เฝิงรุ่ยเฉิงไม่ยอมรับความผิดและปฏิเสธว่าพวกตนมิใช่ฝ่ายที่วางแผนชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็คาดถึงสิ่งนี้กันไว้แล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกชะมัด การจัดการกับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลเฝิงของพวกเจ้า มีที่ไหนที่จะต้องทำให้เป็นปัญหายุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องให้ทั้งสามตระกูลร่วมมือกันด้วยซ้ำ เพียงตระกูลเดียวก็มากเกินกว่าที่ตระกูลเฝิงจะรับมือได้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่น่าสมเพชอย่างการสังหารโจวหังรุ่ยเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นความผิดของพวกเจ้าหรอก”
โหรวฉิงแสยะยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง
“ถูกต้อง เฝิงรุ่ยเฉิง เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจเพียงใดกันที่พวกเราสามตระกูลจะต้องลงทุนพยายามถึงขั้นนั้นเพียงเพื่อจัดการเจ้า ? หากจะกล่าวว่าเราไม่มีหลักฐาน เฝิงเยี่ยก็คือหลักฐานชั้นดี เหตุใดเราไม่ลองถามเขาดูล่ะว่าตระกูลเฝิงมีแผนการอย่างไรกันแน่ ?”
เฉินเซี่ยวลั่วกล่าวเสริม เฝิงรุ่ยเฉิงผู้นี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ ไม่คาดคิดว่าจะยังต้องการดิ้นรนขัดขืนอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ เขาทำลายรากฐานพลังของท่านอาจารย์ของข้าและจับตัวขังไว้ ไม่อาจทราบได้เลยว่าตอนนี้ท่านอาจารย์ของข้าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขา โจวเฉียนและคนอื่น ๆ ร่วมมือกันวางแผนกำจัดฉินอวี้โม่และศิษย์จากสามตระกูลในดินแดนลับ เรื่องนี้เป็นแผนการที่รู้กันทั่วทั้งตระกูลเฝิง ตราบใดที่พาบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเฝิงมาที่นี่และเอ่ยถาม ข้าเชื่อว่าจะมีคนพูดความจริงอย่างแน่นอนขอรับ”
เฝิงเยี่ยกล่าวเปิดโปงแผนการของตระกูลเฝิงต่อทุกคน
“เฝิงรุ่ยเฉิง ทีนี้เจ้าจะแก้ตัวอย่างไรอีก ?!”
จ้าวเหลียงตะโกนกร้าวด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุด การคัดเลือกครานี้มีกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่ตั้งไว้อย่างแน่ชัดแล้วซึ่งก็คือห้ามผู้เข้าร่วมการคัดเลือกสังหารหรือทำร้ายผู้อื่นจนถึงตาย ตระกูลเฝิงละเมิดกฎทั้งหมดและยังต้องการกำจัดศิษย์จากสามตระกูลใหญ่ สิ่งที่พวกเขาทำครานี้เกินจะให้อภัยอย่างแท้จริง
“ท่านผู้นำขอรับ ! ผู้อาวุโสใหญ่หนีออกจากจวนไปแล้วและไม่ทราบว่าไปที่ใดขอรับ”
ศิษย์คนหนึ่งที่ถูกส่งไปตามโจวเฉียนที่จวนตระกูลโจววิ่งตาตื่นกลับมาและกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
เขาทราบข่าวทันทีที่กลับไปถึงจวนตระกูล นั่นคือผู้อาวุโสโจวเฉียนหลบหนีออกไปเป็นการล่วงหน้าแล้วและไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาอยู่ที่ใด
กล่าวได้ว่าเขาชาญฉลาดไม่น้อยและเตรียมความพร้อมล่วงหน้าสำหรับกรณีที่แผนการของพวกตนล้มเหลว เกรงว่าตอนนี้เขาน่าจะออกจากเมืองเทียนหยวนไปไกลแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยเบาะแสให้ผู้ใดตามตัวได้พบ
“เหอะ ! เจ้าแก่นั่น !”
โจวปิ่งฮุยแค่นเสียงเย็นชาและสบถอย่างโกรธแค้น การที่โจวเฉียนหลบหนีไปอย่างรวดเร็วและทิ้งเรื่องวุ่นวายไว้ให้เขาต้องตามแก้ไขเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่งนัก หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เกรงว่าตระกูลโจวของเขาคงไม่มีทางอยู่รอดได้อีกต่อไป
“ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว เฝิงรุ่ยเฉิงและโจวเฉียนสมคบคิดกันเพื่อโค่นล้มอำนาจสามตระกูลใหญ่และสังหารท่านจอมยุทธ์อวี้โม่ อีกทั้งพวกเขายังทำให้ความมั่นคงของตระกูลโจวของเราต้องสั่นคลอนเช่นนี้ เราต้องกำจัดตระกูลเฝิงไปจากเมืองเทียนหยวนแห่งนี้ รวมถึงลงโทษเฝิงรุ่ยเฉิงและสมาชิกคนอื่น ๆ อย่างสาสม !”
โจวปิ่งฮุยกล่าวแสดงความคิดเห็นของตนด้วยน้ำเสียงที่แสดงความชิงชังที่มีต่อเฝิงรุ่ยเฉิงอย่างไม่ปิดบัง หากมิใช่เพราะผู้นำตระกูลเฝิง เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจเช่นนี้แน่ เฝิงรุ่ยเฉิงและโจวเฉียนคือสองคนที่เขาจะจดจำอย่างไม่มีวันลืม การหลบหนีได้ทันท่วงทีของโจวเฉียนมิได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้คนผู้นั้นรอดตัวไปได้ เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เขาจะออกคำสั่งให้ตามไล่ล่าโจวเฉียนอย่างแน่นอน ต่อให้จะต้องพลิกหาทั่วทั้งดินแดน เขาก็จะต้องจับโจวเฉียนมาชดใช้ความผิดให้จงได้
“เฝิงเยี่ย อย่าคิดใส่ร้ายข้าจะดีกว่า”
เฝิงรุ่ยเฉิงจ้องหน้าเฝิงเยี่ยตาเขม็งก่อนกล่าวข่มขู่เขาผ่านทางกระแสจิต “เฝิงเยี่ย เจ้าไม่อยากให้อาจารย์ของเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วรึ…”
“เฝิงรุ่ยเฉิง อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้จักธาตุแท้ของเจ้า ต่อให้ข้าเชื่อฟังทำตามคำสั่งทุกอย่าง เจ้าก็คงไม่ปล่อยอาจารย์ของข้าไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าทราบดีว่าเจ้าเห็นอาจารย์และศิษย์อย่างข้าเกะกะรกหูรกตา ทว่าครานี้ข้าจะไม่ทนให้เจ้าได้มีโอกาสกดขี่ข่มเหงพวกเราอีกต่อไป”
เฝิงเยี่ยไม่คิดเสแสร้งแสดงละครอีกต่อไปและกล่าววาจาฉีกหน้าผู้นำตระกูลเฝิงอย่างไม่เกรงกลัว
แท้ที่จริง ประสบการณ์ที่น่าหดหู่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็ถือว่ามากเกินทนสำหรับเขา หากมิใช่เพราะอาจารย์ที่เคารพรัก เขาก็คงออกจากตระกูลเฝิงไปนานแล้ว หลังจากเหตุการณ์ครานี้ เชื่อว่าอาจารย์ของเขาก็คงจะรู้สึกเจ็บปวดใจสลายเช่นกันและไม่มีความภักดีหรือคาดหวังในตัวของเฝิงรุ่ยเฉิงอีกต่อไป
“ดี ! ดีมาก !”
เฝิงรุ่ยเฉิงเผยรอยยิ้มออกมาโดยที่ไม่แสดงสีหน้าที่โมโห คาดไม่ถึงเลยว่าครานี้เฝิงเยี่ยจะแน่วแน่ยิ่งนัก เฝิงรุ่ยเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าในเมื่อมีผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งเป็นอาจารย์ของเฝิงเยี่ยอยู่ในกำมือ บุรุษหนุ่มผู้นี้คงจะไม่กล้าฉีกหน้าตนเป็นแน่
“เฝิงรุ่ยเฉิง ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกรึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับเฝิงเยี่ยเบา ๆ เมื่อครู่นางส่งมารยาและอสูรอื่น ๆ อีกหลายตัวลักลอบเข้าไปที่จวนตระกูลเฝิงเพื่อช่วยอาจารย์ของเฝิงเยี่ยแล้วและเชื่อว่าจะได้รับข่าวความคืบหน้าในไม่ช้า
เฝิงรุ่ยเฉิงติดพันอยู่กับสถานการณ์ของที่นี่และคงคาดไม่ถึงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ตระกูลเฝิงไม่เพียงแต่ต้องการกำจัดนางออกจากการคัดเลือกเท่านั้น ทว่ายังคิดสังหารนางให้ตายไป ครานี้ฉินอวี้โม่จะไม่ยอมเมตตาอย่างแน่นอน
“ท่านเจ้าเมือง ที่จริงแล้วข้าถูกใช้เป็นเครื่องมือ…พวกเขาชักจูงและโน้มน้าวใจข้า โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด”
เมื่อเฝิงรุ่ยเฉิงหันไปเห็นจูยงและจูปี้ซึ่งนั่งนิ่งด้วยใบหน้าซีดเผือดอยู่ด้านข้าง รวมถึงจูโหย่วจ้วงที่คุกเข่าอยู่ข้างเฝิงต้าเป่า และความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเขาทันที
“ท่านเจ้าเมือง ตระกูลจูมาที่จวนตระกูลเฝิงของข้าและล่อลวงใจข้าด้วยผลประโยชน์มากมาย ท่านเองก็น่าจะทราบดีว่าข้ามีความฝันอยากทำให้ตระกูลเฝิงได้ขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มาโดยตลอด ตระกูลจูให้คำมั่นว่าพวกเขาจะช่วยให้ความปรารถนานั้นของข้ากลายเป็นจริง เพราะเหตุนั้นข้าจึงหักห้ามใจตนเองไม่ได้และมีส่วนร่วมในแผนการนั้น”
ตระกูลเฝิงดำรงอยู่ในเมืองเทียนหยวนมานานหลายร้อยปี แม้ไม่แข็งแกร่งพอที่จะแทนที่หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ได้ พวกเขาก็มีภูมิหลังที่มั่นคงพอสมควร เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นผลเสียต่อตระกูลของเขาอย่างที่สุด เฝิงรุ่ยเฉิงไม่ยอมอยู่เฉยและปล่อยให้ทุกอย่างพังทลายไปโดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง
“เหอะ ตระกูลเฝิงเป็นถึงตระกูลอันดับห้าของเมืองเทียนหยวน ทว่าตระกูลจูเป็นเพียงตระกูลจากอำเภอเล็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาจะมีสิ่งใดมาใช้ล่อตาล่อใจตระกูลเฝิงของเจ้าได้”
แน่นอนว่าซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ไม่เชื่อวาจาของผู้นำตระกูลเฝิง พวกเขาอดยิ้มเยาะและกล่าวค้านวาจาของเฝิงรุ่ยเฉิงไม่ได้
“เหอะ ต่อให้จะถูกพวกเขาใช้ผลประโยชน์ล่อใจจริง การที่เปิดศึกกับสามตระกูลใหญ่เช่นนี้ พวกเราก็ไม่มีทางให้อภัยตระกูลเฝิงแน่”
เฉินเซี่ยวลั่วแค่นเสียงเย็นชาอย่างไม่ใจอ่อนและไม่สนใจทั้งสิ้นว่าตระกูลเฝิงจะถูกผู้ใดล่อใจให้ร่วมแผนการหรือไม่
“ถูกต้อง การที่ตระกูลเฝิงกล้าคิดหมายหัวแม่นางอวี้โม่ ไม่มีความจำเป็นที่ตระกูลเฝิงจะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป !”
เสียงของบุรุษหนุ่มดังขึ้นในหูของทุกคนอย่างชัดเจนและเขาคือหลานเผิงผู้ซึ่งกลับมาจากการทำงานตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา เมื่อได้ยินว่าตระกูลเฝิงวางแผนชั่วเพื่อกำจัดฉินอวี้โม่ เขาก็โกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด
ฉินอวี้โม่เป็นผู้ถือครองป้ายจ้าวสมุทรและเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลาน การที่ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลเฝิงริอาจทำสิ่งที่ไม่ไว้หน้าตระกูลหลานและพยายามกำจัดฉินอวี้โม่เช่นนี้ ช่างเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเกินให้อภัย
“แม่นางอวี้โม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”
หลานเผิงเดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่และมองดูอย่างพิจารณา เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาก็โล่งใจได้เล็กน้อย
“เฝิงรุ่ยเฉิง ใครกันที่มอบความกล้าหาญให้เจ้าจนคิดจ้องเล่นงานผู้ที่ตระกูลหลานแต่งตั้งเป็นแขกคนสำคัญเช่นนี้ ?”
ในเวลานี้หลานเผิงก็แทบที่จะอดทนอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปขณะกล่าวด้วยวาจาโกรธเคือง
ใบหน้าของผู้นำตระกูลเฝิงเหยเกมากขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุที่เขากล้าดำเนินตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทราบมาว่าหลานเผิงจะไม่อยู่ในเมืองนานหลายวัน
เดิมทีเขามั่นใจว่าหากแผนการสำเร็จ เมื่อหลานเผิงกลับมาและค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อให้พวกเขาไม่ยอมรับผิด อีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้แน่ ไม่คิดเลยว่านอกจากแผนการจะล้มเหลวแล้วยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่หลานเผิงกลับมาทันเวลาพอดี
สำหรับการประจันหน้ากับสามตระกูลใหญ่ เฝิงรุ่ยเฉิงก็ไม่ได้เกรงกลัวสักเท่าไหร่นัก ทว่าหากเป็นตระกูลหลาน ต่อให้มีตระกูลเฝิงนับสิบตระกูลก็ไม่มีทางที่จะรับมือกับพวกเขาได้เลย
“นายน้อยหลาน ทุกอย่างเป็นแผนการของคนพวกนี้ พวกเขายุยงปลุกปั่นให้เราทำร้ายจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่”
เฝิงรุ่ยเฉิงยังคงโยนความผิดทั้งหมดให้กับตระกูลจูต่อไปด้วยหวังว่าตนจะเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ได้สำเร็จ
“เหอะ อย่าเสียเวลาพูดพล่ามเรื่องไร้สาระเลย ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเฝิงของเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดแตะต้องผู้ที่อยู่ในการดูแลของเราตั้งแต่แรก สำหรับพวกเจ้า เฝิงต้าเป่าและตระกูลจู มันก็ขึ้นอยู่กับแม่นางอวี้โม่ว่าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร !”
หลานเผิงตัดสินใจทันทีโดยไม่คิดปรึกษากับเจ้าเมืองเทียนหยวนอย่างจ้าวเหลียงแม้แต่น้อย
สำหรับเขาผู้เป็นนายน้อยของตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลหลาน แม้แต่จ้าวเหลียงที่เป็นถึงเจ้าเมืองของเมืองเทียนหยวนแห่งนี้ก็ยังมิใช่ตัวตนที่อยู่ในสายตาของเขา
ฉินอวี้โม่ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าหลานเผิงเดินทางไปที่เมืองใกล้เคียงเพื่อจัดการธุระบางอย่างและไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วเช่นนี้ ในตอนแรกแม้หลานเผิงยังไม่กลับมา ตระกูลเฝิงก็ไม่มีโอกาสเอาตัวรอดออกไปได้อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้ก็เรียกได้ว่าทุกอย่างง่ายดายขึ้นมาก
“เฝิงเยี่ย จงขอร้องให้ฉินอวี้โม่ปล่อยตระกูลเฝิงของเราไป แล้วข้าจะปล่อยตัวอาจารย์ของเจ้า”
เมื่อเห็นความแน่วแน่ของทุกคน สายตาของเฝิงรุ่ยเฉิงก็เลื่อนไปหยุดลงที่เฝิงเยี่ยอีกครั้งและใช้อาจารย์ของเขาเป็นเครื่องมือข่มขู่ ตอนนี้อาจารย์ของเฝิงเยี่ยถือเป็นไพ่ตายสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว โชคดีที่เฝิงรุ่ยเฉิงเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ต้นและไม่สังหารผู้อาวุโสคนนั้นในทันที มิฉะนั้นเขาคงไม่มีไพ่ตายมาใช้ในเวลาสำคัญเช่นตอนนี้
“ไม่ต้องเสียเวลาหรอก อาจารย์ของเฝิงเยี่ย พวกเราจะช่วยได้แน่”
ฉินอวี้โม่ได้ยินวาจาข่มขู่ของเฝิงรุ่ยเฉิงและกล่าวตอบโต้เบา ๆ
“เหอะ อาจารย์ของเขาถูกข้าขังไว้ในสถานที่ต้องห้าม นอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาอยู่ที่ใด พวกเจ้าไม่มีทางพบตัวเขาแน่”
เฝิงรุ่ยเฉิงยังคงข่มขู่ต่อไปด้วยความมั่นใจ ก่อนหน้านี้เขาจับตัวผู้อาวุโสตระกูลเฝิงไปขังไว้ในสถานที่ลับแล้วและในทั่วทั้งตระกูลเฝิงก็มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทราบว่ามันอยู่ที่ใด
“โอ้ งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวตอบ “ถ้าเช่นนั้นก็รอดูสักหนึ่งก้านธูปก่อนเถอะว่าข้าจะช่วยท่านผู้อาวุโสออกมาได้หรือไม่”
กล่าวได้ว่าสถานการณ์โดยรวมในตอนนี้ถูกตัดสินอย่างชัดเจนแล้วและนางไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไป เวลานี้นางเพียงยืนนิ่งอย่างสบาย ๆ โดยที่มีสีหน้ามั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกคนไม่กล่าวสิ่งใดอีกและเชื่อวาจาของฉินอวี้โม่ขณะเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
แม้แต่เฝิงเยี่ยก็ชื่นชมในความมั่นใจของฉินอวี้โม่เช่นกันและเชื่อว่านางจะช่วยเหลืออาจารย์ของตนได้แน่
มีเพียงเฝิงรุ่ยเฉิงเท่านั้นที่เริ่มมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ หากฉินอวี้โม่หาทางช่วยผู้อาวุโสตระกูลเฝิงได้สำเร็จ ชีวิตของเขาก็จะจบสิ้นอย่างแน่นอน หากไม่เหลือเครื่องมือใด ๆ ไว้ต่อรองอีกต่อไป เกรงว่าวันนี้เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
“มารยา พบตัวเขาหรือยัง ?”
ฉินอวี้โม่ส่งกระแสจิตหามารยาผู้ซึ่งกำลังสำรวจค้นหาอยู่ภายในจวนตระกูลเฝิงเพื่อถามความคืบหน้าว่าพบตัวอาจารย์ของเฝิงเยี่ยหรือไม่
“พบแล้วนายหญิง ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมตัวช่วยเขาออกมา นายหญิงรอสักประเดี๋ยว”
ทันทีที่มารยาและอสูรอื่น ๆ มาถึงจวนตระกูลเฝิง พวกมันก็เริ่มตามหาร่องรอยของผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเฝิงทันที ด้วยความสามารถในการสัมผัสรับรู้ที่ยอดเยี่ยม การตามหาคนเพียงคนเดียวก็มิใช่เรื่องยาก แม้เฝิงรุ่ยเฉิงจะกักขังเขาไว้และซ่อนไว้เป็นอย่างดี ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ได้ถูกขังไว้ในมิติพิเศษใด แน่นอนว่าบรรดาอสูรมายาย่อมพบตัวเขาภายในเวลาเพียงไม่นาน
“นายหญิง…อาการของผู้อาวุโสใหญ่ในตอนนี้ดูจะเลวร้ายทีเดียว”
เสียงของเสี่ยวม่านดังขึ้นซึ่งยืนยันได้ว่าสถานการณ์ของผู้อาวุโสในตอนนี้ย่ำแย่มาก
“ช่วยเขาออกมาและพาตัวเขามาที่ลานจัตุรัสโดยเร็ว ข้าจะจัดการเอง”
ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดคำสั่งออกไปทันทีและไม่นานนักเสี่ยวม่าน มารยาและอสูรอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวกลางอากาศเหนือลานจัตุรัส
บนหลังของเสี่ยวเฮยในตอนนี้คือบุรุษชราผู้หนึ่งที่ดูไร้เรี่ยวแรงและมีลมหายใจรวยรินเต็มที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว เกรงว่าเขาจะหมดลมหายใจในอีกไม่นาน
“ท่านอาจารย์…”
เมื่อเห็นบุรุษชราผู้นั้น สีหน้าของเฝิงเยี่ยก็เปลี่ยนไปทันทีขณะพุ่งตรงเข้าไปและกล่าวเรียกอาจารย์ของตน
“เฝิงรุ่ยเฉิง เจ้าทำอะไรอาจารย์ของข้า ?!”
หลังจากตรวจสอบอาการของอาจารย์ ใบหน้าของเฝิงเยี่ยก็บิดเบี้ยวเหยเกยิ่งกว่าเดิม