ฮั่วซืออวี่เตะก้นหลี่มู่เฟิงอย่างแรง และผลักเขาออกไปจนล้มหน้าคะมำ
“ไปให้พ้น! ”
หลี่มู่เฟิงลุกขึ้นจากพื้น เขากระโดดขึ้นและตะโกนว่า “ฮั่วซืออวี่ เจ้าจำไว้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
หลี่มู่เฟิงรีบลงจากบนกำแพงสูง
ผู้ดูแลเฝิงและแม่ทัพช่ายต่างเดินตามหลังไปติดๆ
“แม่ทัพน้อยฮั่ว ท่านไปลาดตระเวนก่อน ข้าสองคนจะไปดูแม่ทัพน้อยหลี่”
“แม่ทัพน้อยหลี่ ท่านช้าหน่อย ช้าหน่อย ระวังล้ม! ”
ครู่หนึ่ง เมื่อไร้ซึ่งเสียงของผู้ดูแลเฝิงและคนอื่นๆ รอบด้านพลันเงียบสงัด ลมพัดโชยแผ่วเบา เส้นผมและเสื้อผ้าพลิ้วไหวอยู่บนกำแพง ทั้งยังมีธงของกองทัพที่แสดงการขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดิองค์ใหม่อย่างฮ่องเต้หลู่
ฮั่วซืออวี่เงยหน้ามองธงกองทัพที่ปักคำว่า ‘หลู่’ และหันหลังกลับไปยังทิศทางของพระราชวัง
รัชทายาทตงหลิง พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง?
เหตุใดถึงไม่ส่งข่าว?
ด้านนอกเมืองไร้เงาของอดีตฮ่องเต้ตงเฉิน ตงหลิงไท่
ครั้งสุดท้าย ตั้งแต่เห็นตงหลิงหวงในจวนฮั่ววันนั้น ฮั่วจีและฮั่วซืออวี่ก็ไม่เห็นตงหลิงหวงอีกเลย
การปฏิบัติการในคืนนี้เป็นไปตามที่ตกลงกันในคืนนั้น
ก่อนและหลังเริ่มปฏิบัติการก็ไม่มีการติดต่อจากตงหลิงหวงแม้แต่น้อย
ราวกับว่าตงหลิงหวงหายตัวไปในแคว้นตงเฉิน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ารัชทายาทตงเฉิน ตงหลิงหวงสิ้นพระชนม์ในเส้นทางลับของจวนหลู่หยางอ๋อง ฮั่วซืออวี่และฮั่วจีต่างไม่เชื่อและคิดว่าเป็นกลอุบายของตงหลิงหวง
ทว่าตอนนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นข่าวลือหรือไม่นั้น ในใจของฮั่วซืออวี่เริ่มสั่นคลอนบ้างแล้ว
หรือว่า… รัชทายาทตงหลิงทำไม่สำเร็จจริงๆ ?
ภายในสวนดอกไม้ ฮ่องเต้หลู่ยิ่งโหดร้ายวิปริตมากขึ้นเรื่อยๆ คนจำนวนมากทยอยตายด้วยน้ำมือของเขา
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม องครักษ์เงาที่มู่หรงฉีพามา รวมถึงนักฆ่าของฉีเฟิงและฉานเยวี่ย ต่างได้รับบาดเจ็บมากกว่าครึ่ง
ในงานเลี้ยง หากขุนนางใหญ่น้อยคนใดกล้าหนีออกจากสวนดอกไม้ ขณะที่กำลังจะหนี พวกเขาจะถูกพลังฝ่ามือของฮ่องเต้หลู่ฟาดจนตาย
เกมแมวจับหนูยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของฮ่องเต้หลู่ หรือนักฆ่าและองครักษ์เงา ทว่าตกใจตายคาที่
ตงหลิงหวงยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เปลือกตาปิดสนิท
คนจำนวนมากล้มลงเรื่อยๆ มู่หรงฉีได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกครั้งที่ตกลงบนพื้น เขายังคิดจะตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างยากลำบาก
ในที่สุด ฮ่องเต้หลู่ก็เริ่มหมดความสนใจกับการเล่นเกมนี้ คนที่เข้าใกล้เขาล้วนถูกเขาบดขยี้จนตาย นักฆ่าและพวกองครักษ์เงาที่เหลือจึงไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก
เป็นเวลาเนิ่นนานที่ไม่มีผู้ใดก้าวไปข้างหน้า ในที่สุด ฮ่องเต้หลู่ก็หมดความอดทนและเริ่มโจมตี ทันใดนั้น เขาก็หยิบหอกยาวสามแฉกด้านข้างที่ไม่ได้ใช้มานาน และกระโดดลงมาจากหอสูง
ขณะที่ลงมาสู่พื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่สามหลุม
นักฆ่าและพวกองครักษ์ต่างถอยกรูดไปข้างหลังด้วยความตกใจ ฮ่องเต้หลู่ยกหอกขึ้นมาโดยไม่ลังเล และแทงทุกคนที่อยู่ใกล้เขาจนตาย
พวกเขาเพิ่งรู้ว่าฮ่องเต้หลู่น่ากลัวเพียงใด เมื่อครู่ ฮ่องเต้หลู่เพียงเล่นสนุกกับทุกคน จึงไม่ได้ลงมือจริงจัง ทว่าเวลานี้ เขาเริ่มโจมตีแล้ว ขอเพียงเป็น ‘เหยื่อ’ ที่เขาจับต้อง ย่อมไม่สามารถรอดพ้นไปได้ ไม่มีช่องว่างให้ทุกคนต่อต้าน
ท้ายที่สุด นักฆ่าและองครักษ์เงาที่เหลือล้วนตายด้วยน้ำมือของฮ่องเต้หลู่ ไม่มีผู้ใดรอดสักคน
จากนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็ค่อยๆ หันกลับมา เขาเล็งเป้าหมายไปที่ตงหลิงหวงซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิเดินลมหายใจอยู่ในระยะไกล
มู่หรงฉีหน้าซีดเผือดทันที
ฮ่องเต้หลู่เดินไปทางตงหลิงหวง เขาเดินอย่างหนักหน่วงทีละก้าวจนพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นหลุมขนาดใหญ่
หลุมขนาดใหญ่เหล่านั้นราวกับเหยียบอยู่บนหัวใจของมู่หรงฉี ทำให้หัวใจของเขายิ่งบีบรัดมากขึ้น
ในที่สุด เมื่อฮ่องเต้หลู่อยู่ห่างจากตงหลิงหวงห้าก้าว มู่หรงฉีที่ไม่มีแรงจะยืนขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด เขาพยายามยกกระบี่ขึ้นมาอย่างสุดกำลังและแทงไปที่ด้านหลังของฮ่องเต้หลู่
“ตงหลิงชาง ตายเสียเถิด! แน่จริงก็มาจัดการข้า! ”
ฮ่องเต้หลู่ชะงักเท้า กระบี่ของมู่หรงฉีแทงเข้าไปลึกถึงกระดูกสันหลัง
หนึ่งวินาที…
สองวินาที…
สามวินาที…
กินเวลาถึงสามสิบวินาที
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ กระบี่ธรรมดาที่แทงเข้าไปในร่างของฮ่องเต้หลู่นั้นไม่มีผลอันใด นอกจากเขาจะไม่หลั่งเลือดแล้ว ยังทำให้คนที่แทงกระบี่ด้วยความพยาบาทกระเด็นออกไปด้วยซ้ำ
ทว่าคราวนี้ ฮ่องเต้หลู่กลับไม่ขยับเขยื้อน
ไม่เพียงแต่มู่หรงฉีไม่กระเด็นออกไป ทว่าเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย ราวกับรูปปั้นที่แน่นิ่งอยู่กับที่
ผู้ชมในระยะไกลที่เฝ้าดูการต่อสู้อย่างอกสั่นขวัญแขวนต่างกลั้นลมหายใจ หลังผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีเสียงแทรกขึ้น
“เกิดอันใดขึ้น? ”
“ใช่ เกิดอันใดขึ้น เหตุใดถึงไม่ขยับ? ”
“หรือว่าฉีอ๋องแทงโดนจุดสำคัญ? ”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น? หรือฮ่องเต้หลู่กำลังจะตาย? ”
“เขาตาย พวกเราก็รอด พวกเราปลอดภัยแล้ว”
“คนโหดเหี้ยมไร้ปรานีเช่นนี้ ไม่รู้ว่าฝึกฝนวิชามารอันใด น่ากลัวยิ่งนัก ตายได้ก็ดี ตายได้ก็ดี! ”
มู่หรงฉีก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น เขาตะลึงงัน หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงคลายมือและหมุนกระบี่
กระบี่นี้แทงเข้าไปในร่างของมนุษย์ หากหมุนอีกครั้งเท่ากับว่าแทงทะลุหัวใจ คนทั่วไปไม่มีทางทนไหว ฮ่องเต้หลู่มีเนื้อหนัง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รับรู้ความเจ็บปวด
ทว่าเขายังคงไม่เคลื่อนไหวหรือตอบสนองสิ่งใด
นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
หรือว่า… เขาตายแล้วจริงๆ ?
มู่หรงฉีไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ ปล่อยมือโดยไม่ดึงกระบี่ออก หลังจากนั้นจึงกระโดดหมุนตัวลงบนพื้นอย่างมั่นคง
เขาสังเกตอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าฮ่องเต้หลู่ไม่ขยับ เขาจึงเดินไปหาตงหลิงหวง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าตอนที่มู่หรงฉีเพิ่งหันกลับมา ภูเขาเกิดสั่นสะเทือน พื้นดินรอบด้านเริ่มสั่นไหว หอสูงและสวนหินที่อยู่ห่างออกไปถล่มราบ
ฮ่องเต้หลู่ที่ไม่เคลื่อนไหวจนทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะค่อยๆ หันกลับมาด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ฝีเท้าที่สั่นสะเทือนโลกและสวรรค์ของเขา เดินตรงไปหามู่หรงฉีทีละก้าว
ใบหน้าถมึงทึงราวกับท้องฟ้ามืดครึ้ม เปลวเพลิงในดวงตายิ่งแผดเผารุนแรงมากขึ้น แรงผลักดันรอบด้านทวีความน่ากลัว
มู่หรงฉีทรงตัวไม่อยู่ ทว่าครู่ต่อมา เขาพลิกมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัว และใช้กำลังภายในคว้าดาบที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
ใบหน้าของเขาปรากฏความแน่วแน่ เผยไอสังหาร และมีความมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อ มีความกล้าที่จะตายโดยไร้ซึ่งความขลาดกลัวหรือถอยหนี
เขาไม่อาจถอย และไม่มีวันถอย
เหยื่อของฮ่องเต้หลู่คือมู่หรงฉี ดังนั้น ในสายตาของเขา มู่หรงฉีคือคนที่ตายไปแล้ว
ทันใดนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็ยกหอกในมือขึ้นและกวัดแกว่งอย่างรุนแรง ก่อนจะฟาดไปที่คอของมู่หรงฉี เมื่อเห็นว่าคอของตนจะถูกตัดขาดในวินาทีถัดมา มู่หรงฉีจึงโน้มตัวไปข้างหลัง หลบหอกของฮ่องเต้หลู่ได้อย่างหวุดหวิด
การโจมตีของฮ่องเต้หลู่รวดเร็วและรุนแรงอย่างมาก หอกกำลังจะแทงเข้ากลางอกของมู่หรงฉีอย่างดุดัน มู่หรงฉีจึงถอยไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็อาศัยรั้วหินหยกขาวด้านหลังเพื่อกระโดดขึ้นไป หมุนตัว และเหาะไปทางด้านหลังของฮ่องเต้หลู่
เดิมที การหลบหลีกการโจมตีของฮ่องเต้หลู่ด้วยท่านี้ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม มู่หรงฉีไม่คิดว่าฮ่องเต้หลู่จะไม่หมุนตัวกลับมา ทว่าหอกในมือของเขาหมุนกลับอย่างรวดเร็ว และแทงมู่หรงฉีโดยตรง
แทงทะลุร่างของมู่หรงฉี