บทที่ 1206 จัดตั้งตำหนักมู่

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1206 จัดตั้งตำหนักมู่

เมื่อข่าวเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลสงบลง

ภูมิภาคทางเหนือก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นแหล่งที่มาก็คือข่าวการจัดตั้งตำหนักมู่

ไม่มีใครคิดว่าพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือจะสลายตัวอย่างรวดเร็วและแทนที่ด้วยการรวมตัวจัดตั้งตำหนักมู่

สิ่งที่ทำให้ผู้อื่นตกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือผู้นำของตำหนักมู่ไม่ใช่มั่นถัวหลัวแต่เป็นมู่เฉิน!

มู่เฉินเป็นที่รู้จักกันดีในภูมิภาคนี้เนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมาหลายปีของเขา ทำให้เขากลายเป็นอันดับหนึ่งในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ ยิ่งเมื่อผ่านเหตุการณ์ในวังสวรรค์บรรพกาล เขาก็มีแววจะอยู่เหนือจอมยุทธ์รุ่นใหม่ทุกคนในทวีปเทียนหลัว

ทุกคนยกย่องกับความสำเร็จของเขา

ทว่าเขาอ่อนอาวุโสมากในสายตาของหลายคน แม้จะประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำขั้วอำนาจใหญ่

ดังนั้นจึงไม่มีใครมองในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของตำหนักมู่

ทว่าขณะที่พวกเขากำลังรอดูการแสดง เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้พวกเขาตะลึงงันไปอีกครั้ง เนื่องจากขั้วอำนาจชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนืออย่างตำหนักสุดนภา ยอดเขาหมื่นเทพ จวนยมโลกและสำนักอื่นๆ ต่างออกมาประกาศว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับตำหนักมู่ ยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉิน

เมื่อข่าวกระจายออกไป ไม่เพียงแต่สั่นสะเทือนทั่วภูมิภาคทางเหนือ แต่ยังทำให้ขั้วอำนาจทรงพลังบางส่วนในทวีปเทียนหลัวตกใจ เพราะนั่นหมายความว่าตำหนักมู่ที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหกคนและขั้นเต็มหนึ่งคน!

ไม่ต้องพูดถึงในภูมิภาคทางเหนือ แม้แต่ในทวีปเทียนหลัวก็สามารถได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในยอดสำนัก!

ในอดีตสำนักเหล่านั้นไม่ได้ใส่ใจกับภูมิภาคทางเหนือเลย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและไม่มีขั้วอำนาจชั้นนำ หากไม่ใช่ว่าภูมิภาคทางเหนือปฏิเสธคนนอกอย่างหนัก พวกยอดสำนักต่างๆ คงยื่นมือเข้ามาครองนานแล้ว

แต่ตอนนี้ในที่สุดขั้วอำนาจโดดเด่นก็ปรากฏขึ้นในภูมิภาคทางเหนือพร้อมกับสำนักชั้นนำอีกหลายแห่งที่ประกาศสวามิภักดิ์ จินตนาการได้ว่าตำหนักมู่จะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวของที่นี่แน่นอน

ด้วยเหตุนี้ตำหนักมู่จึงก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจชั้นยอดของทวีปเทียนหลัว ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะแผ่ขยายอิทธิพลออกไป ดังนั้นในอนาคตตำหนักมู่จะต้องกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในทวีปเทียนหลัวอย่างแท้จริง เมื่อไรที่พวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน พวกเขาก็จะสามารถปกครองทวีปเทียนหลัวทั้งหมดได้ กลายเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจที่ทรงอิทธิพลอีกแห่งในมหาพันภพ ปกครองผู้คนนับพันล้านชีวิตและเพลิดเพลินกับทรัพยากรที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ภายใต้คลื่นน่าตื่นตะลึงก็มีข่าวประกาศว่าตำหนักมู่จะจัดตั้งในสามวันข้างหน้า!

กองบัญชาการใหญ่ตำหนักมู่ เขตต้าหลัวเทียน

วันนี้ผู้นำทั้งหมดของภูมิภาคทางเหนือมารวมตัว กระทั่งขั้วอำนาจรอบๆ ภูมิภาคทางเหนือยังมีมาบ้าง

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเมื่อจัดตั้งตำหนักมู่ขึ้น ภูมิภาคเหนือก็จะเป็นพื้นที่ของพวกเขา อดีตสำนักพวกเขายังอยู่รอดได้เพราะความขัดแย้งภายในภูมิภาค แต่ในอนาคตพวกเขาจะมีเพียงเส้นทางหนึ่งเดียวที่จะอยู่รอดได้ ซึ่งก็คือสวามิภักดิ์ตำหนักมู่!

เบื้องหน้าโถงใหญ่

มู่เฉินยืนมือไพล่หลังมองที่จัตุรัสขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน

ทว่าพื้นที่ก็ถูกแยกออกเป็นสัดส่วนชัดเจนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จวนยมโลก ยอดเขาหมื่นเทพ และสำนักอื่น ๆ

อนาคตพวกเขาทั้งหมดก็คือสมาชิกตำหนักมู่!

สายตาของพวกเขารวมกันที่มู่เฉินด้วยความเคารพ เพราะพวกเขารู้ว่าตั้งแต่นี่ไปชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้นำคนใหม่ของพวกเขา

สายลมพัดผ่าน ทั่วจัตุรัสเงียบสงบ ผู้นำสำนักอื่นๆ นิ่งเงียบด้วยความกลัว เนื่องจากถูกข่มโดยฉากเบื้องหน้านี้

พวกเขารู้ว่าในอนาคตตำหนักมู่จะปกครองทั่วทั้งภูมิภาคทางเหนือทั้งหมด

มู่เฉินถอนหายใจขณะที่รู้สึกถึงสายตาเคารพนับถือที่จ้องมองมา หลายปีก่อนที่เขามาถึงที่นี่ เขาเป็นเพียงเบี้ยตัวเล็กๆ ใครจะคิดว่าชายหนุ่มไร้ชื่อจะกลายเป็นผู้ปกครองภูมิภาคทางเหนือ

การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต่อให้มู่เฉินไม่สนใจในการควบคุมขุมกำลัง แต่เขาก็ไม่สามารถกักเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจได้ เนื่องจากสิ่งนี้ได้พิสูจน์การเติบโตขึ้นของเขาแล้ว

ลูกเจี๊ยบตัวจ้อยในสมัยก่อนได้เติบโตเป็นอินทรีที่กล้าแกร่งทะยานขึ้นในสวรรค์ทั้งเก้า

มู่เฉินหันไปมองจิ่วโยว วันนี้นางสวมชุดสีดำที่ขับเน้นความสง่างามที่มี เมื่อนางเห็นสายตามู่เฉินก็เผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บนใบหน้า

ย้อนกลับไปตอนนั้นที่นางพามู่เฉินมาที่ภูมิภาคทางเหนือ เขาเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนและต้องการการปกป้องจากนาง แม้แต่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์นางก็กางปีกปกป้องน้องชายคนนี้ ทว่าเขาไม่เคยทำให้นางผิดหวัง เขาเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่ปี

ตอนนี้เขาได้บรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนก่อนหน้าและกำลังจะเป็นประมุขตำหนักมู่!

เมื่อก่อนนางรู้ว่ามู่เฉินเป็นมังกรซ่อนเขี้ยวเล็บ แต่นางไม่คิดว่ามู่เฉินจะทะยานและเติบโตรวดเร็วขนาดนี้

เด็กหนุ่มที่ติดตามนางเริ่มปล่งรัศมีของยอดยุทธ์แล้ว

ในอนาคตเขาจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาพันภพเทียบเคียงกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

ตึง!

ทันใดนั้นเสียงระฆังโบราณก็ดังขึ้นขณะที่จิ่วโยวกำลังอยู่ในภวังค์

เมื่อได้ยินเสียงระฆัง มู่เฉินก็ก้าวออกมาพลางกำมือ ทุกคนเห็นห้วงมิติบิดเบี้ยวบนท้องฟ้า รอยร้าวถูกฉีกออกเป็นริ้ว มองเห็นภูมิทัศน์ภายในได้เลือนราง

ตู้ม!

ยิ่งกว่านั้นเมื่อรอยร้าวปรากฏขึ้น คลื่นหลิงมากมายมหาศาลที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็หลั่งไหลออกมา

คลื่นหลิงในเขตต้าหลัวเทียนหนาแน่นอยู่แล้ว ถือได้ว่าเป็นดินแดนที่เหมาะสมในการเพาะบ่มพลัง แต่เมื่อรอยร้าวเปิดออกระดับพลังงานทั่วบริเวณนี้ก็เพิ่มระดับขึ้นอีก

คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลทำให้ทุกคนตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่รอยแตกด้วยดวงตาลุกโชติช่วง ความโกลาหลตลบอบอวลไปทั่ว

“นั่นคือวังสวรรค์บรรพกาลรึ?”

“ไม่คิดว่าสมบัตินี้จะเป็นรากฐานของตำหนักมู่ การเติบโตของตำหนักมู่เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น!”

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งหลายถึงเลือกที่นำพาสำนักเข้าร่วมกับตำหนักมู่”

“…”

ผู้คนที่เข้าร่วมเผยความสุขบนใบหน้า เนื่องจากพวกเขาได้รับแจ้งแล้วว่ามู่เฉินสามารถควบคุมวังสวรรค์บรรพกาลและจะควบรวมเข้ากับตำหนักมู่ ในอนาคตพวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับการเพาะบ่มพลังในวังสวรรค์บรรพกาล!

นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา เพราะนี่เป็นดินแดนขุมทรัพย์เดียวของทวีปเทียนหลัว!

“ในอนาคตสมาชิกตำหนักมู่จะสามารถเข้าไปในวังโบราณเพื่อฝึกฝน คนที่โดดเด่นที่สามารถได้รับการยอมรับจากหอคัมภีร์เทพซ่อนยังสามารถได้รับร่างเทห์สวรรค์และคัมภีร์เทพทรงพลังอีกด้วย!” เสียงสดใสของมู่เฉินดังก้อง

“ขอบพระคุณท่านประมุขมู่!”

เสียงพร้อมเพรียงดังกึกก้องชวนหูดับ ทุกคนที่เบื้องล่างกระทั่งเหล่าขั้วอำนาจอื่นๆ ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ขณะที่พวกเขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาลุกโชติช่วง

ภายใต้การล่อลวงนี้ แม้แต่สำนักอื่นๆ ที่มาชมดูพิธีก็มีดวงตาแดงก่ำ มีกระทั่งคัมภีร์เทพทรงพลัง ซึ่งแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังน้ำลายสอ

หากมีคนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาอาจจะเย้ยหยันคำเหล่านั้น แต่ทุกคนรู้ว่าวังโบราณอยู่ภายใต้การควบคุมของตำหนักมู่ ดังนั้นมู่เฉินจึงมีความสามารถทำเช่นนั้นโดยธรรมชาติ

มู่เฉินเบ้ปากเมื่อเห็นทุกคนตื่นตะลึง คัมภีร์ระดับเสินทงทรงพลังเป็นสิ่งที่แม้เขาก็ยังสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้รับอะไรมา เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คัมภีร์เทพของวังโบราณถูกซ่อนไว้ที่หอคัมภีร์เทพซ่อน ดังนั้นแม้กระทั่งเขายังหยิบมาตามใจชอบไม่ได้

มู่เฉินโบกมือลำแสงพุ่งออกจากวังโบราณก่อนที่จะตกลงบนภูเขา ก่อร่างเป็นประตูขนาดใหญ่

“นี่คือประตูมังกรทะยานสวรรค์ ในอนาคตใครที่ต้องการเข้าร่วมตำหนักมู่จะต้องผ่านประตูนี้ เฉพาะผู้ที่ผ่านมาได้เท่านั้นที่สามารถเป็นสมาชิกของตำหนักมู่!”

ในอนาคตอาจมีจอมยุทธ์ชั้นสูงมากมายอยากได้ชื่อเสียงของตำหนักมู่ ทว่ามู่เฉินไม่ต้องการที่จะยอมรับคนทั้งหมด เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าการได้รับประโยชน์

ด้วยการทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์ ผู้ด้อยโอกาสจะถูกปฏิเสธ เฉพาะผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิก

ด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้มู่เฉินมั่นใจว่าตำหนักมู่จะสามารถเติบโตในทวีปเทียนหลัวราวกับดาวฤกษ์!

“ท่านประมุขหลักแหลมนัก!”

ผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมาชิกแล้วก็สนับสนุนเรื่องนี้ ตอนแรกพวกเขายังมีข้อกังขาต่อการถูกรวมเข้ากับตำหนักมู่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็สบายใจเมื่อเห็นวิธีการต่างๆ ของมู่เฉิน ในอนาคตหากใครต้องการเข้าร่วมก็จะต้องผ่านการทดสอบ ดังนั้นพวกเขารู้สึกเหนือกว่าคนอื่นๆ โดยธรรมชาติ ดูท่าตำหนักมู่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ตามที่ต้องการ พวกเขาโชคดีได้รับโอกาสถึงไม่ต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว

มู่เฉินมองผู้คนที่คุกเข่าก็ถอนหายใจลึก ก่อนที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางเม้มริมฝีปาก

ในเมื่อตำหนักมู่จัดตั้งเสร็จเรียบร้อย

งั้นต่อไป…

ถึงเวลาที่เขาจะเคลื่อนไหวแล้ว!