เหนือคลื่นทะเลเมฆ แสงตะวันยังคงส่องแสงเจิดจ้า เสียงของผู้วิเศษจิ่วเทียนดังมาจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น
“ศิษย์เอ๋ย ข้าจะสอนวิธีให้เจ้าสามารถเพิ่มกำลังกายได้ในพริบตาโดยไม่ทำร้ายร่างกายของเจ้า เจ้าต้องตั้งจิตทำสมาธิ ฝึกตนให้รู้แจ้ง หลังจากรู้แจ้งแล้วจึงจะออกจากภาพมายาและจัดการกับฮ่องเต้หลู่ได้”
เมื่อสิ้นเสียงของผู้วิเศษจิ่วเทียน อักษรสีทองก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้า ตัวอักษรเช่นนี้ ตงหลิงหวงเคยเห็นจากบันทึกของผู้วิเศษจิ่วเทียนในจวนจิ่วหลงเทียนมาก่อน ด้านในมีคำอธิบายและบันทึกอย่างละเอียดเพื่อให้เข้าใจเคล็ดวิชา ตงหลิงหวงเคยศึกษาอย่างละเอียดมาแล้ว นางจึงเข้าใจอักษรพวกนี้ได้ไม่ยากนัก
“ท่านอาจารย์… ท่านอาจารย์… ” ตงหลิงหวงเอ่ยเรียกอยู่สองสามครั้ง
ไกลออกไป ไม่ได้ยินเสียงของผู้วิเศษจิ่วเทียนอีกเลย
แม้ในใจของตงหลิงหวงจะมีเรื่องมากมายที่อยากถามผู้วิเศษจิ่วเทียน ทว่านางทำได้เพียงรอให้ดวงจิตของผู้วิเศษจิ่วเทียนปรากฏอีกครั้งเท่านั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องออกไปช่วยพวกมู่หรงฉีจัดการกับฮ่องเต้หลู่โดยเร็วที่สุด
ดังนั้นตามที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนกล่าว นางจึงนั่งลงบนพื้นและเริ่มศึกษาเนื้อหาในอักษร
ด้านนอกภาพมายา มู่หรงฉีและคนอื่นๆ พุ่งเข้าหาฮ่องเต้หลู่หลายครั้ง ฮ่องเต้หลู่ยังคงเล่นเกมแมวไล่จับหนูด้วยความสนุก และชื่นชมความรู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้าของทุกคน
นักฆ่าผู้หนึ่งของฉีเฟิงเหลือบมองไปทางตงหลิงหวงตอนที่ตกสู่พื้น เมื่อเห็นว่าตงหลิงหวงนั่งบนพื้น ดวงตาทั้งสองปิดสนิท เขาก็ไม่รู้จะทำอันใดจึงถามนักฆ่าอีกคนที่อยู่ด้านข้าง
“องค์รัชทายาทเป็นอันใดไปแล้ว? ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือ? ”
นักฆ่าผู้นั้นส่ายศีรษะอย่างเชื่องช้า “ข้าก็ไม่รู้”
นักฆ่าอีกคนเพิ่งได้ยินบทสนทนาของพวกเขา “ข้าว่าไม่น่าจะใช่ รัชทายาทกำลังเดินพลังลมปราณกระมัง? ”
นักฆ่าทั้งสองต่างส่ายศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ขอเพียงชีวิตขององค์รัชทายาทไม่ตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็วางใจ
ร่างของมู่หรงฉีหมุนอยู่กลางอากาศและร่อนลงสู่พื้นดิน เขาหันไปมองแวบเดียวก็ดูออกว่า ตงหลิงหวงอาจกำลังเดินพลังเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ไม่ก็ทำสมาธิฝึกพลังรับรู้บางอย่าง
ในตอนนี้ใช้อาวุธสังหารฮ่องเต้หลู่โดยตรงไม่ได้ผล เรียกได้ว่าเมื่อพัฒนาเต็มขั้นจนเปลี่ยนแปลง ต้องหาวิธีอื่น เมื่อเปลี่ยนแปลงได้จะรู้แจ้งทันที ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนวิธีการต่อสู้
เขารู้ว่าตอนนี้ไม่อาจช่วยเหลือตงหลิงหวงได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือถ่วงเวลาให้ตงหลิงหวงนานขึ้น รั้งฮ่องเต้หลู่ให้อยู่
มู่หรงฉีจึงบอกตงหลิงหวงในใจ “หวงเอ๋อร์ เจ้าวางใจ ข้าถ่วงเวลาให้เจ้าได้นานกว่านี้แน่” หลังจากนั้น เขาก็หันไปมองฮ่องเต้หลู่บนหอสูงที่หยิ่งผยองมากขึ้น
ตงหลิงชาง ข้าจะเล่นสนุกเป็นเพื่อนเจ้าเอง
เวลานี้ ด้านนอกประตูวังหลวง
ประตูเมืองทิศตะวันตกมีเสียงฆ่าฟันดังสนั่น ศัตรูด้านนอกโจมตีเมืองอย่างไม่ลดละ พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีดั่งคลื่นโหมกระหน่ำ ทว่าหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ ฮั่วจีและแม่ทัพใหญ่หลี่มองเห็นไม่ชัดว่าศัตรูมีจำนวนกี่คน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
ตราบใดที่อีกฝ่ายโจมตีประตูเมืองไม่ได้ก็ไม่เป็นอันใด
อาวุธเพื่อทำสงครามทุกชนิดถูกย้ายไปบนประตูเมืองและหน้าประตูเมือง เตรียมพร้อมทำสงครามยืดเยื้อกับกองทัพศัตรู
ทางประตูเมืองทิศตะวันออก นอกจากองครักษ์ที่คุ้มกันประตูเมืองและกำลังพลของจิงจ้าวหยิ่นก่อนหน้านี้ ยังมีคนที่ฮั่วซืออวี่และแม่ทัพน้อยหลี่พามาด้วย บางส่วนยืนอยู่บนกำแพงอย่างเป็นระเบียบ บางส่วนตามฮั่วซืออวี่และแม่ทัพน้อยหลี่ รวมถึงผู้ดูแลเฝิงและแม่ทัพช่ายไปที่กำแพงเมือง
คนทั้งสี่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว ด้านนอกประตูเมืองยังคงเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ฮั่วซืออวี่ร้อนใจจนหมุนตัวกลับไปกลับมา ทุกครั้งเขาแอบเหลือบมองไปยังทิศทางของพระราชวัง
ไม่รู้ว่าตงหลิงหวงที่อยู่ในวังเป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จหรือล้มเหลว หากยังไม่ส่งสัญญาณมา เขาคงอยู่ที่ประตูเมืองนี้ได้อีกไม่นาน
นอกจากนั้น เมื่อเห็นว่าวันนี้กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว หากเหตุการณ์ไม่เปลี่ยนไปตามที่วางแผนไว้ จะยิ่งจัดการได้ยาก
แม่ทัพน้อยหลี่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง เขาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มและเล่นมีดพกในมือด้วยท่าทางเกียจคร้าน
เขาเหลือบมองฮั่วซืออวี่และพูดด้วยน้ำเสียงทอดยาว “ข้าบอกแล้วฮั่วซืออวี่ ประตูเมืองทิศตะวันออกมีอันใดน่าดู เจ้าถึงขั้นลากพวกเรามาที่นี่เพื่อรับลมเย็นยามค่ำคืน? ที่นี่อากาศไม่แจ่มใส ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีอันใดเกิดขึ้น เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด พวกเราไปประตูเมืองทิศตะวันตกเพื่อช่วยท่านพ่อจัดการกับพวกนั้น และกลับไปร่ำสุรามองสาวงามในวังดีกว่ามาอยู่ที่นี่! ”
นี่เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่แม่ทัพน้อยหลี่หยิบยกความไม่พอใจออกมา
หากเขายังพูดอีกสองสามครั้ง ฮั่วซืออวี่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดใดถ่วงเวลาอีกแล้ว
ผู้ดูแลเฝิงและแม่ทัพช่ายที่อยู่ด้านข้างล้วนเป็นคนของตระกูลหลี่ พวกเขาทั้งสองจึงสนับสนุนหลี่มู่เฟิงด้วย
“ใช่แล้ว แม่ทัพน้อยฮั่ว ท่านกับแม่ทัพน้อยหลี่ไปที่ประตูเมืองทิศตะวันตกเถิด! เสร็จแล้วก็รีบกลับวัง ที่นี่มีเหล่าพี่น้องอยู่! รับประกันว่าคืนนี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้นแน่นอน”
ฮั่วซืออวี่ไม่ได้พูดอันใด เขายืนถือกระบี่อยู่ไม่ไกลและมองไปทางด้านนอกกำแพงเมือง
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดัง ‘ฟึบ’ หลี่มู่เฟิงเก็บมีดพกในมือและเดินอย่างอารมณ์ดีไปอยู่ข้างกายของฮั่วซืออวี่ ก่อนจะตบหัวไหล่ของเขาอย่างแรง แสงในดวงตามีความหมายลึกซึ้ง
“ฮั่วซืออวี่ เจ้ามีเรื่องอันใดปกปิดพี่ชายอยู่หรือไม่? ”
ดวงตาเย็นชาของฮั่วซืออวี่กวาดมองแม่ทัพน้อยหลี่ “ข้าจะมีเรื่องอันใดปิดบังเจ้า? ”
แม่ทัพน้อยหลี่ยกยิ้มลึกซึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองผู้ดูแลเฝิงและแม่ทัพช่ายที่อยู่ด้านหลัง
“มันพูดยาก พวกเจ้าว่าหรือไม่! ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าลากพวกเรามาที่นี่เพื่ออันใด? แทนที่เจ้าจะเพลิดเพลินไปกับดอกไม้และสุรารสเลิศในวัง กลับดันทุรังมาระทมทุกข์ที่นี่ ฮั่วซืออวี่ เจ้าคงไม่ใช่สายลับที่พ่อลูกตงหลิงทิ้งไว้ในเมืองหลวงใช่หรือไม่? เจ้ายืนเฝ้าอยู่ที่นี่คืนนี้เพราะรอตงหลิงไท่ส่งสัญญาณมาให้เปิดประตูเมืองให้เขาเข้ามาใช่หรือไม่? ”
เมื่อสิ้นเสียงของแม่ทัพน้อยหลี่ ก้นบึ้งในหัวใจของฮั่วซืออวี่พลันรู้สึกตกตะลึงชั่วครู่ ไม่รู้ว่าแม่ทัพน้อยหลี่ผู้นี้มองอันใดออกจริงๆ หรือกำลังหยั่งเชิงเขา หรือกำลังล้อเขาเล่นอยู่
หากเขาถูกจับได้ เกรงว่าเรื่องในคืนนี้คงยากจะจัดการได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าภายในใจของฮั่วซืออวี่กำลังคิดอันใด เขาไม่มีทางแสดงออกบนใบหน้า เขาค่อยๆ หันศีรษะไปมองแม่ทัพน้อยหลี่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พยายามมองเข้าไปในดวงตาของแม่ทัพน้อยหลี่เพื่อค้นหาบางอย่าง
ทว่าดวงตาคู่นั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะคาดเดาอันใดได้
ทันใดนั้น เขาก็บีบแขนของแม่ทัพน้อยหลี่จนอีกฝ่ายต้องคุกเข่ากับพื้น
แม่ทัพน้อยหลี่ร้อง “อ้าก” เสียงดังด้วยความเจ็บปวด
“ฮั่วซืออวี่ เจ้าทำอันใด… เจ้า… เจ้าทำอันใด? ”
ฮั่วซืออวี่เหยียบลงบนหลังของแม่ทัพน้อยหลี่
เขากัดฟันกรอด “หลี่มู่เฟิง ข้าขอเตือนเจ้า แม้สกุลฮั่วของข้าจะมาจากแคว้นหนานหลี ไม่ใช่ขุนนางเก่าแก่ของแคว้นตงเฉิน ทว่าพวกข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะมารังแกกันได้ง่ายๆ อยากจะใส่ร้ายอันใดก็ใส่ร้ายไป หากข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก อย่าหาว่าข้า ฮั่วซืออวี่โหดเหี้ยมไร้ความเมตตา ข้าจะสังหารเจ้าเสียตรงนี้”
หลี่มู่เฟิงร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฮั่วซืออวี่ เจ้า… เจ้าปล่อย ปล่อย แขนข้าจะหักอยู่แล้ว เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ารีบปล่อย! ”
ผู้ดูแลเฝิงและแม่ทัพช่ายที่อยู่ด้านข้างต่างร้องขอความเมตตาแทนหลี่มู่เฟิง
“แม่ทัพน้อยฮั่ว มีอันใดค่อยพูดค่อยจา พูดคุยกันดีๆ อย่าลงมือกันเลย! ”
“ใช่แล้ว ท่านปล่อยแม่ทัพน้อยหลี่ก่อนเถิด พวกเรามีอันใดค่อยพูดค่อยจากัน! ”