ตอนที่ 996 มีเจ้าของแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ชิงมู่กล่าว “เพราะว่าตระกูลจวินมีบุรุษหน้าตารูปงามมากมาย ดังนั้น…”

เมื่อได้ยินชิงมู่แฉเรื่องราวด้านมืดของฝ่าบาทตนเองอย่างจริงจังเช่นนี้แล้ว สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ดำคล้ำขึ้น

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่ นี่คือยากระดูกมังกร!”

เย่เฉินยังไม่ได้รับเม็ดยานี้มา แต่ในตอนนี้เขากลับตัวสั่นไปทั้งตัว ความรู้สึกทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น…

ชิงมู่กล่าว “นายท่าน ดูเหมือนว่านายท่านจะลืมไปแล้วว่ายากระดูกมังกรนี้มีเพียงแค่ฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถหลอมได้ คนอื่นไม่รู้ แต่เจ้าคนของตระกูลเย่ผู้นี้ เกรงว่าเขาจะรู้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “รู้ก็รู้”

เย่เฉินอยากจะพิสูจน์ความจริง เขามองไปที่กู้ไป๋อีที่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวว่า “ท่านกู้ ข้ามีเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งจะพูดคุยกับนายท่านตามลำพัง ท่าน…ท่านออกไปก่อนได้หรือไม่”

เขารู้ดีว่านายท่านนั้นเชื่อใจท่านกู้มาก แต่เรื่องที่เขาจะพูดต่อไปนี้…ไม่ได้เด็ดขาด!

ถึงอย่างไรเสียเสี่ยวไป๋ก็เป็นคนของตำหนักเป่ยหาน มู่เฉียนซีสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าไปรอด้านนอกก่อน ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”

ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะเป็นคนที่ใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการฝึกฝนมาโดยตลอด แต่ความคิดของเขานั้นกลับละเอียดถี่ถ้วนมาก

เย่เฉินระแวดระวังถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะมีเรื่องที่สำคัญมาก สำคัญมากจนต้องให้เขาออกไป

ยากระดูกมังกร ยานี้เขาไม่ได้เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย

เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีบอกให้เขาออกไปด้วยเช่นนี้ เขาก็ตกใจชะงักไปเล็กน้อย นางไม่เชื่อใจเขาอย่างนั้นเหรอ?

ในใจแอบเจ็บปวด แต่ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่าความลับนี้มีความเกี่ยวพันมาก และมีความเกี่ยวพันไปถึงความสบายใจของนางด้วย

แม้ว่าการไม่ได้รับความไว้วางใจจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อนึกถึงความสบายใจของนาง กู้ไป๋อีจึงทำได้เพียงออกไปอย่างเงียบ ๆ

เขารับรู้มาโดยตลอดว่านางนั้นมีความลับอยู่มากมาย

มากจนกระทั่งหยิบยกเอาความลับมาแค่ความลับเดียวก็สามารถทำให้ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศพลิกผันได้

ตุบ! ในตอนนี้เอง เย่เฉินก็ได้คุกเข่าข้างหนึ่งลงพลางกล่าว “นายท่าน!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารู้แล้วอย่างนั้นเหรอ เป็นเพราะยากระดูกมังกร?”

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน นายท่านเป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ หรือว่านายท่านได้ยานี้มาด้วยความบังเอิญ ยากระดูกมังกรนี้ มีเพียงแค่ท่านหม้อเทพนิรันดร์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถหลอมได้”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “เจ้าลองเดาดูเองสิ!”

หากจะบอกว่านายท่านเป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ มันก็น่าเหลือเชื่อจนเกินไป

อย่างท่านหม้อเทพนิรันดร์นั้น ใช่ว่าจะยอมรับผู้ใดเป็นเจ้านายง่าย ๆ

แต่หากไม่ใช่เช่นนั้น แล้วยากระดูกมังกรนี้จะสามารถเก็บมาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ

มู่เฉียนซีเห็นท่าทางฉงนสงสัยของเย่เฉินเช่นนี้ นางจึงกล่าวว่า “ข้าเป็นผู้ทำพันธสัญญากับนิรันดร์”

เย่เฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ชื่อของผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพชื่อนี้ ตระกูลเย่ของพวกเขาได้มีบันทึกเอาไว้

มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์แต่ละชนิดก็มีชื่อเป็นของตนเอง อย่างท่านหม้อเทพนิรันดร์ ชื่อของเขาก็คือ ‘นิรันดร์’

ชื่อของผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพนี้ ใช่ว่าคนข้างกายจะสามารถเรียกได้อย่างตามใจ

เว้นเสียจากจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ระดับเดียวกันกับเขาแล้ว จะมีก็เพียงผู้ที่เป็นเจ้านายถึงจะเรียกชื่อเช่นนี้ได้

เย่เฉินกล่าว “นายท่าน หากนายท่านบอกข้าตั้งแต่แรก เราก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องทำสัญญาตกลงกันว่าข้าจะรับใช้นายท่านสิบปี ชีวิตนี้ของข้าทั้งชีวิต ข้าจะเชื่อฟังคำของนายท่านทุกอย่าง”

มู่เฉียนซีกล่าว “ตระกูลเย่ได้หายสาบสูญไปแล้ว และเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษได้สืบทอดเอาไว้ ชีวิตเจ้าเป็นของเจ้า เจ้ามีชีวิตเป็นของตัวเองดั่งที่เจ้าต้องการจะมี สิบปีก็คือสิบปี เอาหล่ะ ตอนนี้เจ้ารีบใช้ยานี่ซะ”

“ขอรับ!”

คำสั่งของเจ้านาย เขารับฟัง

ต่อให้นายท่านจะไม่ใช่เจ้านายของท่านหม้อเทพนิรันดร์ แต่หลังจากสิบปี เขาก็จะติดตามนายท่านต่อไปอย่างแน่นอน

ยากระดูกมังกร พลังที่ผนึกไว้ของเผ่ามังกรนี้ช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งอย่างไม่ส่งผลกระทบใดใด เขานั้นรู้ดี

มู่เฉียนซีกล่าว “พลังของเจ้าในตอนนี้ หากบีบบังคับเพิ่มถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ผลที่ตามมาจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์แน่ ฉะนั้นสามารถเพิ่มได้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น”

มู่เฉียนซีเอาเข็มหนึ่งออกมาและแทงเข้าที่แขนของเขา ยาเข็มนี้สามารถทำให้ยาเม็ดนี้ถูกผนึกให้อยู่ในขั้นพื้นฐานที่สุด และการยับยั้งอีกครั้งทำให้เย่เฉินเลื่อนขั้นได้อย่างเชื่องช้า

“แต่ว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนพลังจะถึงระดับหก ในช่วงเวลานี้เจ้าต้องฝึกฝนให้พลังของเจ้ามั่นคง ยกระดับการต่อสู้สนามจริง แม้กระทั่งการการถูกโจมตี! แต่ผู้ที่เตรียมพร้อมจะไปเขาหนานอวิ๋นนั้นมีไม่น้อย เจ้าน่าจะถูกโจมตีไม่น้อย”

ถูกโจมตี! เย่เฉินได้ยินเช่นนี้ถึงกับตกใจผงะไป

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ไม่ต้องกลัว! ข้าจะหลอมเม็ดยาวิญญาณให้เจ้าติดตัวเอาไว้มากพออยู่แล้ว หากเจ้าได้รับบาดเจ็บก็กินเข้าไปเยอะ ๆ ก็ไม่เป็นไร”

การเพิ่มพลังวิญญาณนั้นต้องจ่ายไปด้วยราคาไม่น้อยเลย เย่เฉินสามารถทำนายได้เลยว่าวันข้างหน้าของเขานั้นจะน่าสังเวชเพียงใด

มู่เฉียนซีและพวกได้พักผ่อนอยู่ในเมืองหนานอวิ๋นหนึ่งคืน เช้าวันต่อมาก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังเขาหนานอวิ๋น

ผู้ที่เดินทางไปเขาหนานอวิ๋นนั้นมีไม่น้อยเลย นอกจากกองกำลังใหญ่ ๆ แล้ว ก็ยังมีผู้บำเพ็ญพลังวิญญาณอื่น ๆ ที่อยากรู้อยากเห็นอีกไม่น้อย

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ของดี แต่บางทีอาจจะได้ของเหลือจากผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็ไม่แน่!

อย่างไรเสียที่นั่นก็เคยเป็นที่อยู่ของหนึ่งในสามของตระกูลยาโบราณอย่างตระกูลเย่!

เมื่อเข้ามาในป่าดงพงไพร มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “เย่เฉิน เจ้าไปให้กองกำลังอื่นโจมตีเถอะ! ไปยั่วโมโหคนอื่นให้ทั่ว แสดงท่าทางทำให้คนอื่นโมโห หรือจะหาวิธีใดก็ได้ให้ฝ่ายตรงข้ามโมโหให้ได้”

มุมปากของเย่เฉินกระตุกขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ข้า…เข้าใจแล้ว”

หลังจากที่เย่เฉินจากไป มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “อู๋ตี้ เจ้าตามเย่เฉินไป อย่าทำให้เขาโดนใครฆ่าตายซะล่ะ”

อู๋ตี้กล่าว “ขอรับนายท่าน!”

โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!

เย่เฉินไปแล้ว ทางด้านมู่เฉียนซีก็เริ่มฝึกฝีมือกับสัตว์วิญญาณในเทือกเขาหนานอวิ๋นเล้วเช่นกัน

นางเพิ่งจะทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าได้ จำเป็นต้องฝึกฝนพลังให้มั่นคง

ในตอนนี้ค่ายกลนั้นยังไม่ได้ถูกทำลายทั้งหมด เข้าใกล้ที่นั่นก็ทำได้เพียงแค่มองยังทำอันใดไม่ได้ ยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก่อนก็ไม่เลว

เมื่อถึงยามดึก เย่เฉินก็ยังไม่กลับมา

มู่เฉียนซีให้กู้ไป๋อีออกไปล่ากระต่ายและสัตว์จำพวกไก่วิญญาณมา เตรียมจะทำของอร่อย ๆ กิน

มู่เฉียนซีย่างเนื้อได้อย่างช่ำชอง กลิ่นหอมที่ชวนน้ำลายสอนั้น นึกไม่ถึงว่าจะดึงดูดคนแปลกหน้าผู้หนึ่งมา

คนแปลกหน้าผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีแดง คิ้วโค้งเรียวยาวดุจกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดารา รูปร่างหล่อเหลา สง่าผ่าเผย แววตาดุจดั่งหงส์ เห็นแล้วทำให้ผู้คนมีความรู้สึกกล้าหาญและกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง

เทือกเขาหนานอวิ๋นไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย คนส่วนมากล้วนแต่มากันเป็นกลุ่ม น้อยนักที่จะมีคนหนุ่มสาวเข้ามาเพียงลำพังเช่นนี้

เขาเห็นมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็ตกใจผงะไป “พวกเจ้าก็มากันแค่สองคนหรือ?”

“ข้าคิดว่าผู้ที่กล้าย่างเนื้อในเทือกเขาหนานอวิ๋นจะเป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งกองกำลังระดับหนึ่งซะอีก”

เซียวโม่จ้องมองพวกเขา เขาคิดว่าตนเองนั้นรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสามารถดึงดูดใจสตรีได้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับผู้ที่หน้าตางดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ถึงสองคนที่เทือกเขาหนานอวิ๋นแห่งนี้

เกิดมาเพื่อทำร้ายกันจริง ๆ เลย!

หน้าตางดงามยังไม่พอ แถมยังย่างเนื้อได้หอมถึงเพียงนี้อีก

เซียวโม่จ้องมองมู่เฉียนซีพลางแอบคิดในใจว่าหากได้แต่งงานมีภรรยาเช่นนี้ต้องน่าชื่นชมมากเป็นแน่ ช่างน่าเสียดายที่มีเจ้าของแล้ว!

กู้ไป๋อีเห็นชายผู้นี้จ้องมองมู่เฉียนซีเช่นนี้เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากท่านไม่มีเรื่องอันใดก็เชิญไปเสียเถอะ อย่ารบกวนเวลาอาหารของพวกเราเลย”

น้ำเสียงอันเย็นชาได้ทำให้ความคิดของเซียวโม่หยุดชะงักลงทันใด

ให้เขาจากไปอย่างนั้นเหรอ อาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ เขาจะทำใจจากไปได้อย่างไรกันเล่า

เซียวโม่กล่าว “แม่นางท่านนี้ ท่านย่างเนื้อมากมายเช่นนี้ก็กินไม่หมดหรอก แบ่งให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าเอาของแลกกับท่านได้นะ”

คนผู้นี้สามารถเข้ามาในเทือกเขาหนานอวิ๋นเพียงลำพังได้ พลังความแข็งแกร่งต้องไม่ธรรมดาแน่ ของดีมาหาถึงที่เช่นนี้จะพลาดไปได้อย่างไร

มู่เฉียนซีมองเขาและกล่าวว่า “แล้วเจ้าจะเอาสิ่งใดมาแลกกับข้าล่ะ?”