เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1908 เพลิงสีดํา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้ง ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างทารกอมตะเผยจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันออกมาในเวลานี้
ตลอดมาฟางหยวนพยายามหลีกเลี่ยงข้อบกพร่องนี้ แต่ท่าไม้ตายของเฉินซานแปลกประหลาดเกินไป ฟางหยวนไม่สามารถป้องกันมัน
หลังจากทั้งหมดผู้ใดจะคิดว่าเพลงกลางคืนจะเป็นเพียงกับดัก
อาการบาดเจ็บของเฉินซานส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเนื่องจากท่าไม้ตายอมตะบาดเจ็บร่วมกัน
แต่ด้วยร่างทารกอมตะที่ไม่มีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มันทําให้อาการบาดเจ็บของฟางหยวนรุนแรงมากขึ้น
โชคดีที่วิธีรักษาทุกประเภทส่งผลกระทบต่อร่างทารกอมตะได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
ดังนั้นวิธีการรักษาของฟางหยวนจึงมีประสิทธิภาพสูงมาก อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บสาหัส!
เฉินซานหัวเราะและทําร้ายตนเองด้วยการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้น
ร่างของฟางหยวนสั่นสะท่านอย่างรุนแรง เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา
“ไม่ ในแง่ของวิธีรักษา ข้าไม่สามารถแข่งขันกับเฉินซาน ข้าต้องหาวิธีอื่น” ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้อย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บสาหัส!
ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บสาหัส!
ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บสาหัส!
เฉินซานยังทําร้ายตนเองต่อไปราวกับคนบ้า เขาหัวเราะเสียงดังขณะที่เลือดไหลออกมาจากปากของเขา
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกประหลาดและทําให้ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกตกตะลึง
เมี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆแสดงออกด้วยความกังวล พวกเขาหวาดกลัวมาก
ในทางตรงข้าม กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินรู้สึกตื่นเต้น
แม้พวกเขาจะไม่เห็นอาการบาดเจ็บของฟางหยวน แต่พวกเขาตระหนักว่าเรือรบหมื่นปีกําลังล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
“บรรพชนเฉินซานบังคับให้ฟางหยวนล่าถอย น่าประทับใจนัก!” เฉินกงเจิ้งตื่นเต้นมาก
ดวงตาของเมี่ยวหมิงเฉินส่องประกายขึ้น เขาคิด ‘สถานการณ์นี้ไม่เป็นผลดีต่อฟางหยวน แม้เขาจะมีเรือรบหมื่นปี แต่วิธีการของเฉินซานสามารถทะลวงผ่านมันและโจมตีฟางหยวนได้โดยตรง นอกจากนี้ฟางหยวนก็เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่เฉินซานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง’
กุ้ยฉีเย่และถูเทาเทาสับสน ‘เฉินซานผู้นี้ถูกกําหราบโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาไม่ปกติ เขามีชีวิตอยู่มานาน สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือเขาไม่ขาดวิญญาณอมตะ! เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้ทําลายหรือนําวิญญาณอมตะของเขาไปงั้นหรือ?’
“หือ?” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเฉินซานกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
ความประหลาดใจและความสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ความเชื่อมต่อระหว่างเขากับฟางหยวนอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนทําสิ่งใด?
เขาทําลายหรือหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อนี้ได้อย่างไร?
ท่าไม้ตายอมตะ ชําระล้างตัวเอง!
ท่าไม้ตายนี้สามารถกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายนี้ ลบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางมนุษย์และเส้นทางแห่งเสียงออกจากร่างกายของเขา
ดวงตาของเฉินซานส่องประกายขึ้น เขาเริ่มทําร้ายตนเองด้วยพลังที่เพิ่มมากขึ้น นั่นทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางมนุษย์ปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนอีกครั้ง
ตราบเท่าที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางมนุษย์ยังอยู่บนร่างของฟางหยวน เขาจะสามารถใช้การเชื่อมต่อนี้โจมตีฟางหยวน
แต่ฟางหยวนมีวิธีต่อต้านมันแล้ว เขาสามารถรักษาเสถียรภาพ
เรือรบหมื่นปีบินกลับมาขณะที่เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “ถึงคราวของข้าแล้ว เฉินซาน!”
สนามรบสิบสองราศี!
“บึม!”
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ยักษ์หินสีทองปรากฏตัวขึ้น
มันใช้มือทั้งสองคว้าจับเฉินซานแต่ฝ่ายหลังยังสามารถล่าถอยออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน ยักษ์หินพยายามจับเฉินซานแต่ไม่ได้โจมตีอย่างรุนแรง
ยักษ์หินทรงพลังมาก แม้มันจะไม่ได้อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาแต่มันยังมีพลังอํานาจระดับแปด
เฉินซานไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบเลี่ยง
การต่อสู้เข้าสู่สภาวะชะงักงัน
เฉินซานพยายามหลบยักษ์หิน ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะทําร้ายตนเอง
ฟางหยวนที่อยู่ในเรือรบหมื่นปีรักษาตนเองและชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางมนุษย์อย่างต่อเนื่อง
เรือรบหมื่นปีและยักษ์หินร่วมมือกันไล่ล่าเฉินซาน นั่นทําให้เฉินซานตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ทุกครั้งที่เขากําลังจะถูกจับ เขาจะกรีดร้องและส่งคลื่นเสียงระเบิดออกมาเพื่อเปิดทางให้กับตนเอง
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่หยุดยั้งและส่งผลกระทบต่อผู้อมตะที่อยู่รอบๆมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดสวาตี้และเฟิงเจียงก็ถูกบังคับให้ออกจากสนามรบ
หลังจากนั้นผู้อมตะตระกูลเฉิน เมี่ยวหมิงเฉิน และคนอื่นๆก็ถูกบังคับให้จากไปเช่นกัน
สุดท้ายมีเพียงเฉินกงเจิ้งที่ถูกทิ้งไว้ในสนามรบ ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติที่จะเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้
การแสดงออกของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นมืดมน
ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินซานถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลําบาก
เด็กผู้นี้มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา เขาสามารถทํางานหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน นี่ทําให้ข้ากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เฉินซานกัดฟันแน่น ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตกลงไปในหนองน้ํา ยิ่งเขาดิ้นรนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งจมลงไปมากเท่านั้น
การต่อสู้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว
ฟางหยวนเดินออกมาที่ดาดฟ้าเรือ เขาชี้นิ้วไปที่เฉินซานและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาออกมา
เฉินซานถูกโจมตีโดยไม่ได้ตั้งตัว เขาไม่สามารถหลบเลี่ยง หลังจากถูกโจมตี การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงครึ่งหนึ่ง
ยักษ์หินฉวยโอกาสนี้คว้าร่างของเฉินซานเอาไว้
เฉินซานหัวเราะเสียงดังและตะโกนโดยไม่เกรงกลัว “ฆ่าข้า!”
ฟางหยวนกันเสียงเย็น เขาสั่งยักษ์หินให้ใช้นิ้วทั้งสิบกักขังเฉินซานเอาไว้และป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนไหว
หลังจากเข้าใจวิธีการต่อสู้ของเฉินซาน ฟางหยวนก็สามารถตอบโต้ได้อย่างง่ายดาย ตราบเท่าที่เขาถูกจับ และไม่ถูกทําร้ายฟางหยวนจะปลอดภัย
เฉินซานดิ้นรนและกรีดร้องอย่างหนักแต่ยังไม่สามารถหลบหนี
เฉินกงเจิ้งต้องการช่วยแต่เขากลับได้รับบาดเจ็บจากฟันเฟืองของท่าไม้ตายที่ล้มเหลว เขาไม่สามารถหลบหนีจากข้อกําจัดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ
“ในที่สุดข้าก็ทําสําเร็จ” ฟางหยวนถอนหายใจ
เฉินซานมีความสามารถสมคําร่ําลือ
วิธีการของเขาทั้งแปลกประหลาดและไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องเผยไพ่ตายที่ซ่อนไว้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ฟางหยวนก็ยังสามารถหลบหนีกลับไปยังเกาะเริ่มต้น
“อ๊าก…” ทันใดนั้นเฉินซานพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
คิ้วของฟางหยวนขมวดเข้าหากันอย่างช้าๆ
การแสดงออกของเฉินซานค่อนข้างแปลก ก่อนหน้านี้เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้เขากลับกรีดร้องราวกับกําลังพบกับความทุกข์ทรมานบางอย่าง ดวงตาสีแดงค่ําของเขาเปลี่ยนเป็นสีดําสนิท
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา เปลวเพลิงสีดําเริ่มลุกไหม้ขึ้นบนร่างกายของเฉินซาน
ท่ามกลางกองเพลิง ร่างของเฉินชานกระตุกอย่างต่อเนื่อง น้ําลายไหลออกมาจากปากของเขา ขณะที่เขาคํารามราวกับสัตว์ป่า
เพลิงสีดําลุกลามไปถึงมือของยักษ์หิน ยักษ์หินกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลังจากมือของยักษ์หินสัมผัสเพลิงสีดำ มันเริ่มละลาย
สายตาของฟางหยวนกลายเป็นเย็นชา พลังอํานาจของเพลิงสีดําเหนือกว่าความคาดหมายของเขา
เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มเลวร้าย ฟางหยวนหยุดใช้สนามรบสิบสองราศีทันที
ยักษ์หินหายตัวไปขณะที่อสูรปีแรกกําเนิดสิบสองตัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ท่ามกลางพวกมัน อสูรปีแรกกําเนิดสองตัวถูกเพลิงสีดําเผาไหม พวกมันกลิ้งอยู่กลางอากาศและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
โชคดีที่อสูรปีแรกกาเนิดอีกสิบตัวตระหนักถึงภัยคุกคามและสามารถหลบหนีจากเพลิงสีดําได้ทันเวลา
ฟางหยวนกับเฉินกงเจิ้งขมวดคิ้วลึก
เพลิงสีดําเหล่านี้แปลกประหลาดเกินไป ทั้งสองไม่รู้ว่ามันเป็นเพลิงชนิดใด
ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรงจากมัน
เพลิงสีดําเหมือนศัตรูของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
อสูรปีแรกกําเนิดสองตัวที่ถูกเผาเริ่มร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า
ฟางหยวนสังหรณ์ว่าหากพวกมันตกลงไปในทะเล เพลิงสีดําจะทําให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
แต่เขาไม่ได้ทําสิ่งใด เขาเข้าไปในเรือรบหมื่นปีและเร่งล่าถอย
เฉินซานลอยอยู่กลางอากาศและกรีดร้องราวกับคนบ้า
เฉินกงเจิ้งเรียกเขาหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เฉินกงเจิ้งเลือกที่จะหลบหนีอย่างชาญฉลาด
ขณะที่อสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองกําลังจะตกลงไปในน้ํา เสาแสงสีขาวทองลับลึกก็พุ่งขึ้นจากใต้ทะเลและส่งอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ค่ายวิญญาณอมตะใต้ทะเลที่เหลืออยู่ระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่
แสงสีขาวทองขยายออกไปถึงเฉินซานเช่นกัน
เพลิงสีดํายังคงแผดเผาเฉินซานและอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองแต่เสาแสงสีขาวทองทําให้ทั้งสามไม่สามารถเคลื่อนไหว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้เฉินกงเจิ้งตกตะลึง
ขณะเดียวกันฟางหยวนก็ฉวยโอกาสส่งดาบรุ่งอรุณพุ่งเข้าโจมตีเฉินซาน
“หยุด!” เฉินกงเจิ้งกรีดร้องด้วยความกังวล
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและยิ่งดาบรุ่งอรุณออกไปมากขึ้น
เฉินกงเจิ้งทําได้เพียงเฝ้ามองและไม่สามารถทําสิ่งใด
ฟางหยวนส่งดาบรุ่งอรุณอีกกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองของเขา
การโจมตีของดาบรุ่งอรุณทําให้เพลิงสีดําอ่อนกําลังลงเล็กน้อย
ดาบรุ่งอรุณเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดแต่มันแทบไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเพลิงสีดำ!
ฟางหยวนยังโจมตีต่อไป แต่ทันใดนั้นเพลิงสีดํากลับเกิดการเปลี่ยนแปลง มันค่อยๆกลายเป็นหมอกสีขาวเงิน