เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 864 เหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

หลังจากสกุลฮั่วและสกุลหลี่ออกจากวังไป พวกเขาก็เริ่มระดมกำลังทหารของตนเอง

จู่ๆ ฮั่วซืออวี่ก็เอ่ยความคิดเห็นออกมา “ท่านพ่อ แม้ศัตรูจะโจมตีประตูทางทิศตะวันตก ทว่าประตูทางทิศตะวันออกนั้นอยู่ใกล้กับวังที่สุด ข้าเกรงว่าในที่นี้จะมีกลลวง ต้องป้องกันไว้ก่อน มิสู้ให้ข้าพาคนบางส่วนไปที่ประตูทางทิศตะวันออก ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ากระมัง? ”

นี่คือสิ่งที่สองพ่อลูกสกุลฮั่วพูดคุยกับตงหลิงหวงก่อนหน้านี้ ฮั่วซืออวี่เพียงเล่นละครตบตาต่อหน้าพ่อลูกสกุลหลี่

ฮั่วจีแสร้งทำเป็นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงกล่าวว่า “ตกลง ระวังตัวด้วย! ”

เมื่อสิ้นเสียงของฮั่วจี แม่ทัพหลี่จึงเอ่ยกับบุตรของตนเอง “มู่เฟิง เจ้าก็นำคนสองสามคนติดตามไปด้วยกับแม่ทัพน้อยฮั่ว”

หลี่มู่เฟิงตอบรับอย่างแข็งขัน “ขอรับท่านพ่อ! ”

ฮั่วจีและฮั่วซืออวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าพ่อลูกสกุลหลี่เป็นคนของฮ่องเต้หลู่ พวกเขาจึงไม่ได้พูดอันใด พูดมากไปจะถูกสงสัยเอาได้

ดังนั้นกำลังทหารจึงแบ่งเป็นสองกลุ่ม ฮั่วจีและแม่ทัพใหญ่หลี่นำทหารบางส่วนไปที่ประตูทิศตะวันตก ฮั่วซืออวี่และหลี่มู่เฟิงนำกำลังคนบางส่วนไปที่ประตูทิศตะวันออก

ประตูทิศตะวันตกไฟกำลังลุกโชน นอกจากนี้ ด้านนอกยังมีหมอกหนาทึบ ประตูเมืองด้านนอกควันคลุ้งไปทั่ว ทำให้มองไม่ชัดว่ามีกี่คนกันแน่ ทว่าเสียงตะโกนของศัตรูดังกึกก้อง นอกจากเสียงโห่ร้อง ยังมีเสียงกีบเท้าม้าจำนวนไม่น้อย พลังไฟโจมตีประตูเมืองก็รุนแรงมากเช่นกัน ผู้ที่มาทั้งหมดล้วนเป็นกองทัพวิหคสวรรค์ ลูกน้องชั้นยอดที่สุดของตงหลิงไท่ ดูแล้วกองทัพที่มามีจำนวนไม่น้อยเลย

แม่ทัพหลี่ตะโกนขึ้น “ในเมื่อกองทัพวิหคสวรรค์มาแล้ว แสดงว่าตงหลิงไท่อยู่ด้านนอกแน่นอน ฝ่าบาทรับสั่งว่าคืนนี้ต้องตัดศีรษะของตงหลิงไท่มาให้ได้

หากการนี้สำเร็จจะตกรางวัลให้อย่างงาม หากไม่สำเร็จและตงหลิงไท่หนีไปได้ จะถูกดำเนินโทษตามกฎทหาร”

“ขอรับ! ”

คำพูดปลุกใจและยิ่งใหญ่ของแม่ทัพหลี่ส่งผลให้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมืองทิศตะวันตกเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย

ฮั่วซืออวี่และหลี่มู่เฟิงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองทิศตะวันออกโดยผ่านประตูเมืองทิศเหนือ

หลี่มู่เฟิงเสนอให้ทหารไปตรวจสอบที่ประตูเมืองทิศเหนือรอบหนึ่งก่อน แม้ฮั่วซืออวี่กังวลว่าจะพลาดเรื่องสำคัญของตงหลิงหวง ทว่าเขาพูดอันใดไม่ได้ ดังนั้นจึงตามคนของหลี่มู่เฟิงไปที่ประตูเมืองทิศเหนือด้วยกัน ผู้คุ้มกันประตูเมืองทิศเหนือล้วนเป็นทหารผ่านศึก ทุกอย่างปกติ เมื่อยืนอยู่บนหอคอยและมองออกไป จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ภายในระยะสิบลี้ไม่มีความผิดปกติ

ดังนั้นกำลังทหารจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ประตูทิศตะวันออก

ผู้คุ้มกันประตูทิศตะวันออกเป็นคนของจิงจ้าวหยิ่น และคืนนี้จะส่งคนไปเพิ่ม

หนึ่งในหัวหน้าคือผู้ดูแลเฝิงของจิงจ้าวหยิ่น และอีกคนคือแม่ทัพน้อย ลูกน้องของสกุลหลี่ แซ่ช่าย

เมื่อแม่ทัพช่ายและผู้ดูแลเฝิงเห็นฮั่วซืออวี่และหลี่มู่เฟิงก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ สุดท้ายแล้ว สถานการณ์ในคืนนี้ค่อนข้างพิเศษ

“แม่ทัพน้อยหลี่กับแม่ทัพน้อยฮั่ว พวกท่านมาได้อย่างไร? ”

หลี่มู่เฟิงพูดอย่างกระฉับกระเฉง “มาตรวจดูสถานการณ์ ฝั่งประตูทิศตะวันตกมีกลุ่มกบฏลอบโจมตี ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เพิ่มกำลังคุ้มกันสามประตูที่เหลือให้แน่นหนา ฝั่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ”

แม่ทัพช่ายรีบตอบกลับ “แม่ทัพน้อยหลี่วางใจ ประตูเมืองทิศตะวันออกได้รับการคุ้มกันเข้มงวดที่สุด ต่อให้ตงหลิงหวงยังมีชีวิตอยู่และพาคนบุกเข้ามา แต่พวกเราจะทำให้เลือดของนางเจิ่งนอง ไม่มีทางหวนคืน”

“ดีมาก! ” หลี่มู่เฟิงกล่าวชมและตบไหล่แม่ทัพช่าย “ทว่าอย่าประมาทเลินเล่อ”

“ขอรับ! ”

หลังจากหลี่มู่เฟิงกล่าวชม เขาก็เดินขึ้นไปบนหอคอย ฮั่วซืออวี่เดินตามหลี่มู่เฟิงขึ้นไปด้วย ทว่าเขาจัดกำลังบางส่วนเฝ้าไว้ใต้หอคอย และพาคนไปเพียงบางส่วนเท่านั้น

คนที่ฮั่วซืออวี่นำมาในวันนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แท้จริงแล้ว แม้คนที่ฮั่วจีพาไปที่ประตูเมืองทิศตะวันตกจะมีมากกว่า ทว่าส่วนใหญ่เป็นทหารสูงวัยผ่านศึก

แต่กำลังทหารที่ฮั่วซืออวี่พามากลับเป็นทหารใหม่ที่สกุลฮั่วฝึกมาเอง แม้จะมีประสบการณ์สู้รบค่อนข้างน้อย ทว่าเป็นยอดฝีมือ การต่อสู้ล้วนเป็นรูปแบบใหม่และวิธีใหม่ที่ฮั่วซืออวี่พัฒนาในระยะเวลาหลายปีมานี้ นอกจากนั้นยังเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางกลุ่มองครักษ์เงาสกุลฮั่วนับสิบซึ่งมีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด

ภายในสวนดอกไม้ การฟ้อนรำบนเวทียังคงดำเนินต่อไป เสียงผีผาราวกับไข่มุกสรวงสวรรค์ ท่วงท่างดงาม เหล่าขุนนางใหญ่น้อยมองจนใบหน้าแดงก่ำ น้ำลายไหลย้อยอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ตนเอง

ยิ่งฮ่องเต้หลู่จ้องมองมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าท่วงท่าของสตรีชุดสีแดงเพลิงนั้นคล้ายคลึงกับพระชายาหลู่หยางอ๋องในตอนนั้นมาก สุราหลายจอกที่รินเองดื่มเองทำให้เขาควบคุมขาทั้งสองข้างไม่ได้ จู่ๆ เขาก็ยืนขึ้นและเดินขึ้นไปบนเวที

ทันใดนั้น นางรำผู้นั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นและโยนผ้าหงหลิงแขวนไว้บนคานไม้ จากนั้นจึงอาศัยแรงของเชือกหงหลิงโหนไปยังข้างกายของฮ่องเต้หลู่ พันอยู่บนร่างของเขาราวกับงูน้ำ

ฮ่องเต้หลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขามึนเมาและดูไม่มีสติ คิดว่านางรำผู้นั้นเป็นพระชายาหลู่หยางอ๋อง แววตาของเขาพร่ามัว มือของเขาลูบไล้แก้มของนางรำแผ่วเบา ปากพึมพำว่า “ซินหรู… ซินหรู… ”

เหล่าขุนนางใหญ่น้อยที่เข้าร่วมงานเลี้ยง เมื่อเห็นฮ่องเต้หลู่กำลังเคลิบเคลิ้ม จึงสร่างสุราเล็กน้อยและนั่งตัวตรง พวกเขาจะกล้าล่วงเกินสตรีที่ฝ่าบาทพึงพระทัยได้อย่างไร?

ทว่าพวกเขายังมองสตรีที่เหลือบนเวทีด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“ซินหรู ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่สนใจเจ้า… ” น้ำเสียงของฮ่องเต้หลู่แกมเศร้าเล็กน้อย

ทันใดนั้น สตรีชุดสีแดงเพลิงก็ดึงชายเสื้อของฮ่องเต้หลู่ขึ้นไปบนเวที หลังจากนั้นก็ร่ายรำกับฮ่องเต้หลู่

แม้ฮ่องเต้หลู่จะเมาสุราบ้างเล็กน้อย ทว่าฝีเท้าของเขายังออกจังหวะตามคำสั่งของสตรีชุดสีแดงเพลิง

ขุนนางหลายท่านพลันหวนนึกถึงภาพเมื่อยี่สิบปีก่อน

ในปีนั้น ฮ่องเต้หลู่ในปัจจุบันยังคงเป็นหลู่หยางอ๋อง ตอนนั้นเขาก็เป็นเช่นนี้ ร่ายรำกับสตรีต่างเมือง และจังหวะการเต้นรำก็เหมือนตอนนี้ทุกประการ

ทุกคนดื่มสุราไปหลายจอกจนรู้สึกมึนเมา บางคนมึนงงแยกแยะไม่ออกว่าเป็นสถานการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อนหรือว่าเป็นสถานการณ์ในปัจจุบัน

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ แสงสีขาววาววับและเย็นยะเยือกของมีดพก ปรากฏออกมาจากแขนเสื้อยาวของนางรำผู้นั้นและแทงเข้าที่กลางอกของฮ่องเต้หลู่

เหล่าขุนนางใหญ่น้อยต่างร้องตะโกนด้วยความตกใจ ทันใดนั้น พวกเขาก็หวาดกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีจิตใจชื่นชมสาวงามและท่วงท่าร่ายรำอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ทันทีที่มีดพกถูกสลัดออกไป ดวงตาที่พร่ามัวและมึนเมาของฮ่องเต้หลู่กลับกลายเป็นแสงของไอสังหารและลึกล้ำจนคาดเดาไม่ได้ เขาผลักนางรำกระเด็นออกไปและถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด การกระทำของนางรำก็ช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนที่นางหันหลังไปสังหารฮ่องเต้หลู่ เบื้องหน้าก็ถูกองครักษ์เงาหลายสิบคนขวางไว้แน่นจนไม่มีโอกาสเข้าใกล้ฮ่องเต้หลู่

สตรีชุดสีแดงเพลิงต่อสู้กับองครักษ์เงาของฮ่องเต้หลู่

เวลาเพียงชั่วครู่ บรรยากาศรื่นเริงและการแสดงร่ายรำใกล้ศาลาริมน้ำในสวนดอกไม้ของวังหลวงก็ถูกองครักษ์เงาเข้าล้อมรอบจนแน่นขนัด

ฮ่องเต้หลู่ถูกองครักษ์คุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่มีทางเข้าใกล้ได้

เหล่าขุนนางต่างโกลาหลวุ่นวาย

ตอนที่สตรีชุดสีแดงเพลิงกำลังต่อสู้กับเหล่าองครักษ์เงา จู่ๆ ด้านข้างก็มีคนสวมหน้ากากสีดำปรากฏขึ้น แยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี คนผู้นั้นโจมตีฮ่องเต้หลู่ที่ถูกพวกองครักษ์คุ้มกันอยู่ตรงกลาง

คนชุดดำไม่สามารถเข้าใกล้ฮ่องเต้หลู่ได้เพราะถูกองครักษ์ขวางทางไว้ ในไม่ช้า สถานที่แห่งนี้ก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด

เพียงครู่เดียว คนชุดดำอีกคนที่ไม่สามารถแยกแยะเพศสภาพได้ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่ง ในมือถือกระบี่เย็นยะเยือก แทงไปทางฮ่องเต้หลู่