หลังจากคำนั้นถูกเปล่งออกมา ร่างของตงหลิงจวิ้นพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาค่อยๆ ลืมตาที่เศร้าโศกและมองไปยังฮ่องเต้หลู่ที่อยู่เบื้องหน้า
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ทว่าเขาไม่รู้จักเสด็จพ่อของตนเองอีกต่อไป
เมื่อครู่ เขายังพูดกับเสด็จแม่ที่หายใจรวยรินว่าตนเองไม่ต้องการแผ่นดินหรืออำนาจกษัตริย์ อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าสภาพอารมณ์ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
เขาสามารถเปลี่ยนขาวเป็นดำได้ในชั่วพริบตา…
เหล่าองครักษ์หยุดชะงักชั่วขณะ ไม่กล้าเดินมาข้างหน้า พวกเขาทั้งหมดค่อยๆ พุ่งเป้าไปที่ตงหลิงหวง
ฮ่องเต้หลู่จ้องตงหลิงจวิ้นด้วยสายตาเฉียบคมราวกับมีด
“เราหวนนึกถึงตอนที่เจ้ายังเด็กและไร้เดียงสา เจ้ากำลังถูกโจรกบฏหลอกลวงจึงเลอะเลือนไปชั่วขณะ เพียงเจ้ากลับใจ เจ้ายังเป็นบุตรชายของข้า ข้าจะฝังเสด็จแม่ของเจ้าในสุสานกษัตริย์ในฐานะของฮองเฮา ขอเพียงตงหลิงหวงตาย ต่อไปในอนาคต เจ้าจะเป็นรัชทายาท หลังจากข้าสวรรคต แคว้นนี้ แผ่นดินทั้งหมดในใต้หล้า หรือแม้แต่อาณาจักรเทียนเหอทั้งหมดจะเป็นของเจ้า”
ตงหลิงจวิ้นกัดฟันจนตัวสั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม และไม่พูดอันใดแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้หลู่หรี่ตาลงพลางก้าวไปทางตงหลิงจวิ้น และยื่นมือออกไป
“มานี่! ”
ดวงตาของตงหลิงจวิ้นมองฝ่ามือของฮ่องเต้หลู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง… ขณะที่ฮ่องเต้หลู่คิดว่าตงหลิงจวิ้นจะยอมรับข้อตกลงอย่างชาญฉลาด กลับไม่คิดว่าเขาจะคว้ามือของฮ่องเต้หลู่ ก่อนจะกัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วนางที่สวมแหวนหยกกษัตริย์อย่างไร้ความปรานี
ฮ่องเต้หลู่ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดและกัดฟันแน่น ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอันตราย จากนั้นจึงโยนตงหลิงจวิ้นออกไป
“เจ้าลูกหมาป่า ไม่คิดเลยหรือว่าใครกันแน่ที่ให้เขี้ยวเล็บแก่เจ้า แม้แต่เสด็จพ่อของเจ้ายังกล้ากัดอีก”
ตงหลิงจวิ้นและฮ่องเต้หลู่อยู่บนเวทีสูง ฮ่องเต้หลู่มีพลังแข็งแกร่งมาก ท่ามกลางความโกรธนั้น ทำให้เขาแทบใช้แรงทั้งหมด
ตงหลิงจวิ้นถูกโยนห่างออกไปหลายจั้ง หลังจากตกลงบนพื้นก็กลิ้งไปอีกหลายตลบถึงจะหยุด
ทว่าเขาไม่ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และไม่มีท่าทีขลาดกลัวแม้แต่น้อย เขามองกลับไปที่ฮ่องเต้หลู่บนแท่นสูงอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
หลังจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ตงหลิงจวิ้นจึงยื่นนิ้วโป้งไปทางฮ่องเต้หลู่ และค่อยๆ พลิกนิ้วโป้งลงพื้นอีกครั้ง
ฮ่องเต้หลู่กัดฟันกรอด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ”
ที่มุมปากของตงหลิงจวิ้นยังมีเลือดไหลออกมา ทว่าเขาพยายามยกยิ้มเยาะเย้ยอันแปลกประหลาด
“เจ้าไม่คู่ควรเป็นบิดาของข้าตงหลิงจวิ้น ข้าตงหลิงจวิ้น ในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในสายตา”
ในฐานะที่เป็นบุตร กลับดูถูกบิดาของตนเอง…
ชัดเจนว่าตอนนี้ ฮ่องเต้หลู่เป็นเจ้าครองแคว้นตงเฉิน เป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจสูงสุดในแคว้นตงเฉิน และมีฐานะสูงส่ง
ทว่าเวลานี้ ท่าทางอันทรงอำนาจบนร่างของเขาพลันสูญสลาย ดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวเล็กน้อย
กลิ่นอายความโหดร้ายทั่วร่างของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ตอนที่ตงหลิงจวิ้นบอกว่าตลอดชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา ใบหน้าและการแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ทว่ารัศมีบนร่างของเขาอ่อนกว่าตงหลิงจวิ้นมาก
มีพระราชอำนาจของราชาแล้วจะมีประโยชน์อันใด? ควบคุมชะตาชีวิต ความเป็นความตายในใต้หล้าได้แล้วอย่างไร?
ในใต้หล้านี้ ต่อให้ท่านแข็งแกร่งเพียงใด ขอเพียงใจของใครบางคนไม่อยู่กับท่านและไม่ยึดติดกับท่านอีกต่อไป ไม่ว่าท่านจะสูงส่งและสูงศักดิ์เพียงใด ก็อ้างว้างโดดเดี่ยวไม่ต่างอันใดกับสุนัขตัวหนึ่ง
ความรักก็เป็นเช่นนี้ สายใยครอบครัวก็เป็นเยี่ยงนี้เช่นกัน
ไม่รู้ว่าในใจของฮ่องเต้หลู่กำลังคิดสิ่งใด เขาไม่ได้พูดอันใดกับตงหลิงจวิ้น และไม่หันไปมองตงหลิงจวิ้นอีกเลย จากนั้นจึงโน้มตัวลงอุ้มร่างของซินหรูและเดินไปทางด้านนอกสวนดอกไม้
ตงหลิงหวงที่กำลังต่อสู้กับองครักษ์เห็นฮ่องเต้หลู่เดินออกไปภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์เงา ทันใดนั้น นางก็เข้าจู่โจมไปยังทิศทางของฮ่องเต้หลู่อย่างไม่สนใจสิ่งใด
ในขณะเดียวกัน นักฆ่าฉีเฟิงและฉานเยวี่ยได้รับคำสั่งจากตงหลิงหวงให้ไล่ตามไปในทิศทางเดียวกัน
ไม่นานนัก พวกเขาก็เข้าไปขวางทางฮ่องเต้หลู่อย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้หลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาปรากฏความขุ่นเคืองแกมเปล่าเปลี่ยวอ้างว่าง
เขาวางร่างของซินหรูลง และค่อยๆ ชักกระบี่คู่กายออกมาจากเอว เตรียมพร้อมต่อสู้
ตงหลิงหวงพูดว่า “เข้ามาเถิด พวกเรามาจบปัญหาระหว่างหลานอย่างข้ากับเสด็จลุงเถิด”
ตงหลิงหวงแสดงท่าทีเย็นชา ทันใดนั้น นางก็นึกถึงคำพูดของตงหลิงจวิ้นที่ขอร้องนางตอนอยู่ในจวนหลู่หยางอ๋อง
ตงหลิงจวิ้นขอร้องนาง ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ขอให้นางไว้ชีวิตหลู่หยางอ๋อง
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วและพูดว่า “ตงหลิงชาง ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ให้องครักษ์ของเจ้าหยุดและถอนกำลังทั้งหมดออกจากพระราชวังที่อยู่ในอำนาจของเจ้า แล้ววันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไว้ชีวิตของเจ้า”
ตงหลิงชางราวกับกำลังฟังเรื่องขบขัน ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าและหัวเราะเสียงดังสองครั้ง แววตาเย็นชาอย่างมาก
“พูดจาไร้สาระอันใดมากมาย? สตรีอย่างไรก็คือสตรี ยังเป็นคนใจอ่อนอยู่ดี”
เมื่อสิ้นเสียงของฮ่องเต้หลู่ พัดเหล็กในมือของตงหลิงหวงก็บินออกไปโจมตียังจุดตายของฮ่องเต้หลู่
แววตาของฮ่องเต้หลู่พลันเปลี่ยนไป เขากระโดดขึ้น แม้จะหลบเลี่ยงพัดเหล็กของตงหลิงหวงได้ค่อนข้างยากลำบาก
พัดเหล็กหมุนวนกลางอากาศแล้ววกกลับมาที่มือของตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงถือพัดเหล็ก และโจมตีฮ่องเต้หลู่อย่างรวดเร็วและไร้ความปรานี
วรยุทธ์การต่อสู้ของฮ่องเต้หลู่ใกล้เคียงกับอดีตฮ่องเต้ตงหลิงไท่แห่งแคว้นตงเฉิน ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นวรยุทธ์ของพวกเขาย่อมคล้ายคลึงกัน
วรยุทธ์ของตงหลิงหวงบางส่วนเรียนรู้มาจากเทียนซานเจี้ยนจง ส่วนที่เหลือ ตงหลิงหวงศึกษาด้วยตนเอง พูดตามเหตุผลแล้ว หากตงหลิงหวงใช้วิชากระบี่ของเทียนซานเจี้ยนจง ตงหลิงชางสามารถรับมือนางได้อย่างไม่มีปัญหา
ทว่าตอนนี้ ตงหลิงหวงไม่ได้ใช้วิชากระบี่ของเทียนซานเจี้ยนจง เพราะนางไม่มีกระบี่อยู่ในมือ
ตงหลิงชางจึงรับมือได้อย่างยากลำบาก
หลังผ่านไปหลายกระบวนท่า บาดแผลบนร่างกายของตงหลิงชางก็เพิ่มมากขึ้นหลายจุด ทว่าเขาไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่เส้นผมของตงหลิงหวง
หลู่หยางอ๋องเต็มไปด้วยความสงสัย ในที่สุด เขาก็เอ่ยปากถาม
“เจ้าไปเรียนวรยุทธ์นอกรีตพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่? ”
หรือจะเป็นพลังเทพซิวเสวียนของผู้วิเศษจิ่วเทียนจากแหวนเก้ามังกรจริงๆ ?
ใบหน้าของตงหลิงหวงเย็นชาไร้ความรู้สึก
“จัดการเจ้าได้ก็เพียงพอแล้ว”
หากตงหลิงหวงใช้พลังเทพซิวเสวียนของผู้วิเศษจิ่วเทียนจริงๆ ไม่ว่าอย่างไร ฮ่องเต้หลู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตงหลิงหวง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงฉวยจังหวะหันหลังกลับและหนีไปยังหอสูงในสวนดอกไม้วังหลวง
ตงหลิงหวงไล่ตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด ทั้งยังมีนักฆ่าฉีเฟิงหลายคนที่ตามมาต่อสู้ร่วมกับนางที่หอสูงนั้นเช่นกัน
ขณะที่หลบหนี ฮ่องเต้หลู่ได้ทิ้งระยะห่างจากตงหลิงหวงมากพอสมควร
เมื่อยืนนิ่งอยู่ในหอสูง ฮ่องเต้หลู่ก็หยิบยาเม็ดสีทองขึ้นมาทาน
มันเป็นยาวิเศษที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรเทียนเหอ และไม่มีใครเคยได้ยินหรือได้เห็นยาวิเศษเม็ดสีทองนี้
ตงหลิงหวงเฝ้าระวังสูงสุดมาตลอด ทันทีที่เห็นฮ่องเต้หลู่กินยาเม็ดวิเศษสีทอง นางจึงไม่ไล่ตามไป ทว่าถอยกลับลงมาจากหอสูง
นักฆ่าฉีเฟิงหลายคนก็ติดตามตงหลิงหวงถอยกลับไปด้านล่างห้องใต้หลังคาเช่นกัน
นักฆ่าที่เป็นหัวหน้าถามตงหลิงหวงว่า “รัชทายาท เขารับประทานสิ่งใดหรือ? ”
ตงหลิงหวงส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ทว่าเคยได้ยินมาว่า มีบางคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นสูง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคัมภีร์ฝึกวรยุทธ์ของอาณาจักรเทียนเหอกับคัมภีร์ลึกลับซิวเสวียน ทว่าเนื่องจากพวกเขาไม่มีแก่นพลังวิญญาณบำเพ็ญเพียร จึงไม่สามารถแสดงฝีมือทั้งหมดได้ ทำได้เพียงหันไปใช้ยาวิเศษจินตานช่วยเสริมพลังปราณให้แข็งแกร่งขึ้นในทันที
หรือว่า… นี่เป็นเรื่องจริง? “