เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 865 เสียงที่ไม่ใช่เสียง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

คนชุดดำเข้าประชิดตัวฮ่องเต้หลู่ไม่ได้ เนื่องจากองครักษ์เข้ามาขวางไว้ทัน

ในเวลาเพียงครู่เดียว คนชุดดำสิบกว่าคนทยอยปรากฏตัวออกมา

แม้คนชุดดำทั้งหมดจะพุ่งเข้าโจมตีฮ่องเต้หลู่ แต่ดูเหมือนเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เพื่อจัดการฮ่องเต้หลู่ ทว่าทำเพื่อก่อกวนตำแหน่งของทหารองครักษ์ทุกคนที่คุ้มครองฮ่องเต้หลู่ และเพื่อกระจายกำลังของพวกเขา

แต่เมื่อหัวหน้าองครักษ์ในวังหลวงกับหัวหน้าองครักษ์เงาเข้าใจการปฏิบัติการนี้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ห้องใต้หลังคาที่สูงที่สุดในสวนดอกไม้ของวังหลวง เกิดเสียง ‘บูม’ ดังขึ้น เสียงนั้นดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้าสิบสองดวงก็สาดส่องไปทั่วทุกมุมของสวนดอกไม้ ทุกคนอดมองไปในทิศทางของแสงสว่างทั้งสิบสองดวงไม่ได้

พวกเขาเห็นเพียงตงหลิงหวงที่แต่งกายด้วยชุดรัดรูปสีขาวนวลจันทร์ มือถือพัดเหล็ก และเหาะอย่างเชื่องช้าไปทางฮ่องเต้หลู่ราวกับนกอินทรี

ดวงตาที่ปราศจากความหวาดกลัว ท่วงท่าที่สง่าสงามเป็นพิเศษ รอบตัวของนางเปล่งรัศมีที่เป็นลักษณะเฉพาะซึ่งมีเพียงราชาเท่านั้น ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง และมีอีกหลายคนในที่เกิดเหตุที่ตกตะลึงโดยไม่ทราบว่าเกิดอันใดขึ้น

รัชทายาทตงเฉิน ตงหลิงหวง สิ้นพระชนม์แล้วมิใช่หรือ?

เมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนที่ฮ่องเต้หลู่จะขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ประกาศว่าตงหลิงหวงบุกเข้าไปในจวนหลู่หยางอ๋องโดยพลการ ลักพาตัวพระชายาหลู่หยางอ๋องและซื่อจื่อ ผลสุดท้าย นางได้เสียชีวิตในเส้นทางลับภายในเรือนของพระชายาลู่หยางอ๋อง

แม้พวกเขาจะไม่เห็นพระศพของรัชทายาทตงเฉินด้วยตาพวกเขาเอง แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่ออย่างนั้น

ตอนนี้พวกเขาเห็นตงหลิงหวงยังมีชีวิตอยู่ต่อหน้าพวกเขา หลายคนแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง

เมื่อพวกเขากำลังจะตอบสนอง ศีรษะก็ไม่อยู่ที่คออีกแล้ว

การเคลื่อนไหวของตงหลิงหวงรวดเร็วและไร้ความปรานี ทันทีที่นางร่อนลงสู่พื้น นางได้จัดการกับทหารองครักษ์สิบกว่านายที่ยืนขวางหน้าฮ่องเต้หลู่

ฮ่องเต้หลู่ตกพระทัยอย่างมาก ทว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อนแรง เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าตอนนั้น ตงหลิงหวงไม่ได้ตายในเส้นทางลับ

เดิมทีเขาต้องการล่อตงหลิงไท่ให้เข้ามาติดกับคืนนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะจับตงหลิงหวงได้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าใครมา ตาข่ายถูกโยนไปแล้ว ขอเพียงนางกล้ามา อย่าคิดที่จะออกไปอย่างมีลมหายใจ

ดวงตาของฮ่องเต้หลู่ปรากฏความเย็นชา

เขากระชากเสียงดัง “พวกกบฏ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ”

ตงหลิงหวงยกยิ้มอย่างเย็นชา นางจ้องฮ่องเต้หลู่ราวกับใบมีดเชือดเฉือน “เจ้ายังไม่ตาย ข้า ตงหลิงหวงจะตายก่อนได้อย่างไร”

“ช่างบังอาจยิ่งนัก! ” ฮ่องเต้หลู่เครากระตุกอย่างแรง และถอยออกมาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะเป็นหรือตาย จัดการนางให้ได้”

องครักษ์วังหลวงและองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้ของวังหลวงต่างโจมตีไปทางตงหลิงหวงอย่างบ้าคลั่ง

วรยุทธ์ของตงหลิงหวงดั่งมีพลังเทพคอยช่วยเหลือ น่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้มากนัก แต่ละครั้งที่ลงมือช่างร้ายกาจดุดัน ไม่นานนัก ซากศพขององครักษ์ก็นอนกองดาษดื่นเต็มพื้น

ฮ่องเต้หลู่มองตงหลิงหวง เปลือกตากระตุกไม่หยุด ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอันใด แววตาจึงทวีความเย็นชามากขึ้น

ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “พลังเทพซิวเสวียนของผู้วิเศษจิ่วเทียน นางฝึกฝนพลังเทพซิวเสวียนของผู้วิเศษจิ่วเทียนจริงๆ ”

“อันใดนะ? เป็น… เป็นไปได้อย่างไร? ”

พลังเทพซิวเสวียน?

นั่นคือพลังเทพที่มีเพียงในตำนานเท่านั้น! ในความเป็นจริง พวกเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน และไม่คาดคิดว่าตงหลิงหวงจะฝึกฝนพลังเทพซิวเสวียนของผู้วิเศษจิ่วเทียนจริงๆ ?

ทันใดนั้น แววตาของฮ่องเต้หลู่ก็เหลือบไปเห็นแหวนเก้ามังกรบนนิ้วขวาของตงหลิงหวง

แหวนวงนี้เคยสวมอยู่บนพระหัตถ์ของฮองเฮามาก่อน เนื่องจากภายนอกมีลักษณะพิเศษ เขาจึงสังเกตเห็นนานแล้ว และสงสัยว่าแหวนเก้ามังกรต้องเกี่ยวข้องกับผู้วิเศษจิ่วเทียน แต่ท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน

ตอนนี้กลับมาคิดดูอีกครั้ง ต้องเป็นแหวนเก้ามังกรที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนทิ้งไว้ให้แน่นอน

เขาประมาทเกินไปจริงๆ

ดวงตาของฮ่องเต้หลู่พลันหรี่ลง แรงอาฆาตในดวงตาของเขาพลุ่งพล่าน

“แย่งแหวนที่มือนางมาให้ได้ หากใครแย่งแหวนวงนั้นมาได้ เราจะบรรดาศักดิ์ให้เป็นอ๋อง”

แต่งตั้งเป็นอ๋องหรือ?

สิ่งนี้ล่อตาล่อใจอย่างดี

แม่ทัพนายกองและองครักษ์หลายนายที่ยืนสั่งการอยู่ด้านข้างต่างพุ่งเป้าเข้าโจมตีตงหลิงหวงราวกับเสือและหมาป่าตะครุบเหยื่อ เป้าหมายของทุกคนอยู่ที่แหวนเก้ามังกรบนนิ้วมือของตงหลิงหวง

ทว่าใบหน้าของตงหลิงหวงไม่ปรากฏความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางมองพวกเขาราวกับกำลังมองพวกมดปลวกที่ไม่รู้จักความตาย

แต่ละครั้งที่พัดเหล็กฟาดลงไป คนหลายสิบคนล้มลง

ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารองครักษ์ที่ต่อสู้นองเลือด แม้แต่ฮ่องเต้หลู่ก็มองภาพเหตุการณ์นองเลือดจนดวงตาแดงฉาน

ขณะที่กำลังต่อสู้ชุลมุน ไม่มีผู้ใดสนใจและไม่มีผู้ใดรู้ว่าคนชุดดำในสวนดอกไม้วังหลวงมีจำนวนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใด คนที่ฉลาดย่อมรู้ได้ทันทีว่าวิธีการฆ่าของคนเหล่านั้นเหมือนกับวิธีการของลูกน้องของตงหลิงหวง เป็นกลุ่มนักฆ่าฉานเยวี่ย ไม่ก็เป็นกลุ่มนักฆ่าฉีเฟิง

“อ้าก… ”

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องอันน่าอนาถก็ดังขึ้น

แม้เสียงนั้นจะดังแสบแก้วหู ทว่าเมื่อผสานรวมกับเสียงกรีดร้องของการฆ่าฟันและการต่อสู้ กลับกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก

แม้จะกลมกลืนในเหตุการณ์นองเลือด ทว่ายังได้รับความสนใจจากสายตาของผู้คนมากมาย

ตัวอย่างเช่น ฮ่องเต้หลู่

ตัวอย่างเช่น ตงหลิงหวง

ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ตงหลิงหวงก็หันหลังกลับมาฟันองครักษ์ที่อยู่รอบตัวหลายคน จากนั้นจึงมองไปยังทิศทางของเสียง

ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นว่าสตรีในชุดสีแดงเปลวเพลิงถูกองครักษ์กว่าสิบคนปิดล้อมอยู่บนเวทีและแทงกระบี่ไปที่นางหลายครั้ง แม้สีของชุดจะใกล้เคียงกับสีเลือดมาก จนผู้อื่นดูไม่ออกว่านางเสียเลือดไปมากเพียงใดแล้ว

ทว่าตงหลิงหวงมองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าสตรีนางนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

นางจึงพยายามบุกเข้าไปช่วยสตรีนางนั้น

ทันทีที่ฮ่องเต้หลู่ได้ยินเสียง แววตาทอประกายพลันแตกสลาย และถูกแทนที่ด้วยความตกใจอย่างรวดเร็ว

ในวินาทีถัดมา เขาแทบบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าเขาจะถูกตงหลิงหวงโจมตีหรือถูกนักฆ่าเหล่านั้นลอบโจมตี เขารีบวิ่งเข้าไปหาสตรีนางรำในชุดสีแดงเพลิง

“เสด็จแม่… ”

มุมหนึ่งของสวนดอกไม้ในวังหลวงที่ไม่มีผู้ใดสนใจ ปรากฏเสียงของตงหลิงจวิ้นดังขึ้น

ทุกคนต่างตกใจกับการกระทำของฮ่องเต้หลู่ แม้แต่คนที่ไม่สนใจฮ่องเต้หลู่ก็ยังวุ่นอยู่กับการต่อสู้กับศัตรู ไม่มีใครเข้าไปขวางตงหลิงจวิ้น

ตงหลิงจวิ้นวิ่งเข้ามาและกระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว เขาเข้าไปประคองร่างของสตรีในชุดสีแดงเพลิงไว้ได้พอดี

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว และไม่รู้ว่าควรวางมือไว้ที่ใด

น้ำตาเท่าเม็ดถั่วไหลริน

“เสด็จแม่… ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จแม่บาดเจ็บที่ใดหรือไม่? เสด็จแม่… อย่าทำให้จวิ้นเอ๋อร์ตกใจ เสด็จแม่ อย่าทำให้ลูกตกใจ เสด็จแม่… เสด็จแม่”

“จวิ้น… จวิ้นเอ๋อร์…”

สตรีนางนั้นค่อยๆ ยื่นมือที่เปื้อนเลือดออกมา เพราะต้องการลูบแก้มของตงหลิงจวิ้น ทว่านางไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถสัมผัสใบหน้าของตงหลิงจวิ้นได้

ตงหลิงจวิ้นก้มหน้าลงเล็กน้อย เขายกมือของสตรีนางนั้นวางบนใบหน้าตนเอง

“เสด็จแม่ จวิ้นเอ๋อร์อยู่นี่ จวิ้นเอ๋อร์อยู่นี่ จวิ้นเอ๋อร์อยู่ข้างเสด็จแม่แล้ว”

เขาพูดพลางมองไปที่ตงหลิงหวงหลายครั้ง

“พี่หวง ช่วยเสด็จแม่ด้วย ช่วยเสด็จแม่ด้วย เสด็จแม่จะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? เสด็จไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? พี่ช่วยเสด็จแม่ด้วย รีบมาช่วยเสด็จแม่ด้วย”

ในเวลานี้ หลายคนต่างมุ่งความสนใจไปที่สตรีนางนั้นกับฮ่องเต้หลู่ โดยเฉพาะตงหลิงหวง แม้นางไม่ได้เคลื่อนไหว ทว่าบรรยากาศรอบตัวของนางช่างน่าหวาดกลัว

ตงหลิงหวงเดินเข้าไปหาสตรีนางนั้นและตงหลิงจวิ้นด้วยสายตาเย็นชา เหล่าองครักษ์เงาที่อยู่ด้านหลังของนางต่างยืนด้วยท่าทางขึงขัง ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าก้าวไปข้างหน้า