บทที่ 2997 ความชอบของนาง 2
นางโบกแขนเสื้อไปทางพวกตี้เฮ่าคราหนึ่ง
ตี้เฮ่า มังกรประทีปชมพู ฟั่นเชียนซื่อ…ปะติมากรรมน้ำแข็งทั้งสามชิ้นสลายตัวเป็นละอองน้ำแข็ง หลอมละลายไปท่ามกลางหิมะน้ำแข็งหมื่นจั้ง
“เฮ่าเอ๋อร์!” เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันมืดมิด สีหน้าแปรเปลี่ยน คำรามอยู่ในลำคอ หมายจะตะโกนเรียกชื่อบุตรชาย ในทรวงอกราวกับจมลงสู่หิมะน้ำแข็งในทันใด เหน็บหนาวจนน่ากลัว!
เธอดั้นด้นตามมาถึงที่นี่ด้วยความลำบากลำบน ก็เพื่อช่วยเหลือบุตรชาย กลับคาดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายจะสลายไปเช่นนี้ ถ้างั้นเธอลำบากลำบนถึงขนาดนี้เพื่ออะไรกัน?
แม้แต่ลูกชายของตัวเองเธอก็ยังช่วยเหลือไม่ได้ เช่นนั้นจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? มิสู้ตายให้พ้นๆ ไปเสียดีกว่า!
“ใช่แล้ว ตายให้พ้นไปเสีย…” เสียงที่แว่วอยู่ข้างหูคอยสาดเติมเชื้อไฟ บีบคั้นให้เธอยอมแพ้
เธอหลับตาลงแล้ว ขณะที่กำลังจะละทิ้งทุกสิ่ง จู่ๆ คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง
ไม่สิ! นี่ไม่ถูกต้อง!
ฟังจากสิ่งที่ตี้เฮ่ากับเสี่ยวเฝิ่นประสบพบพานในช่วงหลายวันมานี้แล้ว เสี่ยวเฝิ่นน่าจะเป็นกุญแจหลักในการคงอยู่ของทะเลทรายแห่งนี้ คนอื่นอาจสูญสลายเป็นละอองหิมะได้ แต่ไม่มีทางเกิดขึ้นกับมันเด็ดขาด! ไม่งั้นจะมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ได้ยังไง?!
เธอเหลียวมองรอบข้าง พบว่าหิมะที่อยู่รอบๆ ขาวโพลนไปหมด กลางนภามีเกล็ดหิมะขนาดใหญ่ล่องลอย ตี้เฮ่า มังกรประทีปชมพู ฟั่นเชียนซื่อ ล้วนไม่อยู่เลยสักคน มีเพียงสตรีชุดขาวนางนี้ที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มละไมอยู่ตรงจุดเดิม
นี่คือห้วงมายา! นี่ต้องเป็นห้วงมายาแน่นอน!
แต่ว่า ควรทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากห้วงมายานี้ได้? ต้องมีวิธีอยู่เป็นแน่! ต้องมีแน่นอน!
ดวงหน้าเฉิดฉันของเธอเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด เห็นได้ชัดว่าทรมานอย่างยิ่ง
“ท่านแม่!” น้ำเสียงที่แกร่งกร้าวสายหนึ่งคล้ายจะแว่วมาจากโลกภายนอก “ท่านแม่ ท่านคือเทพผู้สร้างโลก ท่านจะตายไม่ได้นะ…”
เสียงนั้นดั่งระฆังรุ่งสางกลองพลบค่ำ สะเทือนโสตประสาท ทำให้เธอสั่นสะท้านคราหนึ่ง
แทบจะในเวลาเดียวกันนี้ เวทวิชาบทหนึ่งพลันแวบเข้ามาในสมองเธอ เวทวิชาบทนั้นคล้ายจะเป็นสิ่งที่คลี่คลายวิชามายาชนิดนี้ได้!
เธอเหมือนคนจมน้ำที่คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นท่องออกมาในใจทันที!
ทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าหลอมละลายดุจหิมะต้องแสงตะวันฤดูใบไม้ผลิ กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นมาทันที!
ท้องนภาถูกบดบังด้วยเมฆาครึ้ม เกล็ดหิมะปลิวว่อน สตรีชุดขาวยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ…
ในวินาทีนี้ กู้ซีจิ่วเกือบนึกว่าเธอยังไม่ตื่นจากฝันร้ายเสียแล้ว ห้วงมายาไม่ได้เลือนหายไป
แต่ในไม่ช้า เธอก็มองเห็นบุตรชายของตัวเอง
ร่างของเสี่ยวตี้เฮ่าจับตัวเป็นน้ำแข็งไปครึ่งตัวแล้ว มือน้อยๆ จรดร่ายอาคมอยู่ พยายามจะฝืนยืนหยัดเพื่อบางสิ่งอย่างสุดชีวิต ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง ทว่าสายตาจับอยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่ว แม่ลูกสบตากัน เสี่ยวตี้เฮ่าถอนหายใจอย่างโล่งอก “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็ได้สติแล้ว!”
กู้ซีจิ่วก็โล่งอกเช่นกัน บุตรชายยังมีชีวิตอยู่!
เธอกวาดสายตาต่อไป มองเห็นฟั่นเชียนซื่อแล้ว
ร่างของเขาไม่มีน้ำแข็งจับอยู่ ดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เพียงแต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเซียวอย่างยิ่ง เขายืนแยกเท้าตั้งท่าอยู่ตรงนั้น คล้ายว่ากำลังร่ายวิชายุทธ์อะไรบางอย่างอยู่
กู้ซีจิ่วประสานสายตากับเขากลางอากาศ เขายิ้มแวบหนึ่ง “ยอดเยี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าจะได้สติขึ้นมาด้วยตัวเอง”
น้ำเสียงเขาเสมือนถูกแช่แข็งจนเป็นผลึกน้ำแข็งไปแล้ว ดูแหบห้าว
เดิมทีรอยยิ้มนั้นของเขาเป็นรอยยิ้มที่สง่างามอ่อนโยน แต่ยามนี้กลับดูค่อนข้างแข็งทื่อยิ่งนัก ดูอึมครึมเสมือนยิ้มแต่เปลือกนอกเท่านั้น
แต่เดิมกู้ซีจิ่วก็รังเกียจชิงชังเขาอยู่แล้ว ยามนี้พอเห็นเขามีรอยยิ้มเช่นนี้อีกจิตใจก็ยิ่งอึดอัดคับข้อง กล่าวอย่างเยียบเย็น “แน่นอน ไม่นึกเลยว่าเจ้ายังรอดอยู่”
ฟั่นเชียนซื่อเงียบไปแล้ว
กู้ซีจิ่วมองมังกรประทีปชมพูต่อ เจ้าตัวนั้นยังอยู่ดีจริงๆ แต่มันคล้ายจะได้รับความตระหนก คุกเข่าอยู่ตรงนั้นราวกับรูปปั้นสีชมพูชิ้นหนึ่ง ดวงตากลอกกลิ้งไปมา เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วลืมตา มันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบเชียบ
————————————————————————————-
บทที่ 2998 ความชอบของนาง 3
กู้ซีจิ่วก็โล่งอกเช่นกัน
ค่อยยังชั่ว ยังปลอดภัยกันทั้งหมด
เพียงแต่สถานการณ์ของบุตรชายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถูกแช่แข็งไปครึ่งตัวแล้ว!
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาทันที เคลื่อนย้ายไปที่ด้านหน้าของบุตรชาย ทาบฝ่ามือลงบนปลีน่องของตี้เฮ่า โคจรพลังวิญญาณ ละลายน้ำแข็งบนร่างตี้เฮ่าออกไปอย่างรวดเร็ว
ตี้เฮ่าขยับแขนขาดูเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของกู้ซีจิ่วไว้ “ท่านแม่ ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว” สุ้มเสียงเปี่ยมด้วยความยินดี
เมื่อครู่พอสตรีชุดขาวนางนั้นเข้าใกล้กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วก็นิ่งงันไปเสมือนต้องสาป เกล็ดน้ำแข็งบนร่างเดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี ดวงตาปิดลง คล้ายจะสูญเสียสติไปแล้ว
ตี้เฮ่าร้อนรนนัก โผเข้าไปหาทันที ต้องการจะช่วยเหลือนาง กลับคาดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะขยับร่าง ก็ถูกแช่แข็งไว้ตรงที่เดิมแล้ว
หากมิใช่เพราะเขาสัมผัสถึงความเลวร้ายได้ รีบโคจรเคล็ดฝึกยุทธ์แบบพิเศษทันที เกรงว่าเขาคงถูกแช่แข็งจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งไปแล้ว
แต่ตอนนั้นเขาขยับไม่ได้แล้ว ที่สามารถเคลื่อนไหวได้มีเพียงร่างกายท่อนบนกับปากเท่านั้น เขาลงมือกับสตรีชุดขาวนางนั้น แต่ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาแทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว กระบวนท่าที่สำแดงออกไปไม่อาจคุกคามสตรีนางนั้นได้เลย
เขาทำได้เพียงเอ่ยเรียกมารดาของตนซ้ำๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ปลุกนางไม่ได้เลย สีหน้าก็ซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าดวงวิญญาณกำลังจะสลายหลุดลอยด้วย
มังกรประทีปชมพูตัวนั้นก็แผดร้องเสียงแหลมอยู่ด้านข้าง เสียงแผดร้องประหนึ่งหวูดรถไฟ ทว่าไม่เป็นผลเลยเช่นกัน
ตี้เฮ่าร้อนรนกระวนกระวายแล้ว คิดจะกระตุ้นฟั่นเชียนซื่อให้ลงมือช่วยเหลือคน “ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าจะมองดูนางสิ้นชีพไปเช่นนี้น่ะหรือ?”
ตอนนั้นฟั่นเชียนซื่อก็ยืนอยู่ในท่านี้เช่นกัน เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ก็แค่มองเขาอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง ไม่เอ่ยวาจาเลยสักประโยค
สุดท้ายตี้เฮ่าก็อับจนหนทาง พลันตัดสินใจเอ่ยถึงฐานะในอดีตของนางออกมา…
คาดไม่ถึงว่าไม้นี้จะได้ผลยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่ากู้ซีจิ่วได้สติกลับมาทันเวลา!
ตี้เฮ่ายังคงเป็นผู้รอบรู้อยู่ มองออกว่าเคล็ดวิชานั้นที่กู้ซีจิ่วใช้เพื่อบังคับเรียกคืนสติพิสดารยิ่งและทรงพลังนัก เห็นได้ชัดว่ามิใช่วิชาที่ตัวกู้ซีจิ่วในปัจจุบันจะสามารถสำแดงออกมาได้
ไม่จำเป็นต้องถามเลย นี่คือทักษะยุทธ์ของเทพผู้สร้างโลก…
ถึงแม้กู้ซีจิ่วในปัจจุบันจะไม่ได้ความทรงจำและวรยุทธ์ในฐานะของเทพผู้สร้างโลกกลับคืนมา แต่เมื่อนางประสบพบพานอันตรายอย่างแท้จริง ยังคงสำแดงกระบวนท่าพิสดารสักท่าสองท่าออกมาเพื่อช่วยเหลือตัวเองอยู่บ่อยครั้ง…
ยกตัวอย่างเช่นยามนี้ ตอนนี้นางช่วยเหลือตัวเองได้อีกครั้งแล้ว!
ตี้เฮ่าปรีดานัก รู้สึกว่าท่านแม่ของบ้านตนเป็นปาฏิหาริย์เดินได้โดยแท้!
กู้ซีจิ่วลูบหัวเขา “แน่นอน แม่เป็นใครกันล่ะ ฟื้นฟูได้รวดเร็วเสมอนั่นแหละ”
อันที่จริงตัวเธอเองก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอถูกฟั่นเชียนซื่อผนึกความเคลื่อนไหวเอาไว้แล้วชัดๆ แต่หลังจากตนทุ่มเทกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากการควบคุมของสตรีนางนั้น แม้แต่จุดชีพจรที่ถูกฟั่นเชียนซื่อสกัดไว้ก็คลายไปด้วยเช่นกัน แถมอาการบาดเจ็บบนร่างก็คล้ายว่าจะหายดีไปส่วนหนึ่งแล้ว
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆาครึ้มบดบังนภา มองไม่เห็นเงาของดวงตะวันเลยสักนิด
ไอหนาวรอบข้างบีบคั้นผู้คน ราวกับอยู่ขั้วโลกใต้
กู้ซีจิ่วล้วงสาบเสื้อ หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์สองตัวออกมาจากมิติเก็บของ ผืนหนึ่งคลุมให้ตัวเอง ผืนหนึ่งให้ตี้เฮ่า
เห็นได้ชัดว่าเสื้อคลุมสองตัวนี้ของเธอเป็นของวิเศษ คราแรกที่หยิบออกมาดูทั้งหนาทั้งใหญ่ แต่หลังจากคลุมไว้บนร่างแล้วก็แนบเนื้อเข้ารูป ไม่อ้วนไม่ผอมกำลังพอดี
มังกรประทีปชมพูมองด้วยสายตาร้อนแรง อยากจะได้สักผืนหนึ่งเช่นกัน ‘สิ่งนั้น…เจ้านาย…มอบให้ข้าสักผืนได้หรือไม่?’
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง หยิบผ้าห่มขนสัตว์ผืนหนึ่งออกมา “ยกสิ่งนี้ให้เจ้าเอาไหม?”
มังกรประทีปชมพูใช้เขาเกี่ยวเอาไป ห่มลงบนร่าง
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มแวบหนึ่ง “ย่อมไม่มีส่วนของข้าสินะ”
ไม่มีใครสนใจเขา กู้ซีจิ่วย่อมไม่มองเขาอีกเลย เพียงทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
หลังจากสวมเสื้อคลุมแล้ว รู้สึกอบอุ่นขึ้นไม่น้อยเลย อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน
————————————————————————————-