ตงหลิงหวงโน้มตัวลงตรวจชีพจรของสตรีนางนั้น ทันทีที่มือของนางสัมผัสชีพจรที่ข้อมือ นางก็รู้สถานการณ์ในทันที
ตงหลิงหวงนิ่งเงียบ ทว่าสีหน้าของนางได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
ตงหลิงจวิ้นกอดสตรีนางนั้น พยายามอย่างมากที่จะโอบกอดนางไว้
“เสด็จแม่ วางใจได้ ท่านจะไม่เป็นอันใด ไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน จวิ้นเอ๋อร์จะพาท่านแม่ไปสำนักแพทย์เทียนอี พวกเราไปตามหาคุณชายจิ่ว พูดกันว่าคุณชายจิ่วมีวิชาหวนคืนฟ้าดิน สามารถชุบชีวิตคนได้ พวกเราไปหาคุณชายจิ่ว คุณชายจิ่วจะต้องมีวิธีช่วยเสด็จแม่แน่นอน”
ทว่าอาการบาดเจ็บของสตรีนางนั้นสาหัสเกินไป ตอนที่พวกเขาอยู่ในเส้นทางลับก่อนหน้านี้ เขาเคยอุ้มสตรีนางนี้บนหลัง เขาไม่รู้สึกว่าตัวนางหนักแต่อย่างใด ทว่าครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ร่างกายของนางถึงหนักอึ้งดั่งก้อนหิน ทั้งตัวยังเย็นเฉียบอีกด้วย เขาพยายามอุ้มสตรีนางนั้นหลายครั้งทว่าไม่สามารถอุ้มขึ้นได้เลย
ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร ยิ่งทำให้เลือดไหลออกจากปากของสตรีนางนั้นมากขึ้น
ตงหลิงจวิ้นรู้สึกร้อนใจอย่างมาก เขารีบใช้มือเช็ดเลือดบนใบหน้าของสตรีนางนั้น แม้แต่ผ้าคลุมใบหน้าของสตรีก็ถูกดึงออก
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ความเศร้าโศกภายในใจของตงหลิงจวิ้นพลันระเบิดออกมา เขาร้องไห้เสียงดังด้วยความโศกเศร้าอย่างมาก
“เสด็จแม่… เสด็จแม่ จวิ้นเอ๋อร์ไม่ให้เสด็จแม่ไปที่ใด อย่าปล่อยจวิ้นเอ๋อร์อยู่คนเดียว เสด็จแม่… ”
เสียงแห่งความเศร้าโศกดังก้องไปทั่วสวนดอกไม้ในวังหลวง กอปรกับเสียงตะโกนเข่นฆ่าที่โหดร้าย ส่งผลให้เสียงนั้นทุกข์ระทมเกินคำบรรยาย
เมื่อฮ่องเต้หลู่เห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นอย่างชัดเจน ใบหน้าที่มั่นคงของเขาก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้อีก และถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ทันที
ทว่าเขายังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายของเขาโซเซเล็กน้อยและไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า
ซินหรูพยายามยืดลำคอของนางขึ้น พลางมองไปที่ฮ่องเต้หลู่ ก่อนจะยื่นมือที่เปื้อนเลือดไปทางฮ่องเต้หลู่
ในที่สุด ฮ่องเต้หลู่ก็ตัดสินใจเดินไปหาซินหรูด้วยท่าทางแข็งทื่อ และยื่นมือไปหาซินหรู
น้ำตาของซินหรูไหลอาบสองแก้มดั่งน้ำพุ
“ตง… ตงหลิงชาง ในชีวิตนี้ ซินหรูไม่เคยขออะไรจากท่านเลย ใช่หรือไม่? ”
ใบหน้าของฮ่องเต้หลู่ยังคงแข็งทื่อ ดวงตาของเขาปรากฏความสิ้นหวัง ทว่าเขายังคงนิ่งเงียบและไม่พูดอันใด
ซินหรูเปล่งเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบากอีกครั้ง “ใช่หรือไม่? ”
ฮ่องเต้หลู่พยักหน้า
ซินหรูพยายามสูดลมหายใจ ก่อนจะวางมือของฮ่องเต้หลู่ลงบนมือของตงหลิงจวิ้น
“หม่อมฉันไม่เคยขออะไรพระองค์เลยสักครั้ง วันนี้… วันนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่หม่อมฉันจะขอร้อง พระองค์ต้องสัญญากับหม่อมฉัน อย่างไรเสีย… จวิ้นเอ๋อร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์กับหม่อมฉัน ไม่ว่าเขาจะกระทำผิดมากเพียงใด เขาก็คือบุตรของหม่อมฉัน สายเลือดของพระองค์ หม่อมฉันขอร้องให้พระองค์โปรดอภัยให้เขา เพื่อเห็นแก่หม่อมฉันและพระองค์ที่ครองคู่กันมานานหลายปี ได้โปรดไว้ชีวิตเขา…ได้หรือไม่เพคะ? ”
ดวงตาของฮ่องเต้หลู่เผยให้เห็นความเจ็บปวดบาดลึกในใจ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนแทบมองไม่เห็น ทั้งยังนิ่งเงียบและไม่พูดสิ่งใด
ซินหรูคิดว่าฮ่องเต้หลู่ไม่เต็มใจตอบตกลง จึงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
“พระองค์ทรงรับปากหม่อมฉัน ได้หรือไม่เพคะ? ”
ดวงตาของฮ่องเต้หลู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันพูดว่า “ซินหรู… ที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่ เจ้ากับข้าอยู่กินกันมานานหลายปีแล้ว หรือว่าในใจของเจ้า คิดว่าเรา ตงหลิงชางผู้นี้เป็นคนใจจืดใจดำนัก? ”
ซินหรูหลับตาลง ดูเหมือนว่าสติของนางเริ่มเลือนรางเล็กน้อย ทันทีที่นางหลับตา น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ชาติภพหน้า… ตงหลิงชาง หากชาติภพหน้ามีจริง หม่อมฉันยังต้องการพบพระองค์อีกครั้ง… ไม่ว่าพระองค์จะถูกหรือผิด หม่อมฉันก็ยังอยากพบพระองค์ มีบุตรธิดากับพระองค์ ทว่าชาติภพหน้า พระองค์อย่าได้ถือกำเนิดในตระกูลแห่งเชื้อพระวงศ์ได้หรือไม่เพคะ?
ชาติภพหน้า หม่อมฉันต้องการอยู่กับพระองค์… อยู่อาศัยด้วยกันดั่งปุถุชนคนธรรมดา ท่ามกลางภูเขาและสายน้ำ เป็นครอบครัวธรรมดา เป็นคู่รักธรรมดา ได้หรือไม่เพคะ?
หม่อมฉันไม่ต้องการแบ่งปันพระองค์กับสตรีอื่น หม่อมฉันไม่ต้องการจริงๆ… เพคะ ”
ดวงตาของซินหรูปิดสนิทตลอดเวลา น้ำตายังคงไหลริน
นอกจากความโศกเศร้าในดวงตาของฮ่องเต้หลู่แล้ว แววตาของเขายังปรากฏความตกตะลึง
เขาไม่คิดว่าซินหรูจะเอ่ยคำพูดเหล่านี้ก่อนที่นางจะเสียชีวิต
หลายครั้ง เขามักครุ่นคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ซินหรูเก็บซ่อนไว้ในหัวใจของนางคือตงหลิงไท่ คนที่นางชอบคือตงหลิงไท่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดว่าภายในใจของนางมีเพียงเขาผู้เดียว
ทันใดนั้น ภายในหัวของเขาก็ปรากฏภาพในอดีตที่เต็มไปด้วยความหมกมุ่น อิจฉาริษยา เกลียดชัง โกรธเคือง และทอดทิ้งนาง รวมทั้งการแต่งตั้งพระสนมน่าหลาน ปล่อยให้พระสนมน่าหลานทำร้ายนางตามอำเภอใจโดยไม่แยแสแม้แต่น้อย เขาอยากตบหน้าตนเองแรงๆ
ในที่สุด น้ำตาก็ไหลรินลงมาตามใบหน้าชราภาพของฮ่องเต้หลู่ ทันใดนั้น เขาก็ผลักตงหลิงจวิ้นออกไปและเข้าไปโอบนางไว้ในอ้อมกอด
“ไม่ต้องการชาติภพหน้า ไม่อนุญาตให้มีชาติภพหน้า ข้าอยากอยู่กับเจ้าในชาตินี้ พระราชอำนาจ แคว้น กำลังทหาร ตำแหน่งสูงศักดิ์ต่างๆ ไม่สำคัญสำหรับข้าอีกแล้ว ในใจของข้า มีเจ้าเพียงผู้เดียว
มีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น! ”
มือที่เปื้อนเลือดของซินหรูคว้าเสื้อของฮ่องเต้หลู่ไว้แน่น
“หม่อมฉันไม่ทราบ ตงหลิงชาง หม่อมฉันไม่เคยทราบเลย พระองค์ไม่เคยบอกหม่อมฉันเรื่องนี้ พระองค์ช่างใจร้าย… ใจร้ายมากจริงๆ ทว่าหม่อมฉันเกลียดพระองค์ไม่ลงเลยสักครั้ง… อึก… ”
นางพูดพลางกระอักเลือดออกมาคำโต ทำให้ชุดมังกรของฮ่องเต้หลู่เต็มไปด้วยเลือดของนาง
ทว่าฮ่องเต้หลู่กลับโอบกอดซินหรูไว้แน่น
เมื่อเห็นเลือดสีแดงสด หัวใจของตงหลิงหวงและตงหลิงจวิ้นก็บีบรัด
“เสด็จแม่! ” ตงหลิงจวิ้นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ดวงตาของซินหรูค่อยๆ เลื่อนผ่านไปมองตงหลิงจวิ้น นางพยายามเอื้อมมือไปหาตงหลิงจวิ้นอีกครั้ง
ตงหลิงจวิ้นจับมือซินหรู เสด็จแม่ของเขา
ทว่าพระชายาหลู่หยางอ๋องไม่ได้ยกมือของตงหลิงจวิ้นให้กับฮ่องเต้หลู่ แต่ยื่นมืออีกข้างของนางไปที่ตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงโน้มตัวลงมาและยื่นมือเข้าไปหาซินหรู พระชายาหลู่หยางอ๋อง
“พระชายา พระองค์มีอันใดจะพูดก็พูดออกมาได้ ไม่ว่าขึ้นเขาลงห้วย บุกป่าฝ่าดง ตงหลิงหวงจะทำเพื่อพระองค์ทุกอย่าง”
ซินหรูลืมตาขึ้นเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า
“หวงเอ๋อร์… เสด็จป้า… เสด็จป้าไม่ต้องการให้เจ้าขึ้นเขาลงห้วย บุกป่าฝ่าดงอันใด… ต่อไปภายภาคหน้า… ขอให้จวิ้นเอ๋อร์เป็นน้องชายแท้ๆ ของเจ้า… ได้หรือไม่? ”
“เพคะ! ”
“เจ้า… เจ้ารับปากเสด็จป้าได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เจ้าจะปกป้องจวิ้นเอ๋อร์ เจ้า… ต้องปกป้องเขาให้ดีที่สุด เจ้า… เจ้าเคยรับปากเสด็จป้าแล้ว”
“หม่อมฉันรับปาก! ”
เมื่อรับปากออกไป ตงหลิงหวงผู้ซึ่งหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตาพลันรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำตาที่คลอเบ้าไหลรินออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“เช่นนั้น… เสด็จป้าจะได้วางใจ แม้จะไปถึงที่นั่นก็ไม่มีอันใดต้องกังวลอีกแล้ว”
ขณะที่พูด เปลือกตาของนางสั่นไหวสองครั้งและหลับตาลงอีกครั้ง
ตงหลิงจวิ้นร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“เสด็จแม่… เสด็จแม่… ลืมตา ลืมตาขึ้นมา เสด็จแม่ไม่รักจวิ้นเอ๋อร์แล้วหรือ? ไม่รักจวิ้นเอ๋อร์แล้วหรือ? ”
ทว่าซินหรูกลับนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามของตงหลิงจวิ้นแม้แต่คำเดียว หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ตงหลิงหวงก็เข้าไปตรวจลมหายใจของซินหรู ร่างของนางเย็นยะเยือกและไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว
ฮ่องเต้หลู่กอดซินหรูแน่นอย่างเศร้าโศกเสียใจสุดซึ้ง แม้จะร้องไห้เสียใจไม่เท่าตงหลิงจวิ้น ทว่าน้ำตากลับไหลรินออกมาดั่งสายน้ำ
อีกด้านหนึ่ง ฮั่วจีรีบพากำลังทหารไปที่ประตูตะวันตกอย่างรวดเร็ว ส่วนฮั่วซืออวี่รวมกำลังพลเพื่อรอฟังคำสั่งของตงหลิงหวง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้หลู่ก็หลับตาและเงยหน้าขึ้น เขาตั้งสติ ฝืนน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าให้คืนสภาพเดิม ก่อนจะวางร่างที่ไร้ซึ่งลมหายใจของซินหรูลงกับพื้นและค่อยๆ ยืนขึ้น
แววตาของฮ่องเต้หลู่ดั่งใบมีดเชือดเฉือน เขาจ้องตงหลิงหวงโดยไม่ละสายตา รวมถึงนักฆ่าชุดดำที่อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะกระชากเสียงสูง “กบฏตงหลิงหวง ลักพาตัวองค์รัชทายาทและสังหารพระชายา ความผิดที่มิอาจให้อภัยได้ สังหารไม่ละเว้น!”