ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 41 หวังผ้อทะลวง (2)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

จากเทียนเหลียงถึงเวิ่นสุ่ย จากแดนใต้สู่ดินแดนเผ่ามาร จากเมืองสวินหยางสู่จิงตู จากอารามถานเจ้อสู่ถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ หวังผ้อได้เตรียมตัวที่จะชักดาบออก

เขาได้สะสมพลังงานให้กับดาบนี้มาเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่จะแหวกเปิดเส้นทางระหว่างพื้นดินกับท้องฟ้าพร่างดาว ตัดผ่านเส้นแบ่งเขตขั้น

เถี่ยซู่สัมผัสได้อยางชัดเจนว่าเมื่อเจตจำนงดาบของหวังผ้อไต่สู่จุดสูงสุด มันไม่ได้หยุดลงแต่กลับไต่สูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ถึงกับเริ่มมีการเปลี่ยนแลงที่ไม่อาจหยั่งรู้

หวังผ้อได้บำเพ็ญมาจนถึงจุดสูงสุดของขั้นรวบรอมดวงดาวนานแล้ว หากเขาต้องการที่จะพุ่งขึ้นไป ยังเป็นอะไรได้อีกนอกไปจากการทะลวงผ่าน

เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่วสองฝั่งแม่น้ำลั่ว

ร่างเถี่ยซู่หายไปตรงหน้าหวังผ้อ แต่เขาไม่ได้หายไปจริงๆ เพราะร่างเขามีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมดระหว่างเมฆขาวกับพื้นน้ำแข็ง

ไอปราณของโลกและกฎเกณฑ์ที่บรรจุอยู่ภายในได้รับผลกระทบจากร่างของเขา ดอกไม้ที่ไร้ตัวตนแผ่ประกายแวววาวของโลหะร่วงลงมาจากสวรรค์ ห่อหุ้มดาบของหวังผ้อเอาไว้ภายใน

เขาใช้โลกใบนี้ขังเจตจำนงดาบของหวังผ้อเอาไว้

ดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ผ่านการใช้ร่างกายของเขาและฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยแสงเย็นเยียบ!

ต้นไม้เหล็กออกดอกนับพันดอก แต่ละดอกแต่ละกลีบเป็นตัวแทนกฎเกณฑ์ของโลกนี้ บรรจุไว้ด้วยพลังที่เหนือธรรมดา

หากหวังผ้อต้องการจะมีชีวิตรอด เขาจำต้องมองทะลุกฎเกณฑ์เหล่านี้หรือทะลวงผ่านพวกมันไป

เขาเพิ่งบำเพ็ญเพียรมาไม่กี่ทศวรรษ แล้วจะสามารถมองทะลุวิชาที่เถี่ยซู่บ่มเพาะมาเป็นเวลานานนับปีไม่ถ้วนได้อย่างไร

ไม่ว่าเจตจำนงดาบของเขาจะก้าวหน้าไปเพียงใด ก็ไม่อาจตัดผ่านการโจมตีของเถี่ยซู่ที่เปี่ยมไปด้วยกฏเกณฑ์ของโลกใบนี้ได้

แล้วเขาจะทำอะไรได้

เจตจำนงดาบของหวังผ้อพุ่งขึ้นข้างบน

เสียงดังฉั่ว แขนซ้ายของเขาขาดและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เลือดฉีดพุ่งท่ามกลางโลกที่มีแต่สีขาวของหิมะ

เมฆบนท้องฟ้าและหิมะที่โปรยปรายถูกย้อมเป็นสีแดงในทันที

ภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเลือดจนน่ากลัวดูประดุจลาวาและลูกพลัมเน่า หมายจะแผดเผาทุกอย่าง ปนเปื้อนทุกสิ่ง

ภายในเลือดนี้มีปราณที่น่ากลัวอย่างมากอยู่

มีเสียงร้องคำรามอย่างไม่อยากเชื่อดังมาจากบางแห่งบนท้องฟ้า เป็นเสียงของเถี่ยซู่

นับจากตอนที่หวังผ้อตัดแขนของตัวเอง แขนของเขาก็กลายเป็นดาบ เลือดกลายเป็นเต๋า แล้วเจตจำนงดาบที่เขาใช้คืออะไร

เจตจำนงดาบนี้ทรงพลังน่ากลัวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงสามารถทำลายกฎเกณฑ์แห่งโลกได้อย่างง่ายดาย

หากสังฆราชหรือซางสิงโจวอยู่ที่นี่ บางทีพวกเขาอาจเข้าใจ

เจตจำนงดาบนี้เรียกว่า “ผลาญโลกา” เป็นส่วนหนึ่งของวิชาดาบสองท่อนของโจวตู๋ฟู

ในการบำเพ็ญเพียร เส้นทางต่างๆ มักมาบรรจบกัน แต่นี่ไม่เกี่ยวกับเจตจำนงวิชาดาบสองท่อนที่หวังผ้อใช้ในตอนนี้

ก่อนหน้านี้ที่ริมแม่น้ำลั่ว เฉินฉางเซิงได้พูดถึงความเข้าใจที่มีต่อวิชาดาบสองท่อนให้หวังผ้อฟัง แต่เขาเพียงแค่ฟังผ่านหูไม่ได้สนใจมากนัก

แต่ว่าเขาไม่สนใจจริงหรือ

แน่นอนว่าไม่

โจวตู๋ฟูเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดใต้ท้องฟ้าพร่างดาว และเขาใช้ดาบ

หวังผ้อเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นผู้ฝึกวิถีดาบที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่โจวตู๋ฟูจากไป ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าเขาใช้ดาบเช่นกัน

ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือปฏิเสธ วิถีดาบของโจวตู๋ฟูย่อมมีอิทธิพลต่อบำเพ็ญเพียรของเขา

ตราบใดที่ชื่อนั้นยังอยู่ ตราบใดที่ดาบสองท่อนยังอยู่ อิทธิพลของมันย่อมดำรงอยู่

เขารู้ดีว่าหากเขาใช้เจตจำนงดาบของดาบสองท่อนในวันนี้ ต่อให้เขาสามารถทะลวงผ่านการโจมตีของเถี่ยซู่ที่เปี่ยมไปด้วยกฎเกณฑ์ของโลกได้ การบำเพ็ญเพียรในวิถีดาบของเขาย่อมต้องถูกกระทบอย่างมากในอนาคต

แต่เขาก็ยังใช้ดาบนี้ออกไป

หากเขาแค่สืบทอดดาบนี้ การโจมตีของเขาคงไม่เพียงพอที่จะตัดผ่านดอกไม้ของเถี่ยซู่

แต่เขาเพิ่งฟันดาบนี้ลงด้วยตัวเอง

ดาบนี้มาจากโจวตู๋ฟู แต่สิ่งที่ดาบนี้ตัดเป็นอิทธิพลของโจวตู๋ฟูกับผู้ฝึกวิชาดาบคนอื่นที่มีต่อเขา

นี่ไม่ใช่การสืบทอดหรือส่งต่อดาบนี้แต่เป็นการยอมรับและละทิ้งมัน

ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำได้

แม้แต่หวังผ้อก็ยังต้องตัดแขนตัวเอง

แต่เมื่อแขนของเขาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า หมอกทั้งหมดในใจก็ถูกขับออกไป เงาทั้งมวลก็หายไป ทุกสิ่งตรงหน้ากระจ่างใส

ตอนนั้นเองที่ดาบของเขาตัดดอกไม้ของเถี่ยซู่

ดังนั้นเลือดที่เต็มท้องฟ้าและดอกไม้จึงร่วงลงราวกับเปือกตม

.……

……

.……

……

ห้วงแห่งจิตของหวังผ้อสงบนิ่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่เลือดที่พุ่งออกมาทั่วทิศทางกลับร้อนลวก ละลายหิมะในอากาศและน้ำแข็งบนแม่น้ำ

ดาบที่บรรจุไว้ด้วยเลือดตัดผ่ากลีบดอกไม้ที่เป็นตัวแทนกฎเกณฑ์ของโลกและเข้าถึงตัวเถี่ยซู่

ดาบนี้ยังอยู่ในฝัก แต่เจตจำนงของมันได้ตัดผ่านโลกใบนี้แล้ว

ไอปราณอันน่ากลัวเปี่ยมอำนาจทำลายล้าง ปราณอันเย็นเยียบเด็ดเดี่ยว ล้วนหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงตัวเขา

ภูเขาหิมะที่ไม่อาจเคลื่อน ต้นสนที่ไม่สั่นไหว…

หากดาบของเขาชักออกในตอนนี้ บางทีเขาอาจเอาชนะเถี่ยซู่ได้

โชคยังดีดาบนี้ยังไม่ออกจากฝัก

เถี่ยซู่รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่เขาต้องคว้าไว้

การต่อสู้บนแม่น้ำลั่วในวันนี้ หวังผ้อได้แสดงพรสวรรค์และความเด็ดเดี่ยวเหนือความคาดหมายของเขา ทำให้เขาตกตะลึงไปถึงขั้วหัวใจ

แต่ถึงแม้หวังผ้อสามารถทำลายเหตุผลทั้งมวลและทะลวงผ่านเขตแดนอย่างฉับพลัน เถี่ยซู่ยังเชื่อมั่นว่ายังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

เพราะเขามองเห็นปัญหาของหวังผ้อมานานแล้ว

หวังผ้อเก็บดาบนี้มานานเกินไป

เมื่อคนผู้หนึ่งใช้เวลารวบรวมพลังมานาน ปัญหาใหม่ก็จะเกิดขึ้นเกินกว่าจะจินตนาการได้

ยกตัวอย่างเช่น ดาบของหวังผ้อที่ยังอยู่ในฝัก และฝักดาบก็ถึงกับบิดงอ

หากเขาต้องการจะชักดาบ ย่อมต้องมีปัญหาอยู่บ้าง ชักช้ากว่าที่เคยอยู่บ้าง

แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ เพียงสายฟ้าฟาด ก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนการต่อสู้นี้ได้

เสียงโหยหวนเย็นเยียบดังขึ้น ร่างเถี่ยซู่ปรากฏอยู่เหนือแม่น้ำลั่วที่ใจกลางของดอกไม้นับพันหมื่น ฝ่ามือฟาดเข้าใส่ศีรษะของหวังผ้อ

ดังเช่นที่เขาเคยทำในตอนแรกเริ่ม

หวังผ้อดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่าดาบยังอยู่ในฝัก ยังตวัดดาบต่อไป สีหน้าสงบนิ่งจนดูเหมือนแข็งกระด้างอยู่บ้าง

ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาก็ดังก้องไปทั่วโลก

เป็นเสียงแตกร้าวที่แผ่วเบายิ่ง

เป็นเหมือนเสียงใบไม้เหลืองในอารามถานเจ้อที่ถูกลมพัดปลิวไป เสียงคนที่เหยียบลงบนหิมะบนถนนยาว

ไม่ มันเป็นเสียงของบางอย่างแตกหัก

เป็นชั้นน้ำแข็งที่บางลงเพราะความร้อน ต้นหลิวในฤดูหนาวที่ริมแม่น้ำถูกตัดด้วยคลื่นพลัง!

แจกันเงินแตก กองทัพใหญ่มาถึง!

น้ำแข็งแตก ความรุ่งเรืองของฤดูใบไม้ผลิที่แผ่กระจายไปทั่วภูเขา!

เป็นเสียงแตกร้าวของการทะลวงผ่าน

เป็นการแตกหักของหวังผ้อ

หวังผ้อได้ทะลวงผ่านแล้ว!

ดาบนี้ทะลวงผ่านฝักและฟันเข้าใส่เถี่ยซู่!

……

……

นี่ย่อมเป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของหวังผ้อที่เขาเคยฟันออกมาตลอดชั่วชีวิต

ฟ้าดินได้แสดงปฏิกิริยาเพื่อแสดงความเคารพ

หิมะที่ตกลงจากก้อนเมฆพลันหยุดลง

รอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนชั้นน้ำแข็งของแม่น้ำลั่ว จนกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งหนาจำนวนหลายพันแผ่นลอยอยู่บนผิวน้ำ

แผ่นน้ำแข็งลอยขึ้นลงราวกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่กำลังดิ้นรนอยู่เบื้องล่าง

อันที่จริงน้ำในแม่น้ำถูกพลังปราณแห่งฟ้าดินทำให้พลุ่งพล่านปั่นป่วน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งหมดก็กลับคืนสู่ความนิ่งงัน

หวังผ้อกำดาบเอาไว้ สายตามองไกลออกไปสิบกว่าลี้

แขนที่ขาดลอยไปที่ไหนก็ไม่ทราบ ตัวเขาปกคลุมไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตาสงบอย่างมาก

ห่างไปสิบกว่าลี้ เถี่ยซู่ยืนอยู่บนน้ำแข็ง ดูเหมือนกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ส่ายหน้าในที่สุด

เขาถอยกลับไปในแม่น้ำที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งและกิ่งหลิว ครั้นแล้วก็ตายไป