บทที่ 1909 ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋ง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1909 ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋ง

 

‘เพลิงสีดําสามารถเปลี่ยนแปลง!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นเพลิงสีดําาเปลี่ยนเป็นหมอกสีขาวเงิน

 

หมอกสีขาวเงินดูไม่ต่างจากเพลิงสีดําแต่มันทําให้เฉินชานบ้าคลั่งมากขึ้น

 

เมื่อฟางหยวนยิงดาบรุ่งอรุณออกไปอีกครั้ง เขาพบว่ามันทําให้หมอกสีขาวเงินมีพลังมากขึ้น

 

ฟางหยวนเปลี่ยนไปใช้ดาบสายลม นั่นทําให้หมอกสีเงินอ่อนกําลังลงเล็กน้อย

 

หลังจากโจมตีไปชั่วขณะ หมอกสีขาวเงินก็กลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่

 

ดาบสายลมของฟางหยวนกลายเป็นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันอีกครั้ง

 

ฟางหยวนเริ่มทดลองและเปลี่ยนท่าไม้ตายไปเรื่อยๆ

 

หากเป็นผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาอาจหยุด แต่ฟางหยวนบ่มเพาะหลายเส้นทาง เขามีท่าไม้ตายมากมายที่แตกต่างกัน

 

ภายใต้การโจมตีของฟางหยวน เพลิงสีดํายังคงเปลี่ยนรูปลักษณ์และมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ

 

เมื่อเวลาผ่านไปอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองตัวก็ตายโดยปราศจากซากศพและเหลือเพียงเฉินซานเท่านั้น

 

“เดี๋ยว! ฟางหยวน ข้ามีสมบัติมากมายที่จะมอบให้เจ้า” เฉินกงเจิ้งไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป

 

ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหว

 

เขามองเฉินกงเจิ้งและยิ้ม “เจ้าต้องการให้ข้าปล่อยบรรพชนของเจ้าไปงั้นหรือ? เจ้าควรรู้ว่านี่คือปีศาจอมตะที่เทพอมตะสวรรค์พิภพกําหราบด้วยตนเอง เจ้าเห็นสภาพปัจจุบันของเขาหรือไม่ เขาบ้าไปแล้ว นี่คือภารกิจของหอคอยเกียรติยศ แต่เจ้ายังต้องการช่วยเขางั้นหรือ?”

 

เฉินกงเจิ้งมองเฉินซานที่อยู่ในเสาแสงและตัดสินใจ “ข้าเชื่อว่าความบ้าคลั่งนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว มีความเป็นไปได้ไม่มากที่บรรพชนเฉินซานจะตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งอย่างถาวร ข้าต้องการช่วยเขา”

 

“แล้วเจ้าจะจ่ายด้วยสิ่งใด?” ฟางหยวนถาม

 

“ลองดูสิ่งนี้” เฉินกงเจิ้งนําทรัพยากรอมตะออกมา

 

มันเป็นกระเป๋า

 

กระเป๋าใบนี้ไม่ใหญ่นัก มันมีขนาดเท่ากําปั้นมนุษย์ พื้นผิวของมันราวกับถูกตกแต่งด้วยอัญมณีสีน้ําเงิน

 

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเผยรอยยิ้ม “นี่คือกระเป๋าหน้าทองของนากทะเลสีน้ําเงิน”

 

นากทะเลสีน้ําเงินเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิด มันมักเดินทางไปมาระหว่างทะเลตะวันออกกับสวรรค์สีน้ําเงิน แต่ในปัจจุบันสวรรค์สีน้ําเงินแตกสลายไปแล้ว นากทะเลสีน้ําเงินจึงสูญพันธุ์ไปเช่นกัน ในอดีตผู้อมตะที่ล่านากทะเลสีน้ําเงินมากที่สุดคือผู้อมตะเถ่ากงเจีย

 

ผู้อมตะเฒ่ากงเจียเป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นากทะเลสีน้ําเงินที่เขาพยายามรวบรวมย่อมเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจโดยธรรมชาติ

 

กระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินคือมิดช่องว่างของมัน มีโลกใบเล็กอยู่ภายในซึ่งสามารถเก็บทรัพยากรอมตะเอาไว้หรืออาจผนวกมันเข้ากับมิติช่องว่างของผู้อมตะเพื่อเพิ่มขนาดถ้ําสวรรค์ของพวกเขา

 

ด้วยเหตุนี้นากทะเลสีน้ําเงินจึงถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะกระทั่งสูญพันธุ์ไปในที่สุด

 

กระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินถือเป็นสมบัติล้ําค่าโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่นากทะเลสีน้ําเงินสูญพันธุ์ไปแล้ว

 

กล่าวโดยสรุป มันเป็นสมบัติล้ําค่าและหายาก

 

ฟางหยวนคว่ากระเป๋าหน้าท้องนากทะเลสีน้ําเงินมาจากเฉินกงเจ๋ง

 

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา เขาก็เก็บมันเข้าไปในมิดช่องว่างจักรพรรดิ์ต่อหน้าเฉินกงเลิ้ง

 

จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้ม “มีสิ่งใดอีก?”

 

เฉินกงเจิ้งสูดหายใจลึกและนําไม้เท้าสีดําออกมา “สิ่งนี้”

 

เขาโยนไม้เท้าสีดําให้ฟางหยวน

 

ฟางหยวนคว้ามันไว้และรู้สึกถึงความหนัก

 

ไม้เท้าสีดํามีความสูงมากกว่าร่างกายของฟางหยวนและมีความหนาเท่ากับไข่ห่าน พื้นผิวของมันหยาบและให้ความรู้สึกเหมือนท่อนเหล็ก

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งชีวิตจากมัน

 

นี่คือพืชอสูรแรกกําเนิด!

 

แต่มันไม่มีราก ไม่มีกิ่ง ไม่มีใบ มันมีเพียงล่าต้นเท่านั้น

 

มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่หนาแน่นและเรืองแสงออกมาอย่างแผ่วเบา

 

“ต้นเหล็กดาวตก” ฟางหยวนกล่าว

 

เฉินกงเจิ้งพยักหน้า “ฟางหยวน เจ้าช่างรอบรู้นัก”

 

ต้นเหล็กดาวตกหายากมาก การดารงอยู่ของมันยังเป็นปริศนา มันสามารถดึงดูดดวงดาวบนท้องฟ้าให้ตกลงมาที่มันและกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 

ตามข่าวลือ เทพอมตะบัวสวรรค์เดินทางไปทั่วโลกเพียงลําพังเพื่อรวบรวมมัน

 

คุณค่าของต้นเหล็กดาวตกไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเองเท่านั้น

 

ด้วยการปลูกมันไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ มันสามารถสร้างระบบกลุ่มดาวขึ้นบนท้องฟ้า

 

เช่นเดียวกับกระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงิน ฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิอีกครั้ง

 

“มีสิ่งใดอีก?” ฟางหยวนยิ้ม “สิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับผู้อมตะระดับแปด”

 

เฉินกงเจิ้งกัดฟันกล่าว “ข้าแน่ใจว่าทรัพยากรอมตะชิ้นนี้สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้า”

 

ครั้งนี้เขานําก้อนน้ําออกมา

 

มีคลื่นเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของมันตลอดเวลา

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “คลื่นอลม่าน”

 

มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเก๋!

 

เพียงจุดนี้มันก็มีค่ามากกว่ากระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินและต้นเหล็กดาวตกรวมกันแล้ว

 

มันมีประโยชน์มากมาย

 

“ข้ามีคลื่นอลม่านสิบสองชิ้น ข้าจะมอบพวกมันให้เจ้าทั้งหมด” เฉินกงเจิ้งเสนอ

 

ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆ “ตระกูลเฉินสมกับเป็นมหาอํานาจของทะเลตะวันออกอย่างแท้จริง สมบัติของเจ้าน่าประทับใจมาก”

 

เฉินกงเจิ้งยิ้ม “ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

 

ฟางหยวนยังกล่าวต่อ “แต่นั่นยังไม่พอ”

 

“ยังไม่พอ?” รูม่านตาของเฉินกงเจิ้งหดเล็กลง

 

ฟางหยวนเย้ยหยันและเริ่มใช้ดาบรุ่งอรุณโจมตีเฉินชานอีกครั้ง

 

เฉินซานคารามอย่างบ้าคลั่ง

 

เฉินกงเจิ้งกัดฟันแน่น “บรรพชนของข้าบ้าไปแล้ว เขาไม่เหมือนผู้อมตะระดับแปดทั่วไป เราต่างรู้ดี”

 

“เจ้าไม่ได้เป็นคนกล่าวเองงั้นหรือว่าเขาจะไม่บ้าตลอดเวลา?” ฟางหยวนเย้ยหยัน

 

“ฟางหยวน!” เฉินกงเจิ้งกันเสียงเย็น

 

“ว่าอย่างไร?” ฟางหยวนยิ่งดาบรุ่งอรุณออกไปมากขึ้น

 

เฉินกงเจิ้งกัดฟันของเขาจนแทบแตกหัก “เอาล่ะ เจ้าต้องการสิ่งใดอีก วิญญาณอมตะงันหรือ?”

 

“ข้าไม่ได้โลภขนาดนั้น” ฟางหยวนสายศีรษะ “ข้าต้องการทรัพยากรอมตะแต่ไม่เหมือนทรัพยากรอมตะสามชนิดก่อนหน้า พวกมันมีระดับสูงเกินไป ข้าต้องการทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดจํานวนมาก ยิ่งหลากหลายยิ่งดี”

 

“ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออก พวกเจ้าเป็นเจ้าของทะเลขนาดใหญ่เจ็ดแห่ง ทะเลขนาดกลางและทะเลขนาดเล็กอีกหลายพันแห่ง พวกเจ้าจะมีผู้อมตะระดับแปดสองคนในอนาคตคําขอเล็กๆ น้อยๆเช่นนี้คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่?

 

“แน่นอนว่าไม่!” การแสดงออกของเฉินกงเจ๋งกลายเป็นจริงจัง “แต่ตระกูลเฉินของเราจะได้รับผู้อมตะระดับแปดที่บ้าคลั่งเป็นครั้งคราวและอาจเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนเร้น”

 

คำกล่าวของเฉินกงเจิ้งเป็นเรื่องจริงและสมเหตุสมผล

 

ความวิกลจริตของเฉินซานทําให้คุณค่าของเขาลดลงอย่างไม่สามารถปฏิเสธ อันตรายที่ซ่อนเร้นนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เฉินกงเจิ้งจะสามารถแบกรับ

 

ตระกูลเฉินต้องการผู้อมตะระดับแปดแต่พวกเขาไม่ต้องการผู้อมตะระดับแปดที่ไร้สติ

 

ผู้อมตะระดับแปดที่ไร้สติจะนําหายนะมาสู่ตระกูลเฉิน

 

เฉินกงเจิ้งมองเห็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่และรู้สึกกังวล เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยในการแก้ปัญหานี้

 

การนําทรัพยากรอมตะสามชิ้นออกมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเฉินซานถือเป็นการแสดงความจริงใจอย่างมากแล้ว

 

ฟางหยวนหัวเราะและชี้นิ้วไปที่เฉินซาน “เขาเป็นบรรพชนของเจ้า เจ้าควรช่วยเขา”

 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าจะไม่ใช่สิ่งเดียวที่เจ้าจะได้รับแต่เจ้าจะได้รับ..มิตรภาพ”

 

“โอ?” เฉินกงเจิ้งรู้สึกสนใจทันที “โปรดอธิบาย”

 

“ห้าภูมิภาคกําลังจะรวมเป็นหนึ่ง มันจะกลายเป็นโลกที่วุ่นวาย แม้ตระกูลเฉินจะอยู่ในทะเลตะวันออก แต่มันไม่ได้หมายความว่าวังสวรรค์จะไม่มาที่นี่ ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรมากที่สุด มันจะดึงดูดความโลภของผู้คนกระทั้งกําแพงภูมิภาคจะยังอยู่ แต่ผู้อมตะจํานวนมากก็เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อกําแพงภูมิภาคหายไป เจ้าคิดว่ามันจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต”

 

ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่เป็นมิตรมากขึ้น “ในสถานการณ์นี้เราจะแบ่งแยกฝ่ายธรรมะกับฝ่ายปีศาจ เพื่อสิ่งใด หากข้ากับตระกูลเฉินร่วมมือกัน มันจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าเราสามารถซ่อนความสัมพันธ์ของเรา ด้วยวิธีนี้ตระกูลของเจ้าจะได้รับความมั่งคั่งมากขึ้นขณะที่ข้าก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ”

 

“ภาคกลางแข็งแกร่งกว่าสีภูมิภาค หากพวกเขาโจมตีทะเลตะวันออกในอนาคต ตระกูลเฉินจะยอมจํานนหรือพึ่งพาเพียงตนเอง? กระทั่งพวกเจ้าจะยอมจํานน แต่กองกําลังใหญ่อื่นๆของทะเลตะวันออกจะยอมจํานนด้วยหรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดศัตรูจึงไม่เคยขาดแคลนแต่พันธมิตรเช่นข้านั้นหายาก”

 

“การพบกันของเราเป็นโอกาสที่ดี หากเราต่อสู้กัน เราจะกลายเป็นคนแพ้ทั้งคู่ ในทางตรงข้าม หากเราช่วยเหลือกัน เราจะชนะไปด้วยกัน ปัจจุบันเราจะร่วมมือกันความรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพและช่วยเหลือเฉินซาน ในอนาคตเราจะร่วมมือกันต่อต้านภาคกลางและพิชิตโลกทั้งใบ!”