เซียวก็กัดฟันและพูดต่อว่า “ตอนนี้แกคงรู้แล้วล่ะว่าอะไรที่เรียกว่าคนฉลาดที่ถูกหลอกโดยคนฉลาดแล้วสินะ?แกไม่พูดความจริงกับฉัน แถมเงินก็ให้ภรรยาแกไปหมด ตอนนี้ล่ะ ดีแล้วก็เลยพากันหนีไป ส่วนพวกที่เหลือก็ซวยไปกันหมด!”
เซียวเวยเวยกัดฟันแล้วพูดว่า “ย่า แม่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะ!”
นายหญิงใหญ่เซียวหัวเราะเยาะและพูดว่า “ไม่ใช่คนแบบนั้น?แล้วแม่เธอตอนนี้ล่ะ?หายไปไหนแล้ว?ทำไมต้องหายตัวไปในเวลานี้?”
ด้วยเหตุนี้นายหญิงใหญ่เซียวจึงถามอย่างร้อนรนว่า “แถมแม่ของเธอยังพูดเองอีกว่า จะหาคนไปหลอกหม่าหลัน ทำไมคนที่ไปร่วมมือกับหล่อนถึงหายไปกันหมดล่ะ?เหลือแต่หม่าหลันไว้คนเดียว?สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก!”
เซียวไห่หลงโพล่งพูดออกมาว่า “เป็นไปได้ไหมว่าหม่าหลันเป็นคนทำ?เป็นไปได้ไหมว่าเธอกลับจับแม่ของผมไปแล้วจัดการกับคนที่ร่วมมือกับหล่อน?”
นายหญิงใหญ่เซียวกล่าวอย่างรังเกียจว่า “หม่าหลัน?คนปากร้ายอย่างหล่อนจะไปมีความสามารถทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?ก็เหมือนกับลุงคนรองของแกนั่นแหละ ที่โดนยัยปากร้ายนั่นวางแผนเอาไป ฉันจะไม่ขอเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับแม่ของแกที่ฉลาดกว่าหม่าหลันแค่สิบเท่าเองหรอกนะ ถ้าหล่อนอยากเล่นงานหม่าหลันจริงๆ หม่าหลันก็คงโดนเล่นไป ก็เท่านั้น!”
——–