บทที่ 2999 ความชอบของนาง 4
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ยินมังกรประทีปเล่าว่า ทันทีที่สตรีนางนี้ปรากฏตัวขึ้น อุณหภูมิจะลดฮวบลงทันที หากหลบหนีช้าไปเพียงนิดก็จะถูกแช่แข็งจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งระเหยเป็นไอหายไป เช่นเดียวกับการที่อุณหภูมิลดต่ำลงไปถึงจุดศูนย์สัมบูรณ์ (-273.15 องศาเซลเซียส)
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เหน็บหนาวถึงขนาดนั้น
เธอเงยหน้ามองสตรีชุดขาวนางนั้นแวบหนึ่ง สตรีชุดขาวนางนั้นยืนสง่าอยู่ตรงนั้น กำลังกอดสองแขนมองดูเธออย่างขบคิดพิจารณาอยู่ ดวงตามืดดำคู่นั้นแทบจะดูดดึงคนเข้าไปได้เลย
“มีสุราหรือไม่?” จู่ๆ สตรีนางนั้นก็เอ่ยขึ้นมา
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง ฟั่นเชียนซื่อกลับรับคำไปแล้ว “มี”
พลันยกมือโยนน้ำเต้าสุราเหมยเขียวลูกหนึ่งเข้าไป เอ่ยอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ลิ้มชิมสิ่งนี้ดูเถิด รับประกันได้ว่าท่านจะต้องชอบ”
สตรีชุดขาวนางนั้นรับไปแล้วมองดูครู่หนึ่ง เปิดจุกน้ำเต้าออกแล้วดมดูเล็กน้อย คิ้วงามขมวดนิดๆ แล้ว…
ฟั่นเชียนซื่อกระวนกระวายอยู่บ้าง คงมิใช่ว่าสุรานี้ก็ไม่ถูกปากนางด้วยกระมัง? นี่เป็นสุราที่กู้ซีจิ่วชอบดื่มที่สุดแล้วชัดๆ…
ในที่สุดสตรีนางนั้นก็ดื่มเข้าไปคำหนึ่งแล้ว ใบหน้าเฉิดฉันพลันอึมครึม เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “สารเลว! เจ้าหลอกเปิ่นจุนอีกแล้ว!”
ฝ่ามือที่ผสานด้วยพายุหิมะซัดตรงเข้าหาฟั่นเชียนซื่อทันที
ฟั่นเชียนซื่อถูกพายุหิมะนี้พัดใส่จนแทบล้มหัวทิ่มแล้ว! ทั้งร่างเสมือนมุดลงไปภายในบึงน้ำแข็ง เขารีบโคจรพลังวิญญาณขั้นสูงสุดเพื่อต้านทานความเหน็บหนาว ฝืนข่มความสั่นเทาเอาไว้แล้วเอ่ยชี้แจง “อาจารย์ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสุราเหมยเขียวที่ท่านชอบดื่มที่สุดนะ…”
ทำไมยังไม่ถูกอีกล่ะ?
“มิใช่สุรานี้…” สตรีนางนั้นกำปากน้ำเต้าแน่น ดวงหน้าพิลาสขาวซีด “มิใช่สิ่งนี้…”
เช่นนั้นคืออะไรกัน?
ฟั่นเชียนซื่อไม่ทราบแล้วจริงๆ เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว “นี่ไม่ใช่สุราที่เจ้าชอบที่สุดหรือ?”
กู้ซีจิ่วงงงันปานน้ำเข้าสมอง มาถามเธอทำไมกัน? แล้วเธอก็ไม่ใช่เปิ่นจุนชุดขาวนางนี้ด้วย!
ต่อให้เป็นคนสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความชอบแบบเดียวกันกระมัง?!
ต่อให้เป็นฝาแฝดกัน ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่นิสัยและความชอบจะแตกต่างกันไปคนละทิศละทางเลยนะ!
“ท่านแม่ สุราที่ท่านชมชอบที่สุดมิใช่ชนิดนี้หรือ?” ตี้เฮ่าก็กระซิบถามเช่นกัน
อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ราวกับว่าถ้าไม่มอบสุราที่สตรีชุดขาวผู้นี้ชมชอบอย่างแท้จริงให้ นางก็จะแช่แข็งโลกทั้งใบเสีย!
กู้ซีจิ่วไม่มีเวลามาถามอะไรต่อแล้ว เธอนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วหยิบน้ำเต้าสุราที่วิจิตรประณีตลูกหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของ รูปแบบของน้ำเต้าสุราลูกนั้นมีความงดงามแบบท่วงทำนองโบราณ ตี้เฮ่ามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่านี่เป็นผลงานของบิดาตน
“สุราที่แม่ชอบดื่มที่สุดคือสุราที่พ่อของเจ้าลงมือกลั่นด้วยตัวเอง เพียงแต่วัตถุดิบในการผลิตสุรานี้หายากนัก กลั่นได้ไม่มาก มีเพียงยามแม่เปรี้ยวปากขึ้นมาเท่านั้นถึงจะหยิบออกมาจิบนิดๆ สักอึก” กู้ซีจิ่วอธิบาย
พอหันกลับไป ก็พบว่าสายตาของสตรีนางนั้นคล้ายจะเกาะติดอยู่ที่น้ำเต้าสุราแล้ว ยื่นมือออกมาหาเธอ “มอบมันให้เปิ่นจุนซะ!”
กู้ซีจิ่วไม่ค่อยอยากยกสิ่งที่ตี้ฝูอีสร้างขึ้นให้ผู้อื่นสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้…
มีแต่ต้องลองดูก่อน
เธอเงื้อมือโยนน้ำเต้าสุราลูกนั้นไปให้ “ดื่มแบบประหยัดๆ หน่อยล่ะ หากว่าไม่พึงใจ ก็คืนมาให้ข้าด้วย ข้าก็มีน้ำเต้าลูกนี้แค่ลูกเดียวเหมือนกัน”
สตรีนางนั้นรับไว้ในมือ เปิดจุกน้ำเต้าออก กลิ่นหอมจางๆ ของสุรากระจายออกมา
ดวงตาของสตรีผู้นั้นลุกวาว นิ้วมือสั่นสะริกยกน้ำเต้าสุราขึ้นมา จิบน้อยๆ คำหนึ่ง นิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็จิบอีกคำ
พวกฟั่นเชียนซื่อล้วนกลั้นหายใจมองดูนาง เมื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้หัวใจที่แขวนห้อยอยู่ตลอดก็หย่อนลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว
ฟั่นเชียนซื่อก็ไม่ทราบเช่นกันว่าในใจมีความรู้สึกเช่นใด ที่แท้สุราที่จิตมารตนนี้คะนึงหาก็คือสุราที่ตี้ฝูอีเป็นผู้กลั่นใช่ไหม?! นางกลายเป็นมารเพราะสุราของตี้ฝูอีหรือ?
ในช่วงเวลานี้เอง ในใจของฟั่นเชียนซื่อราวกับมีไหน้ำองุ่นพลิกคว่ำ ฝาดเปรี้ยวอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าสุรานี้ถูกปากสตรีชุดขาว นางราวกับนักสูบที่ติดบุหรี่อย่างหนักและในที่สุดก็ได้สูบแล้ว ดื่มเข้าไปคำแล้วคำเล่า
และในขณะที่นางดื่มสุรา อุณหภูมิรอบข้างก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมา จากเหมันต์ฤดูอันหนาวเหน็บค่อยๆ เปลี่ยนผันสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีบุปผาเบ่งบาน…
ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากว่าใช้สุรานี้ขจัดจิตมารของมารเทพได้ บางทีเขตแดนของทะเลทรายแห่งนี้อาจจะคลี่คลายลง พวกเขาก็สามารถหนีออกไปจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ได้แล้ว!
“สุราดี!” สตรีนางนั้นถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง พลันโบกแขนเสื้อ วาดผ่านอากาศ
จู่ๆ มังกรประทีปชมพูที่อยู่ด้านข้างก็แผดร้องออกมา…
เสียงแผดร้องนั้นฟังดูเหมือนประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิทมาหลายหมื่นปีในที่สุดก็แง้มเปิดแล้ว ในอากาศพลันปรากฏวังน้ำวนขนาดใหญ่หลุมหนึ่งขึ้น สายตากู้ซีจิ่วพร่าเลือน ตัวคนถูกดูดดึงเข้าไปในวังน้ำวน…
กู้ซีจิ่วหลงนึกว่า จุดหมายปลายทางของวังน้ำวนนี้น่าจะเป็นด้านนอกทะเลทราย เดี๋ยวเธอก็จะได้เห็นเถิงเสอที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกแล้ว
กลับคาดไม่ถึงว่าหลังจากเธอหมุนติ้วอยู่ใจกลางวังน้ำวนอย่างบ้าคลั่งมาพักใหญ่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะร่อนลงสู่พื้น ถึงพบว่าร่อนลงบนสถานที่แห่งหนึ่งที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแน่นอน
————————————————————————————-
บทที่ 3000 มารแปลง
หลายวันมานี้เถิงเสออดทนรอคอยอยู่ด้านนอกทะเลทรายอย่างทุกข์ทรมานยิ่ง
กู้ซีจิ่วตกลงให้มันคอยอยู่ด้านนอก มันไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่เลย หลังจากกู้ซีจิ่วเข้าไปได้ไม่นาน มันก็ลองติดต่อไปหานางดูครั้งหนึ่ง ผลคือติดต่อไม่ได้
โชคดีที่กู้ซีจิ่วบอกไว้ก่อนจะเข้าไปแล้วว่าทะเลทรายแห่งนี้พิลึกยิ่ง มีความเป็นไปได้ที่จะปิดกั้นสัญญาณเชื่อมต่อของยันต์ถ่ายทอดเสียงได้ ติดต่อกันไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
มันทำได้เพียงรอคอยอย่างกระวนกระวายว้าวุ่น
ผ่านไปหนึ่งวัน ผ่านไปอีกหนึ่งวัน แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
ไม่มีข่าวคราวจากกู้ซีจิ่วเลย และยังไม่โผล่ออกมาเลย มันรอคอยอยู่ที่ปากทางเข้าทะเลทรายแห่งนี้จนแทบจะกลายเป็นศิลาผู้เฝ้ารอแล้ว
เถิงเสอก็ไม่กล้าติดต่อไปที่ตี้ฝูอีเช่นกัน เนื่องจากไม่กี่วันมานี้ตี้ฝูอีก็ยุ่งมากเช่นกัน ง่วนอยู่กับการเข้าออกทวีปต่างๆ สืบหาเบาะแส มันจึงพยายามที่จะไม่ไปรบกวนเขา
ได้แต่อดทนให้เวลาผ่านพ้นไป ได้แต่ภาวนาให้กู้ซีจิ่วออกมาภายในระยะเวลาห้าวัน...
สิ่งที่ทำให้มันไม่สบายใจคือ ทะเลทรายแห่งนี้ขยายตัวขึ้นตลอดเวลา!
เดิมทีปากทางเข้าสู่ทะเลทรายอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองยิ่ง ห่างไกลกันราวพันลี้
เนื่องจากทะเลทรายแห่งนี้ร้อนระอุยิ่ง นอกจากผู้บำเพ็ญพวกนั้นที่อยากจะมาขจัดมารสังหารปีศาจแล้ว ไม่มีผู้ใดยินดีจะเข้าใกล้ที่นี่เลย ดังนั้นตามปกติแล้วสถานที่แห่งนี้จึงไม่มีผู้คนเลย เถิงเสออยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ก็ไม่พบเห็นเงาร่างของผู้อื่นเลยเช่นกัน
ดังนั้นถึงแม้ทุกคนจะทราบว่าทะเลทรายแห่งนี้กำลังขยายตัว ทว่าไม่มีผู้ใดทราบเลยว่ามันขยายตัวได้เร็วแค่ไหน
ส่วนเถิงเสอเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าทะเลทรายแห่งนี้มาโดยตลอด จับสังเกตแนวโน้มความเคลื่อนไหวของทะเลทรายแห่งนี้ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงมองออกว่าในหนึ่งวันทะเลทรายแห่งนี้ขยายตัวเป็นระยะหลายลี้เลย! แถมยังร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ร้อนจนสัตว์วิเศษที่ชอบละเล่นเพลิงเช่นมันก็ทนไม่ไหวอยู่บ้าง อยากหาสถานที่ร่มเย็นสักแห่งเพื่อพำนัก
มันยังบังเอิญพบพานผู้บำเพ็ญคู่หนึ่งที่คิดจะเข้าไปเสี่ยงภัยที่นี่ด้วย ผู้บำเพ็ญคู่นี้อายุมากโขแล้ว นับว่าเป็นการพบรักกันในยามบั้นปลาย ทว่าถูกบุตรหลานในครอบครัวต่อต้านอย่างรุนแรง สองคนนี้จึงคิดจะไปเสี่ยงภัยด้านในนี้ดูสักรอบ ถ้าได้รับความเห็นชอบจากกษัตริย์แล้ว ก็จะได้รับการยอมรับจากวงศ์ตระกูลด้วย
แน่นอน ผู้บำเพ็ญคู่นี้ก็อยากรู้เช่นกันว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นในทะเลทรายแห่งนี้ สร้างประโยชน์ให้ปวงประชา
แต่พอเดินทางไปถึงปากทางเข้า ก็ถูกคลื่นความร้อนพัดพากลับมา!
พลังยุทธ์ของพวกเขาต่ำต้อย ไม่มีทางต้านทานอุณหภูมิที่ร้อนระอุประหนึ่งภูเขาไฟของทะเลทรายได้ เพิ่งจะไปถึงปากทางเข้าก็ถูกคลื่นความร้อนแผดเผาทำร้ายแล้ว หากมิใช่เพราะเถิงเสอยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้ทันกาล เกรงว่าคู่รักวัยชราคู่นี้คงร้อนตายอยู่ที่ปากทางเข้าทะเลทรายแล้ว
ถึงแม้วรยุทธ์ของคู่รักสูงวัยคู่นี้จะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ ทว่ามีความรู้กว้างขวาง โดยเฉพาะแม่เฒ่าคนนั้นเนื่องจากตระกูลเลี้ยงชีพด้วยการค้าขายข้อมูลข่าวสาร นางผู้เป็นเจ้าบ้านยิ่งรอบรู้ถึงความเป็นไปในอดีตและปัจจุบันดี ทราบข้อมูลลับที่ผู้อื่นไม่ล่วงรู้มากมายยิ่งนัก
เถิงเสอสืบถามข้อมูลเกี่ยวกับทะเลทรายแห่งนี้จากปากคำของแม่เฒ่าคนนี้ได้ไม่น้อยเลย
ได้ยินมาว่าเมื่อแสนกว่าปีก่อนจู่ๆ ทะเลทรายแห่งนี้ก็โผล่ขึ้นมา ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า เดิมมีขนาดเท่าเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง คล้ายจะมีเขตแดนอยู่รอบด้าน ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงล้ำเข้าไปได้
เนื่องจากตอนนั้นผู้คนในทวีปนี้ยังคงอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์กัน เลยไม่มีใครสนใจมัน
ล่วงเลยมาหลายหมื่นปี ทะเลทรายแห่งนี้ก็ยังคงมีขนาดเท่าเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเสมอมา ดำรงอยู่อย่างเงียบเชียบ
จนกระทั่งเมื่อเกือบสองหมื่นปีก่อนมันถึงได้เริ่มเติบโตขยายขอบเขตขึ้นมา ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ กินพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงคู่รักที่สามารถเข้าไปได้ แต่เข้าไปก็ไม่ออกมาอีกเลย…
เถิงเสอใจคอไม่ดีขึ้นมาแล้ว
ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์เทพที่มีชีวิตมาหลายหมื่นปีแล้วตัวหนึ่ง พบเห็นโลกมามากมาย เมื่อได้ยินสามีภรรยาคู่นี้กล่าวเช่นนี้ มันก็สังหรณ์ใจแล้วว่าในทะเลทรายแห่งนี้น่าจะผนึกสัตว์ร้ายอันใดเอาไว้ และในช่วงสองหมื่นปีมานี้สัตว์ตัวนี้ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว และดูเหมือนว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อมแล้ว…
คู่รักสูงวัยคู่นี้ก็คงจะทราบเช่นกันว่าไม่อาจเข้าไปได้แล้ว เข้าไปก็มีแต่ต้องตาย ดังนั้นหลังจากพูดคุยกับเถิงเสออยู่พักหนึ่งก็จากไป
จู่ๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันเกิดขึ้นในคืนวันที่สาม!
————————————————————————————-