ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การคาดเดาของตงหลิงหวงเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันทีที่นางพูดจบ ภายในหอสูง ฮ่องเต้หลู่ที่รับประทานยาวิเศษจินตานเข้าไปก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ร่างกายของฮ่องเต้หลู่ราวกับแข็งแกร่งขึ้นมากในชั่วพริบตา กล้ามเนื้อบนร่างของเขาปูดออกมา และดวงตาดำขลับก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดดั่งเปลวเพลิงแผดเผา
ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวอย่างมาก พื้นบนหอสูงทรุดตัวลงทันทีที่เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า
ในงานเลี้ยงที่อยู่ห่างออกไป ขุนนางหลายคนล้วนเห็นเหตุการณ์นี้ ขุนนางบางคนที่ขลาดกลัว เมื่อเห็นสิ่งนี้ก็ตกใจมากจนหลบใต้โต๊ะ
สายลมหนาวเหน็บพัดผ่าน ต้นหญ้าจำนวนมากปลิวไสว เส้นผมของฮ่องเต้หลู่ที่อยู่บนหอสูงพลิ้วไหวตามสายลม ราวกับปีศาจดุร้ายท่ามกลางสายลมหนาว
เขายกมือขวาขึ้น ทันใดนั้น หอกยาวสามแฉกก็ปรากฏในมือ
ตงหลิงหวงและเหล่านักฆ่าฉีเฟิงยืนอยู่ด้านล่างของหอสูง ใกล้ๆ กับฮ่องเต้หลู่ จึงมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดได้ชัดเจนกว่าผู้อื่น ทุกคนต่างขมวดคิ้ว
นักฆ่าฉีเฟิงสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ไม่เคยอ่อนแอหรือหวาดกลัว เพียงพวกเขาชี้เป้าเหยื่อ ย่อมไม่เคยพลาด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฮ่องเต้หลู่ที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ ในใจกลับไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย
เนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ในอาณาจักรเทียนเหอ
ฮ่องเต้หลู่เดินไปข้างหน้าและกระทืบเท้าอีกครั้ง ครึ่งหนึ่งของหอสูงทรุดตัวลง ดวงตาทั้งสองลุกโชนดั่งเปลวเพลิง เขาจ้องไปที่ตงหลิงหวงและคนอื่นๆ พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความยั่วยุ
ตงหลิงหวงสะบัดพัดเหล็กในมือ หมายจะเข้าไปต่อสู้ ทว่ากลับถูกองครักษ์ฉีเฟิงที่อยู่ข้างกายผู้หนึ่งห้ามไว้
“องค์รัชทายาท ให้กระหม่อมและคนอื่นๆ ต่อสู้เป็นแนวหน้าก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตงหลิงหวงไม่พูดสิ่งใด นางถอยไปก้าวหนึ่งเพื่อให้พื้นที่แก่นักฆ่าฉีเฟิง
นักฆ่าทั้งห้ายืนอยู่ด้านหน้าตงหลิงหวงด้วยไอสังหารเยือกเย็น ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง พัดเอาไอสังหารอย่างรุนแรงที่ไม่ด้อยไปกว่าฮ่องเต้หลู่ที่อยู่บนหอสูง
ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็ตะโกนว่า “ช้าก่อน! ”
นักฆ่าทั้งห้ากำลังจะพุ่งเข้าโจมตีพลันหยุดชะงัก ตงหลิงหวงยกมือขวาที่สวมแหวนเก้ามังกรขึ้น จากนั้น กระบี่วิเศษห้าเล่มที่เปล่งแสงสว่างก็ถูกเรียกออกมาจากแหวนเก้ามังกร และปรากฏในมือของนักฆ่าทั้งห้าคน
เหล่านักฆ่ามองไปยังกระบี่วิเศษในมือด้วยแววตาเป็นประกาย
แสงสว่างเยือกเย็นที่ไม่ธรรมดาเหล่านั้นเล็ดลอดออกมาจากกระบี่ แม้จะไม่ใช่กระบี่โบราณ ทว่าต้องเป็นกระบี่วิเศษจากนักตีกระบี่ที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
ใช่แล้ว กระบี่เหล่านี้เป็นกระบี่วิเศษที่ตงหลิงหวงรวบรวมไว้ระหว่างอยู่ในเส้นทางลับในเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ทั้งหมดเป็นกระบี่วิเศษในสุสานค่ายกลกระบี่เจี้ยนหลินของนักพรตแห่งโลกวิญญาณ
เนื่องจากนางพบว่า การเปลี่ยนแปลงของฮ่องเต้หลู่หลังจากทานยาวิเศษจินตาน คล้ายกับรูปแบบการบำเพ็ญเพียรเข้าสู่จิตมารของนักพรตแห่งโลกวิญญาณ หากนางคาดเดาไม่ผิด วิธีการของฮ่องเต้หลู่ครั้งนี้คงมาจากกระบวนท่าการฝึกตนของนักพรตแห่งโลกวิญญาณที่หลงเหลือและสืบทอดต่อกันมาแน่นอน
การใช้กระบี่วิเศษในสุสานค่ายกลกระบี่เจี้ยนหลินของนักพรตแห่งโลกวิญญาณ เพื่อต่อสู้กับวิชาของนักพรตแห่งโลกวิญญาณ ตงหลิงหวงต้องการดูว่ากระบี่วิเศษเหล่านี้มีพลังร้ายกาจ หรือว่าวิชามารของฮ่องเต้หลู่จะร้ายกาจมากกว่า
ดวงตาของนักฆ่าฉีเฟิงเป็นประกาย “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่มอบกระบี่เหล่านี้ให้! ”
“ไปเถิด! ระวังตัวด้วย หากเจ้าชนะ ต่อไปกระบี่เหล่านี้ก็เป็นของเจ้า! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
การตกรางวัลก่อนการต่อสู้นั้น เป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีและยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เหล่านักฆ่า นักฆ่าทั้งห้ามีกำลังใจเปี่ยมล้น พวกเขายกกระบี่วิเศษขึ้นและกระโดดจู่โจมไปยังฮ่องเต้หลู่อย่างรวดเร็ว
ทว่าอย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด ฮ่องเต้หลู่ที่ยืนอยู่บนหอสูงไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด กระบี่วิเศษในมือของนักฆ่าทั้งห้าแทงเข้าไปในร่างของฮ่องเต้หลู่อย่างไร้ความปรานี
ทุกคนในงานเลี้ยงที่อยู่ไกลออกไปต่างสูดลมหายใจเย็นเฉียบลึกๆ หลายคนไม่กล้าหายใจดัง แม้แต่เหล่าองครักษ์และองครักษ์เงาที่กำลังต่อสู้อยู่ยังเกิดความลังเล
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่นมากยิ่งขึ้น
ทว่าในเวลาต่อมา บางสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่วิเศษทั้งห้าที่แทงไปยังจุดตายของฮ่องเต้หลู่ หรือไม่ว่ากระบี่ใดๆ ฮ่องเต้หลู่ต้องถูกสังหารจนสวรรคตทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเขากลับไร้การตอบสนอง ไม่มีเลือดสักหยดไหลรินออกมา
ดูเหมือนกระบี่วิเศษทั้งห้าเล่มไม่ได้แทงไปที่ร่างของมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ ทว่าเป็นร่างที่สร้างขึ้นจากทราย หิน และหุ่นฟาง
นักฆ่าฉีเฟิงทั้งห้าตกตะลึงและขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็ยกมือขึ้นราวกับพัด จากนั้นก็โยนพวกเขากระเด็นออกไป
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าฮ่องเต้หลู่ในเวลานี้มีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด ทว่าเมื่อเขายกแขนขึ้นเล็กน้อย ร่างของนักฆ่าฉีเฟิงทั้งห้าก็ร่วงหล่นราวกับใบไม้ที่ลอยออกไปไกล และตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็กระอักเลือดและเสียชีวิตในทันที
เหล่าขุนนางในงานเลี้ยงที่อยู่ไกลออกไปรู้สึกถึงความหนาวเย็นอันชั่วร้าย บางคนหวาดกลัวจนเสียขวัญ
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่น ดวงตาสดใสและสวยงามปรากฏความเคร่งขรึมราวกับสระน้ำลึกอันเย็นยะเยือก
นางขยับมือขวาเล็กน้อย กระบี่วิเศษทั้งห้าเล่มหลุดจากมือของนักฆ่าฉีเฟิงที่เพิ่งเสียชีวิต และลอยกลับไปที่แหวนเก้ามังกรในมือของนาง
แม้บทเรียนก่อนหน้าจะน่าอนาถอย่างมาก ทว่านักฆ่าฉีเฟิงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ข้างหลังนาง กลับไม่หวาดกลัวแต่อย่างใดและยังคงเดินหน้าต่อไป
“องค์รัชทายาท ให้พวกกระหม่อมลองดูอีกครั้ง! ”
ตงหลิงหวงกล่าวด้วยน้ำเสียงโทนต่ำและเย็นชา “ไม่จำเป็น! ”
หากเจ้าไปก็เท่ากับไปตายเปล่า เปล่าประโยชน์
นักฆ่าฉีเฟิงผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักและมีพลังที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาใช้ความพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนพรสวรรค์เหล่านี้ ไม่ได้ใช้เพื่อเป็นแพะรับบาปแทนเจ้านายในช่วงเวลาวิกฤติ
กระบวนท่าที่ฮ่องเต้หลู่ใช้ในตอนนี้คือพลังวิเศษในอาณาจักรซิวเสวียน ทั้งยังเป็นพลังมารอีกด้วย พลังวรยุทธ์ทั่วไปในอาณาจักรเทียนเหอไม่สามารถต่อกรกับเขาได้
ดังนั้น นางจึงต้องลงมือเอง
ฮ่องเต้หลู่ยืนบนหอสูง พลางกวาดสายตามองทุกคนในสวนดอกไม้ด้วยความเดือดดาล รวมถึงลูกน้องของเขาและบุตรชายของเขา ตงหลิงจวิ้น จากนั้นจึงหยุดสายตาไว้ที่ศพของซินหรูที่นอนอย่างสงบนิ่งบนพื้นในระยะไกล ก่อนจะหันไปมองที่ร่างของตงหลิงหวง
เมื่อมองไปที่ตงหลิงหวงและคนอื่นๆ เขาราวกับจอมมารที่มองสิ่งมีชีวิตดั่งมดปลวก
“นางตัวแสบ หากวันนี้เจ้ายอมคุกเข่ากล่าวคำอวยพรแก่ข้าและปลิดชีพตนเอง ข้าจะไว้ชีวิตคนเหล่านี้และปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่เช่นนั้น… คนทั้งหมดของเจ้ากับบิดาของเจ้า และชาวบ้านที่อยู่ฝ่ายเจ้า อย่าคิดว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียว วันนี้ทุกคนต้องถูกฝังอยู่ที่นี่! ”
ตงหลิงหวงคิดไม่ถึง เดิมทีนางคิดว่าตงหลิงชางทำเพียงเพราะต้องการพระราชอำนาจ ทำเพื่อชิงบัลลังก์ กลับไม่คาดคิดว่าเขาจะบ้าคลั่ง เป็นคนไร้มนุษย์ธรรม ไร้ความปรานี แม้แต่ชีวิตของขุนนางในราชสำนักและชาวบ้านตาดำๆ ก็ไม่ละเว้น
คนเช่นนี้ หากตงหลิงหวงตายไปและมอบดินแดนแคว้นตงเฉินให้เขา เขาคงไม่สามารถนำสันติสุขมาสู่ประชาชนเป็นแน่
ไม่ได้อย่างแน่นอน!
แววตาของตงหลิงหวงทอประกายเย็นชา นางค่อยๆ ยกพัดเหล็กในมือขึ้น แสงเย็นเฉียบบนพัดเหล็กกวาดผ่านต้นหญ้าทุกต้นที่อยู่เบื้องหน้า รวมทั้งฮ่องเต้หลู่ที่ยืนอยู่บนหอสูง
จากนั้นจึงเหาะขึ้นไปโดยไม่พูดสิ่งใด…