ตอนที่ 995 จับปลาในน้ำขุ่น

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เย่เฉินกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ไม่เพียงแค่ค่ายกลป้องกันของตระกูลเย่ปรากฏรอยแตกเท่านั้น แต่กลิ่นอายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพยังเผยออกมาด้วย สิ่งนี้แทบจะทำให้คนทั่วทั้งแดนตะวันออกรู้ถึงเรื่องนี้แล้ว”

ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าว “ค่ายกลตระกูลเย่ของพวกเรา เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดที่สามารถเปิดมันได้ เป็นไปได้อยู่แค่ทางเดียว นั่นก็คือหม้อเทพไท่อีได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และได้เปิดค่ายกลนั้น”

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ชิงมู่ หม้อเทพไท่อีได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”

ชิงมู่กล่าว “ระยะทางไกลเกินไปจริง ๆ ข้าไม่แน่ใจมากนัก ตอนนี้ฝ่าบาทได้ตื่นขึ้นแล้ว การที่พวกเราทั้งหลายได้ตื่นขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่พวกเขาคาดเดานั้น มีความเป็นไปได้จริงถึงแปดส่วน”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น “แต่ทันทีที่เจ้าหมอนี่ตื่นขึ้นมาก็แทบจะทำให้คนทั้งโลกรู้ สมองเขาป่วยจริง ๆ เลย!”

หากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น หลังจากนี้ประมาณหนึ่งเดือนกว่าค่ายกลป้องกันของตระกูลเย่ก็จะเปิดออกเอง นางก็สามารถเอาสมุนไพรวิญญาณของตระกูลเย่ได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้กลับเป็นเช่นนี้ ผู้คนทั่วทั้งแดนตะวันออกล้วนแต่รู้แล้วว่าที่นั่นมีของล้ำค่าอยู่

ชิงมู่กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ไท่อีชอบโอ้อวดเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“เขาไม่กลัวถูกคนอื่นแย่งชิงไปเหรอ?”

“เขาชอบให้ผู้คนตามหาและแย่งเขามาก ดังนั้นจึง…”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างบ้าคลั่ง นางได้เจอกับชีชิง(หม้อชีชิงซวน) มาแล้ว ตอนนี้ไท่อีมาเป็นเช่นนี้อีก นางสามารถรับมือได้อยู่แล้ว

แม่ปูเดินเช่นไร ลูกปูก็เดินเช่นนั้น เจ้านายมีนิสัยเช่นไร ลูกน้องก็เลียนแบบเช่นนั้น ชิงมู่เป็นปกติก็ดีแล้ว และนางก็ไม่คาดหวังมากเกินไปที่จะให้หม้อเทพอื่น ๆ ปกติเช่นเดียวกันชิงมู่

มู่เฉียนซีกล่าว “จากข่าวที่แพร่หลาย เกรงว่าตอนนี้ผู้คนมากมายต่างก็แห่กันไปที่ตระกูลเย่ของเจ้าแล้ว พวกเราต้องรีบไปให้เร็วที่สุด”

“ขอรับ ข้าจะรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อม!” เย่เฉินกล่าว

หลังจากที่ได้ตระเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเขาก็เตรียมออกเดินทาง

ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าว “นายน้อย ข้าก็อยากจะไปดูด้วย”

เย่เฉินกล่าว “ท่านปู่ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้อันตรายมาก ท่านรอข้ากลับมาเถอะ!”

“แต่ว่า…” ก็เพราะว่ามันอันตรายอย่างไรเล่า ท่านผู้เฒ่าเย่จึงไม่วางใจที่จะให้เขาไป!

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านปู่เย่ เย่เฉินเป็นลูกน้องของข้า ข้าไม่มีทางให้เขามีอันตรายแน่นอน ท่านวางใจเถอะ!”

ท่านผู้เฒ่าเย่ไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจของพวกเขาได้ ทำได้เพียงแค่ยืนมองพวกเขาจากไป

บนร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา เย่เฉินได้รับข่าวล่าสุดมา และกล่าวว่า “นายท่าน ตอนนี้ตระกูลเย่ของข้าได้รับความสนใจของคนทั่วทั้งแดนตะวันออกแล้ว ตำหนักตงจี๋กองกำลังระดับสามได้ส่งคนออกมาแล้ว และกองกำลังระดับสองครึ่งเหล่านั้นทั้งหมดก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว กองกำลังระดับสองส่วนมากที่มีความแข็งแกร่งพอก็ไปลุยน้ำขุ่นนี้แล้ว”

ส่วนพวกเขามีกันแค่สามคนเท่านั้น

คิดจะเข้าไปในค่ายกลนี้เพื่อไปยังคลังเก็บสมบัติของตระกูลเย่และเอาของที่พวกเขาต้องการมานั้น ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับตระกูลเย่มาก แต่ก็ยากที่จะทำภารกิจนี้สำเร็จ

ทว่า มู่เฉียนซีกลับยิ้มและกล่าวว่า “ก็เพราะว่าคนเยอะนี่แหละ พวกเราก็จะสามารถจับปลาในน้ำขุ่นได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเรามากันสามคน ไม่พาคนอื่นมาด้วย”

กู้ไป๋อีกล่าว “ความแข็งแกร่งของกองกำลังระดับสองครึ่ง และกองกำลังระดับสามไม่อาจดูถูกได้ คุณหนูใหญ่ การจับปลาในน้ำขุ่นนี้ อาจจะจับจนต้องใช้ชีวิตแลกก็ได้”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ครั้งนี้ตำหนักตงจี๋ส่งใครมา?”

เย่เฉินกล่าว “ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ของพวกเราอยู่ห่างไกลเกินไป จึงไม่ได้รายละเอียดถึงขั้นนั้นมา รอให้มาถึงที่ก่อนค่อยสืบข่าวอีกที”

“อืม!”

ตระกูลเย่ หนึ่งในสามตระกูลยาโบราณตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแดนตะวันออก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาได้บินมาสามวันสามคืน จนในที่สุดก็มาถึงเมืองหนานอวิ๋นทางตอนใต้ของแดนตะวันออก

และที่ตั้งของตระกูลเย่ก็อยู่ในเทือกเขาหนานอวิ๋น เทือกเขาหนานอวิ๋นตั้งอยู่นอกเมืองหนานอวิ๋น

เทือกเขาหนานอวิ๋นทอดยาวอย่างต่อเนื่องจากตะวันออกไปยังตะวันตก ตระกูลเย่อาศัยอยู่อย่างสันโดษในนั้น ยากที่จะเปิดเผยออกมาได้

ทว่า ตอนนี้…

ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้เมืองหนานอวิ๋นก็รับรู้ได้ถึงพลังของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนั้นที่แผ่ซ่านออกมาจากเทือกเขาหนานอวิ๋น อีกอย่างมันก็ไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพธรรมดาด้วย

หากเป็นผู้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งมาก ๆ ก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนั้นได้แล้ว

และตำแหน่งที่อยู่ของมหาวัตถุศักดิ์เทพก็คือตำแหน่งที่ตั้งอยู่ของสามตระกูลยาโบราณ

ชิงมู่กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน ไท่อีตื่นขึ้นมาแล้ว เขา…”

“ตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของข้ากับฝ่าบาทแล้ว เกรงว่าตอนนี้เขากำลังพยายามทำลายค่ายกลนั้นอย่างสุดความสามารถ ค่ายกลนั้นคงจะทนอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ “เจ้าหมอนั่นช่วยเก็บอาการหน่อยไม่ได้หรือไง!”

มีเวลาไม่มากแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่อาจลงมือผลีผลามได้ มู่เฉียนซีกล่าว “หาโรงเตี๊ยมพักก่อน แล้วค่อยไปตามสืบข่าว!”

หากพวกเขาผลีผลามพรวดเข้าไปแย่งของล้ำค่ากับกองกำลังอื่นโดยที่ไม่ได้สืบข่าวอันใด ต่อให้พวกเขามีไพ่เด็ดมากมายอยู่ในมือก็มีโอกาสที่จะพลาดท่าเสียทีได้ จำเป็นต้องวางแผนให้รอบคอบ

“ขอรับ!”

เมืองหนานอวิ๋นในตอนนี้ ทุกหนทุกแห่งล้วนแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการคุกคาม

เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเย่ของพวกเขา หลังจากที่หาโรงเตี๊ยมพักได้แล้ว เย่เฉินก็เริ่มออกไปสืบข่าว

มีเงินทองย่อมทำอันใดก็ได้ ภายในหนึ่งวันกลับได้ข่าวมาไม่น้อยเลย

ไม่นานนักเย่เฉินก็ได้ข่าวมาและกลับมารายงาน “นายท่าน ครั้งนี้ตำหนักตงจี๋ให้ความสนใจหม้อเทพไท่อีเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่ส่งยอดฝีมือมามากมายเท่านั้น แม้แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็มาด้วย พวกเขาออกไปสำรวจเขาหนานอวิ๋นแล้ว ค่ายกลยังไม่ได้แตก พวกเขาเข้าไปไม่ได้ ตอนนี้คนของตำหนักตงจี๋ได้พักอยู่ที่เรือนเรือนหนึ่งในเมืองหนานอวิ๋น”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เฟิงอวิ๋นซิว นายน้อยของตำหนักตงจี๋ไม่มาด้วยเหรอ?”

“เท่าที่ได้ข่าวมา ไม่ได้มาด้วยขอรับ!” เย่เฉินกล่าว

“เฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้มาด้วย คนของตำหนักตงจี๋ก็ไม่ได้มีอันใดให้ต้องหวาดกลัว” กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชา

หากเฟิงอวิ๋นซิวมาด้วยล่ะก็ เกรงว่าตัวตนของเขาต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาที่มาปรากฏตัวในแดนตะวันออกในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยนางไม่ได้ แต่ยังสร้างความลำบากให้นางอีกด้วย

ต่อให้ปลอมตัว แต่กลิ่นอายกระบี่ของเขานั้นกลับไม่ง่ายที่จะปลอมตัวได้เลย เฟิงอวิ๋นซิวมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋พูดถูก เฟิงอวิ๋นซิวไม่มา หากต้องรับมือกับคนของตำหนักตงจี๋จริง ๆ ก็ไม่ได้ยาก”

นางไม่เคยประมือกับเฟิงอวิ๋นซิว แต่นางเคยเห็นฝีมือของเขามาแล้ว

เขาในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่อาจดูถูกได้เป็นอันขาด

“กองกำลังระดับสองครึ่งอย่างหุบเขามังกรเพลิง หอคอยโยวหลิง สำนักอัสนีม่วง สำนักต้าเหยี่ยน และหอปี้ลั่วก็ส่งคนมาแล้ว แต่ยังมาไม่ถึง”

“อีกทั้งยังมีกองกำลังระดับสอง…”

ต้องบอกเลยว่าความงดงามของหม้อเทพไท่อีนั้นไม่ธรรมดาเอาซะเลย

มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คนทั้งโลกบ้าคลั่งได้ แม้แต่วัตถุเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับหม้อเทพนิรันดร์ แต่ก็สามารถทำให้คนทั้งโลกบ้าคลั่งได้ และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มันมาครอบครอง

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้แล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที “การจับปลาในน้ำขุ่นนี้จับไม่ง่ายเลย แต่มันก็ต้องมีสักทางสิ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน เดิมทีการฝึกฝนของเจ้ายังไม่มั่นคง ข้ายังไม่อยากมอบเม็ดยาวิญญาณเหล่านี้ให้กับเจ้า แต่ตอนนี้สถานการณ์มันอันตรายมาก ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ที่จะตามพวกข้าเข้าไป เกรงว่าจะปกป้องชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ฉะนั้น ข้าทำได้เพียงแค่ให้เจ้าใช้เม็ดยาวิญญาณนี้แล้ว”

มู่เฉียนซีเอายากระดูกมังกรออกมา เมื่อมองเม็ดยาวิญญาณนี้ และมองลวดลายบนเม็ดยา ดวงตาของเย่เฉินก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

“นี่มัน…นี่มันยากระดูกมังกร นายท่านมีของเช่นนี้ด้วย”

ดูเหมือนว่าตระกูลเย่จะมีความสนิทชิดเชื้อกับนิรันดร์มากกว่าตระกูลจวิน เย่เฉินถึงได้รู้จักเม็ดยาวิญญาณที่นิรันดร์หลอมออกมาไม่น้อย

ในตอนนี้เอง ชิงมู่ก็กล่าวขึ้นว่า “เป็นเพราะว่าในตอนนั้นตระกูลเย่ได้ปรากฏสตรีผู้งดงามผู้หนึ่งที่ทำให้ฝ่าบาทชื่นชอบเป็นอย่างมาก ดังนั้นฝ่าบาทจึงได้มอบของมีค่าให้ตระกูลเย่ไม่น้อย ส่วนตระกูลจวินนั้นกลับเป็นตระกูลที่ฝ่าบาทรังเกียจมาโดยตลอด ก็เลยไม่ได้ถ่ายทอดอันใดไว้มากนัก”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ตระกูลจวินเป็นตระกูลที่นิรันดร์รังเกียจมาโดยตลอดอย่างนั้นเหรอ?”