Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่948 เอาตำราวิชามาได้
เซียวเทียนเฉิงหัวเราะในแบบฉบับของหมาจิ้งจอก
ขอเพียงจับเย่เซิ่งเทียนอยู่ ชิงตัดหน้าเด็ดลูกท้อลูกนี้มากินเองก่อนสรวงสวรรค์ ถึงเวลานั้นต่อให้ทั้งสรวงสวรรค์ ก็ทำอะไรตระกูลเซียวไม่ได้
เย่เซิ่งเทียนก็หัวเราะอย่างดูซื่อ ๆ คิดแผนเล่นงานเซียวเทียนเฉิงอยู่ในใจ ดูกันไปแล้วกันว่าใครเหนือชั้นกว่าใคร
เซียวเทียนเฉิงให้เหล่าเฟิงพาเย่เซิ่งเทียนออกไป จัดแจงที่ให้พัก
การที่เย่เซิ่งเทียนอยู่ในสภาวะที่เลือดเทพแห่งซวนหยวนกำลังจะตื่นภวังค์ ทำให้เซียวเทียนเฉิงร้อนรุ่มขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าโรคร้ายของเขาหมดหวังจะรักษาแล้ว ก็ได้เลิกใส่ใจเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่ข่าวเรื่องที่ไอ้แก่จงหยู่นั่นนำมาบอก ก็ทำให้เขาสนใจขึ้นมาอย่างร้อนแรง เพียงขอให้ตามหาหลินเย่คนนั้นมาได้ รักษาโรคร้ายของเขาให้หาย ตัวเขาเองก็จะชิงตัดหน้าสรวงสวรรค์ได้ก่อน กลายเป็นเทพคุณอันดับหนึ่งของโลกนี้ได้
“หลินเย่ เอ๋ย หลินเย่ หวังว่าคุณจะรักษาโรคร้ายของฉันได้จริง ๆ นะ….”
ในตาของเซียวเทียนเฉิงส่องประกายหนาวเยือกขึ้นมากระแสหนึ่ง ใคร ๆ ก็คิดว่าโรคร้ายของเขาคงให้เขาอยู่ได้อีกสิบปี
แต่นั่นเป็นเรื่องที่ให้คนภายนอกรับรู้กันเท่านั้น ข้อเท็จจริงแล้วเลวร้ายกว่านั้น
อย่างมากสองปี หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้น ก็อาจจะไม่ถึงปีก็เป็นได้
ในช่วงเวลานี้ จริง ๆ แล้วเขากำลังเตรียมวางเรื่องภายหลังชีวิตของเขา
ถึงแม้ที่เล่ากันมาในตำนาน เมื่อทะลวงทะลุถึงแดนเทพแล้ว ก็สามารถรักษาโรคร้ายของเขาได้ แต่หากว่าแดนเทพนั้นทะลวงทะลุกันได้ง่าย ๆ นั้น ไอ้พวกเหล่าหมาแก่ในสรวงสวรรค์พวกนั้น ก็คงไม่ถูกกักไว้อยู่เป็นพันปี
ตอนนี้เย่เซิ่งเทียนได้มาให้ความหวังแก่เขา แต่การจะรอให้มวลสารทิพย์เกิดขึ้นในตัวเย่เซิ่งเทียนได้ แน่ชัดว่าต้องใช้เวลาปีสองปียังจะไม่พอ
เขารอไม่ไหว
เพราะฉะนั้น เขาได้แต่ต้องพึ่งหลินเย่คนนั้น
คิดมาถึงตอนนี้ เซียวเทียนเฉิงจึงได้ติดต่อไปที่จงหยู่อีก เพื่อถามข่าวคราวของหลินเย่
แต่ข่าวที่ได้กลับมานั้นทำให้เซียวเทียนเฉิงต้องผิดหวังอย่างมาก ยังคงตามหาหลินเย่กันไม่พบ หาทั่วทุกบ่อนพนันแล้วก็ไม่พบ เหมือนสูญหายไปกับสายลมงั้นเลยทีเดียว
“ดูแล้ว เราต้องพยายามช่วยการทะลุทะลวงของเย่เซิ่งเทียนให้เต็มที่ มีแต่ทางนี้ เราถึงจะได้มวลสารทิพย์ในเวลาอันสั้น”
เซียวเทียนเฉิงคิดใคร่ครวญ
จะให้ได้เนื้อหมู ก็ต้องป้อนเลี้ยงให้หมูกิน
เย่เซิ่งเทียน ก็คือหมูตัวที่เขาต้องป้อนเลี้ยงให้กิน
ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าเฟิงก็ได้จัดแจงให้เย่เซิ่งเทียนได้ที่พักเรียบร้อย
ไม่นานนัก เหล่าเฟิงก็ได้นำตำราแดนลอยเมฆมาให้ห้าเล่ม
เหล่าเฟิงแนะนำว่า “คุณชายเย่ นี่คือตำราที่ท่านเจ้าบ้านให้ผมนำมาให้คุณ ที่คุณฝึกมาในปัจจุบัน จะเป็นพวกตำราเศษขยะ ถึงแม้มีการทะลุทะลวง แต่สมรรถนะในการปฏิบัติการต่ำมาก อันดับของหลักวิชาต้องแบ่งเป็นเทียน ตี้ เสวียน หวาง สี่อันดับ เทียนเป็นอันดับสูงสุด หวางจะเป็นอันดับต่ำสุด พวกที่เข้าไปไม่ได้ถึงอันดับขั้นล้วนเป็นหลักวิชาขยะ ก็อย่างที่คุณฝึกมาก็คือหลักวิชาขยะที่ไม่ติดอยู่ในอันดับ ตำราทั้งห้าเล่มนี้เป็นหลักวิชาอันดับเสวียน เป็นของวิเศษประจำตระกูลเซียว หวังว่าคุณชายเย่จะไม่ทำให้เจ้าบ้านผิดหวังนะครับ”
หลักวิชาก็ยังมีการแบ่งชั้นอันดับด้วยหรือนี่?
เย่เซิ่งเทียนก็เพิ่งจะรู้เป็นครั้งแรกเอง เรื่องเหล่านี้พวกกู่ชางหลงกับมู่หุนก็คงจะไม่รู้เรื่อง
เหย้ซูหลิงคงต้องรู้จักเป็นแน่ แต่เหย้ซูหลิงถูกเขายั่วจนโกรธเขาอยู่ จึงไม่ยอมอธิบายให้รู้ละเอียด
ความจริงที่เหย้ซูหลิงไม่ได้บอก ก็เพราะจงใจคิดจะให้เย่เซิ่งเทียนก้มหัว ยอมรับผิดกับหล่อนเอง
แต่ไม่คิดว่า เย่เซิ่งเทียนก็ไม่คิดจะพึ่งพาตระกูลเหย้ให้มากเลยอย่างเด็ดขาด
ไข่ไก่จะใส่ในตระกร้าเดียวกันไม่ได้ฉันใด การฝากความหวังก็ต้องไม่อยู่กับใครคนเดียวฉันนั้น
หากไปพึ่งพิงตระกูลเหย้มากไป จะไม่เป็นผลดีกับเขามาก
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ถึงกับตัดขาดกัน เย่เซิ่งเทียนก็ยังคงต้องไหวตัวไว้
ทั้งนี้เพราะหลายปีนี้ได้รับบทเรียนจากการตกหลุมพรางมามากมายนับไม่ถ้วน
“ช่วยขอบคุณท่านลุงแทนผมด้วยนะครับ และผมจะไม่ทำให้ท่านลุงต้องผิดหวังแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนพูดด้วยการแสดงออกที่จริงใจ ท่าทีใสซื่อ รอยยิ้มที่เซื่องบริสุทธิ์
เหล่าเฟิงยังอดไม่ได้ที่เกิดความรู้สึกเหยียดหมิ่น
ต่อให้เย่เซิ่งเทียนเป็นถึงคุณเทพในโลกมนุษย์แล้วจะมีอะไร?มาถึงที่นี่ ก็ต้องหดหางทำตัวให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้
“หากแม้นมีอะไรต้องการ คุณก็สั่งคนรับใช้ไปได้เลย ไม่มีอะไรแล้ว ผมก็คงไม่อยู่รบกวนคุณชายเย่ละ”
“ท่านเฟิงตามสบายเถอะ”
หลังจากส่งท่านเฟิงไปแล้ว เย่เซิ่งเทียนปิดประตูทันที เริ่มต้นฝึกวิชา
เขามีความต้องการเวลามากกว่าใคร ๆ
จะต้องช่วงชิงทุกวินาที