เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1910 ทรัพยากรอมตะของทุกคน
คำกล่าวของฟางหยวนทําให้เฉินกงเจิ้งเงียบ
เขาลอยอยู่กลางอากาศและครุ่นคิด
ฟางหยวนหยุดโจมตีเฉินซานและให้เวลาเฉินกงเจิ้งไตร่ตรอง
สงครามหาภูมิภาคถูกคาดการณ์ไว้แล้วโดยกองกําลังใหญ่ทั้งหมด ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ที่ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เฉินกงเจิ้งไม่ใช่คนโง่ ผู้นํากองกําลังใหญ่ทุกคนสามารถมองการณ์ไกล พวกเขาต้องพิจารณาถึงทิศทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปในอนาคต
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากไม่ระวัง พวกเขาจะถูกคลื่นแห่งยุคสมัยกลืนกินและจมน้ําตาย
ในประวัติศาสตร์ แม้มันจะค่อนข้างสงบสุข แต่กองกําลังใหญ่จํานวนนับไม่ถ้วนก็ยังล่มสลายไป ในยุคที่ผู้อมตะระดับเก้าปรากฏตัวขึ้น ระเบียบของโลกใบนี้จะถูกพลิกคว่า ท่ามกลางความโกลาหล กองกําลังใหญ่มากมายจะถูกทําลายล้างหรือเติบโตขึ้น สถานการณ์ของห้าภูมิภาคจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แล้วพวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างไรในยุคสมัยเช่นนั้น?
นี่คือสิ่งที่ผู้อมตะทุกคนที่สามารถมองเห็นอนาคตต้องไตร่ตรอง
ตระกูลเฉินควรร่วมมือกับฟางหยวนหรือไม่? นี่คือคําถามที่เฉินกงเจิ้งต้องคิดในเวลานี้
ในแง่ของคุณสมบัติ ฟางหยวนมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะทํางานร่วมกับตระกูลเฉิน ในความเป็นจริงเฉินกงเจิ้งยังกังวลว่าตระกูลของเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน
อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถช่วยเฉินซานและแก้ไขภัยคุกคามที่ซ่อนเร้น รากฐานของตระกูลเฉินจะแข็งแกร่งพอที่จะสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน
ตระกูลเฉินต้องการพันธมิตรภายนอกเช่นฟางหยวน
มันอาจเป็นไปไม่ได้ในช่วงเวลาปกติ แต่ในอนาคตเมื่อสงครามหาภูมิภาคปะทุขึ้น มันมีโอกาสสูงที่ตระกูลเฉินจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและพบกับการทําลายล้าง
ในสถานการณ์เช่นนี้หากตระกูลเฉินสามารถจ่ายทรัพยากรอมตะเพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากฟางหยวน เหตุใดพวกเขาต้องลังเล?
ฟางหยวนครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เขามีมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าจํานวนมาก เขาสามารถเหยียบย่าวงสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก พลังการต่อสู้ระดับนี้เป็นสิ่งที่ทุกกองกําลังต้องการ
หากพวกเขาไม่ร่วมมือกับฟางหยวนตอนนี้ พวกเขาจะทําอย่างไรหากศัตรูที่แข็งแกร่งโจมตีพวกเขาในอนาคต
ตอนนี้ฟางหยวนกําลังต้องการทรัพยากรอมตะระดับต่าจํานวนมากเพื่อวางแผนต่อต้านวังสวรรค์จากการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความร่วมมือกับเขา!
เป็นดังคํากล่าวของฟางหยวน นี่เป็นโอกาสที่ดีสําหรับตัวเขาเองและตระกูลเฉิน
ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายของตนเอง
แน่นอนว่าเฉินกงเจิ้งยังมีความกังวลมากมายในการทํางานร่วมกับปีศาจเช่นฟางหยวน
ตัวอย่างเช่นฟางหยวนอาจกลับคําพูดในอนาคต เขายังมีอิสระที่จะทําสิ่งที่เขาปรารถนา แม้ตระกูลเฉินจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด
ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างข้อตกลงพันธมิตรที่นี่ ทั้งสองฝ่ายขาดพื้นฐานของความไว้วางใจ
แต่ในความเป็นจริง กระทั่งพวกเขาจะสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตร พวกเขาก็ยังสามารถทําลายมันได้ในภายหลัง
จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากฟางหยวนกลับค่าพูดในอนาคต?
มันมีความเสี่ยง แต่สิ่งใดบนโลกนี้ที่ไม่มีความเสี่ยง?
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงเป็นเรื่องรอง สิ่งสําคัญคือกาไร
เฉินกงเจิ้งไม่ต้องการทําสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ํา ในทางตรงข้าม หากความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนยิ่งสูงกว่า เฉินกงเจิ้งจะไม่มีวันปล่อยมันไป
สิ่งที่เฉินกงเจิ้งรู้สึกชื่นชมฟางหยวนมากที่สุดไม่ใช่พลังการต่อสู้แต่เป็นการตัดสินใจแบ่งปันภารกิจใก้กับกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินรวมถึงตัวเขาเอง
เหตุการณ์นี้บอกได้ว่าฟางหยวนแตกต่างจากปีศาจอมตะทั่วไป เขาเป็นคนมีเหตุผล เขามีความสามารถในการคิดและทําตัวเหมือนผู้อมตะฝ่ายธรรมะ
หลังจากครุ่นคิด เฉินกงเจิ้งก็พยักหน้าด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “นี่เป็นโอกาสสําหรับเจ้าและข้าจริงๆ ฮ่าฮ่า ตกลง มาลองเสี่ยงดู ในอนาคตหากบางคนยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาจะล้มลง หากบรรพชนเฉินซานฟื้นคืน สด ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดโจมตีเจ้า”
“นี่คือทรัพยากรอมตะระดับต่ําที่ข้ามีอยู่ในเวลานี้ โปรดรับมันไว้” เฉินกงเจิ้งแสดงความจริงใจของเขาออกมาอีกครั้ง
ฟางหยวนเก็บพวกมันเอาไว้และตอบกลับ “ดี ข้าจะลงไปรื้อถอนค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล”
การรื้อถอนค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเป็นงานหนักสําหรับฟางหยวน แต่ในที่สุดเขาก็ทําสําเร็จ
หากเขายังต่อสู้ต่อไป ก่อนที่เฉินซานจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลจะพังทลายลงเป็นอันดับแรก
เมื่อมันพังทลายลง วิญญาณอมตะอาจได้รับบาดเจ็บหรือถูกทําลาวิญญาณความเสียใจอาจสูญสลายไปเช่นกัน นี้เป็นสิ่งที่ฟางหยวนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ในความเป็นจริงมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟางหยวนต้องการสร้างความร่วมมือกับเฉินกงเจิ้ง
หลังจากค่ายกลวิญญาณอมตะถูกรื้อถอน เฉินชานก็ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
“บรรพชน” เฉินกงเจิ้งตะโกนเรียกแต่ยังล่าถอยออกไป
ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีล่าถอยเช่นกัน
เฉินซานยังคํารามอย่างบ้าคลัง เขาอยู่ในสภาพวิกลจริตและไม่มีสัญญาณที่จะตื่นขึ้นแม้แต่น้อย
“เฉินกงเจิ้ง เจ้าต้องการยืมมือข้าหรือไม่?” ฟางหยวนถาม
“ไม่จําเป็น” เฉินกงเจิ้งมองเฉินซานแต่ไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร “เราควรรอให้บรรพชนตื่นขึ้นด้วยตนเอง”
“ดี” ฟางหยวนกล่าวและนําเรือรบหมื่นปีถอยห่างออกไป
เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉินซานเริ่มเคลื่อนไหว เขาทะยานร่างออกไปราวกับลูกศร
“บรรพชน!” เฉินกงเจ๋งตะโกนและไล่ตามเฉินซาน
ฟางหยวนนาเรือรบหมื่นปีติดตามไปเช่นกัน
ฟางหยวนไม่กล้าใช้เรือรบหมื่นปีหยุดเฉินซานโดยตรง ด้วยเหตุนี้เฉินซานจึงสามารถบินออกจากทะเลปีศาจร่ําไห้
เฉินกงเจิ้งและฟางหยวนต้องการติดตามไปแต่พวกเขาไม่สามารถออกจากทะเลปีศาจร่ําไห้
“บัดซบ!” ใบหน้าของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นซีดขาว เขาตะโกนสาปแช่งเสียงดังด้วยความโกรธ
นี่เป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาไม่สามารถขัดขึ้น
เฉินกงเจิ้งและฟางหยวนทําได้เพียงมองเฉินซานบินหายไปในความมืดเท่านั้น
“ดูเหมือนเขาจะไม่ย้อนกลับมาแล้ว” ฟางหยวนถอนหายใจ
เฉินกงเจิ้งเฝ้ามองเป็นเวลานานก่อนจะฟื้นคืนสติ เขาหันหน้าไปทางฟางหยวนและฝืนยิ้ม “เช่นนั้นเราก็ควรกลับไปก่อน”
ฟางหยวนปลอบโยน “พี่เฉิน ไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไป แม้บรรพชนของท่านจะหายตัวไปในเวลานี้ แต่เขาไม่สามารถออกจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า หากเขาได้สติ เขาจะพยายามติดต่อท่านอย่างแน่นอน หากเขายังไร้สติ นั่นจะยิ่งง่ายสําหรับเรา หอคอยเกียรติยศจะไม่เฝ้ามองเขาทําลายสิ่งแวดล้อมและผู้คน ภารกิจใหม่จะปรากฏขึ้นและนําพวกเราไปพบกับบรรพชนของท่านเช่นเดียวกับภารกิจในครั้งนี้”
คํากล่าวของฟางหยวนสมเหตุสมผล เฉินกงเจิ้งต้องพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําอีกและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
บรรยากาศที่หอคอยเกียรติยศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
สองกลุ่มแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
กลุ่มแรกประกอบด้วยเมี่ยวหมิงเฉิน เจิ้งลั่วซือ ถูเทาเทา เฟิงเจียง และฮวาตี้
กลุ่มที่สองประกอบด้วยสมาชิกตระกูลเฉิน เหรินซิ่วผิง และตงฮัว
“ข้าสงสัยว่ามันกําลังเกิดสิ่งใดขึ้นที่ทะเลปีศาจร่ําไห้”
“หลังจากทั้งหมดเขาคือฟางหยวนที่สามารถเอาชนะวังสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาน่ากลัวจริงๆ”
“ตระกูลเฉินของเรามีผู้อมตะระดับแปดสองคนโดยเฉพาะบรรพชนเฉินซาน เราไม่จําเป็นต้องกลัวฟางหยวน”
“อย่าลืมว่าสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถเอาชนะวังสวรรค์เพราะพวกเขาอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา”
“แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเราถูกกําจัดโดยวิธีการของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาไม่สามารถต่อสู้กับฟางหยวน”
“เห้อ…”
ผู้อมตะตระกูลเฉินพูดคุยกันขณะที่กลุ่มของเมี่ยวหมิงเฉินเงียบ
พวกเขาต้องการกลับไปตรวจสอบสถานการณ์ แต่พวกเขาเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ที่ดุเดือด หากพวกเขาติดร่างแห พวกเขาอาจตายอย่างน่าอนาถ
ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงโชคอย่างโง่เขลา ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงต้องรออยู่ที่นี่
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็นําฟางหยวนและเฉินกงเจิ้งกลับมาพร้อมกัน
“พวกเขากลับมาแล้ว!”
เหตุใดบรรพชนเฉินซานไม่มาด้วย?
“ฟางหยวนยังมีชีวิตอยู่ บัดซบ!”
หัวใจของกลุ่มผู้อมตะสั่นไหวขณะที่การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางหยวน ขอบคุณสําหรับข้อมูล มันช่วยประหยัดเวลาและความพยายามของข้าได้มาก” เฉินกงเจิ้งกล่าว
ฟางหยวนยิ้ม “นี่คือความจริงใจของข้า ดังที่ข้ากล่าว เราต่างได้รับประโยชน์หากเราร่วมมือกัน”
กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงอีกครั้งและอีกครั้ง
‘เกิดสิ่งใดขึ้น!?’
‘พวกเจ้าฟังทะเลาะกันก่อนหน้านี้! เหตุใดตอนนี้พวกเจ้าจึงทําตัวราวกับสหายสนิท?’
‘บรรพชนเฉินซานอยู่ที่ใด?’
‘ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?’
กลุ่มผู้อมตะรู้สึกตกใจและประหลาดใจ
เฉินกงเจิ้งหัวเราะ “ข้าบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับฟางหยวนแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าจงนําทรัพยากรอมตะทั้งหมดที่มีออกมาให้เขา”
“อันใด?” กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินตกตะลึง
เฉินกงเจิ้งพยักหน้าและกล่าวซ้ํา “นี่คือข้อตกลงของเรา น่าทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดทั้งหมดของพวกเจ้าให้เขาเดี๋ยวนี้”
“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง…” ผู้อมตะตระกูลเฉินมองหน้ากัน
การแสดงออกของเฉินกงเพิ่งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “นี่คือคำสั่ง!”
กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินพูดไม่ออก
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของพวกเรากําลังคิดสิ่งใดอยู่ พวกเขากระทั่งสงสัยว่าเฉินกงเจิ้ง ถูกฟางหยวนควบคุมหรือไม่
อย่างไรก็ตามพวกเขายังต้องนําทรัพยากรอมตะออกมาส่งมอบให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนรับพวกมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
เขารู้ว่าคนเหล่านี้จะไม่นําทรัพยากรอมตะทั้งหมดของตนออกมา แต่นั่นไม่สําคัญเพราะฟางหยวนได้รับสิ่งที่เขาต้องการส่วนใหญ่มาแล้ว
หลังจากนั้นเฉินกงเจิ้งก็มองไปที่เหรินซิ่วผิงและตงฮัว
“พวกเราด้วยงั้นหรือ?” เหรินซิ่วผิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
สายตาของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นเย็นชา เขาพยักหน้า “ตระกูลเฉินจะตอบแทนพวกเจ้าสําหรับสิ่งนี้”
เหรินซิ่วผิงลอบสาปแช่งอยู่ในใจ
“ตระกูลเฉินของเจ้าร่วมมือกับฟางหยวนแต่มันเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร!?”
“ข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้งั้นหรือ? มันมากเกินไปแล้ว!”
เฉินกงเจิ้งเห็นความลังเลของเหรินซิ่วผิง เขายิ้มเล็กน้อย “แม่เจ้าจะไม่เชื่อใจข้า แต่เจ้าก็ควรเชื่อถือตระกูลเฉินของข้า เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของข้าไม่น่าเชื่อถืองั้นหรือ?”
“นายท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย แน่นอนว่าข้าเชื่อใจท่าน มันเป็นเพียงว่าข้าไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาเท่านั้น” เหรินซิ่วผิงหัวเราะและส่งมอบทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่ของเขาให้กับฟางหยวนด้วยความเจ็บปวด
การแสดงออกของตงฮัวยิ่งน่าเกลียดกว่า แต่นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทําตามเท่านั้น