หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1207 ทวีปซีเทียน ดินแดนซีเทียนเล็ก
หลังจากการจัดตั้งตำหนักมู่
คลื่นความตกตะลึงที่กวาดไปในทวีปเทียนหลัวและภูมิภาคทางเหนือก็ค่อยๆ สงบลง เนื่องจากทางตำหนักมู่ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรมากมาย พวกเขาอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะครองภูมิภาคทั้งหมด ซึ่งนี่ทำให้ขั้วอำนาจอื่นๆ รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ทว่าก็ไม่มีใครรู้ว่าจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักมู่รวมถึงมู่เฉินและมั่นถัวหลัวได้ออกจากกองบัญชาการไปยังดินแดนซีเทียนเล็กแล้ว
ทวีปเทียนหลัว ภาคกลาง เมืองเทียนหยาง
ค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง นี่เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายไกลที่สุดของทวีปเทียนหลัว หากใครต้องการจะออกจากทวีปนี้ก็จะต้องผ่านที่แห่งนี้ไป
นอกค่ายกลร่างเงานับไม่ถ้วนเคลื่อนผ่านไปมา ทำให้สถานที่แห่งนี้คึกคักยิ่งนัก คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลย้อมท้องฟ้าจนเป็นแสงระยิบนะยับ
ขณะนี้มีคนหกคนยืนอยู่ด้านนอกค่ายกล คนที่เป็นผู้นำดูอ่อนเยาว์ขณะกำลังมองค่ายกลด้วยความสนใจ
“ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา ความซับซ้อนไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายกลระดับจงซือเลย” ร่างอ่อนเยาว์เป็นใครไม่ได้นอกจากมู่เฉิน พวกเขาออกจากภูมิภาคทางเหนือเมื่อหลายวันก่อน โดยจุดหมายก็คืออค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สามารถเดินทางได้ไกลที่สุดของทวีปเทียนหลัว
“ลือกันว่าค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหลิงเจิ้นจงซือชั้นสูง ราคาเรียกว่าต้องใช้ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดเป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว” มั่นถัวหลัวถอนหายใจ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใช้ในการเดินทางไกลขึ้นต้องใช้วัสดุที่มีมูลค่ามากขึ้น ดังนั้นความยากลำบากในการสร้างก็สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ราคาที่จะจ้างหลิงเจิ้นต้าจงซือก็ไม่ได้ถูกเลย
มู่เฉินถอนหายใจชื่นชม ด้วยราคาสูงลิบลิ่วขนาดนี้มิน่าล่ะภูมิภาคทางเหนือถึงไม่มี
“ฮ่าๆ ด้วยความสำเร็จของท่านประมุขในด้านค่ายกล ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานภูมิภาคทางเหนือของเราก็จะมีสิ่งนี้” หลิ่วเทียนเต้ายิ้ม
หลังจากผ่านระยะเวลาในการปรับตัว พวกเขาก็ยอมรับฐานะประมุขของมู่เฉินได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความอึดอัดในการเรียกประมุขเลย
มู่เฉินอดยิ้มไม่ได้ขณะที่เอ่ยล้อเล่น “ตราบใดที่ผู้อาวุโสหลิ่วยอมจ่ายของเหลวจื้อจุนสองร้อยล้านหยด ข้าก็สามารถสร้างขึ้นมาสำหรับภูมิภาคทางเหนือของเราได้ทุกเมื่อ”
หลิ่วเทียนเต้ายิ้มค้างขณะส่ายหน้าหวือ เว้นแต่เขาไปขายตัว มิฉะนั้นต่อให้รื้อทั้งตำหนักสุดนภาก็ไม่สามารถจ่ายในราคานี้ได้ ราคานี้สามารถซื้ออาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางได้เลยนะ
ทุกคนมองไปที่หลิ่วเทียนเต้าขณะหัวเราะเบาๆ
มู่เฉินมองไปที่พรรคพวก มีคนไม่มากที่เดินทางมากับเขาครั้งนี้ นอกเหนือจากมั่นถัวหลัว ก็มีหลิ่วเทียนเต้า โยวมิ่ง เยาตี้และวั้นตู๋เสอ ส่วนวั้นเซิ่งที่มีนิสัยมั่นคงตั้งระวังได้รับมอบหมายคอยดูแลตำหนักมู่ เนื่องจากสำนักเพิ่งก่อตั้งใหม่ การมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเฝ้าบ้านไว้สักคนจะดีกว่า
ครั้งนี้กระทั่งจิ่วโยวก็ไม่ได้ตามมาด้วย เนื่องจากการเดินทางไปที่ตระกูลลั่วเสินครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง นางไม่ยอมให้ตัวเองเป็นภาระเด็ดขาด ดังนั้นนางจึงตัดสินใจอยู่ที่ตำหนักมู่เพื่อพยายามบรรลุระดับตี้จื้อจุนด้วยความช่วยเหลือของทะเลสาบสวรรค์ให้จงได้
แต่ถึงกระนั้นการรวมตัวของพวกมู่เฉินก็หรูหราน่าดู ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหนึ่งคนและขั้นต้นห้าคน พวกเขาสามารถเดินเชิดหน้าไปทั่วทวีปเทียนหลัวได้เลยทีเดียว
“เราจะต้องเดินทางผ่านหลายสิบทวีปใช้เวลาประมาณยี่สิบวันเพื่อไปถึงทวีปซีเทียน” มั่นถัวหลัวมองไปที่มู่เฉิน
“เวลากระชั้นชิดมาก”
มู่เฉินนับเวลาและถอนหายใจ “เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”
ทุกคนพยักหน้าเดินเข้าสู่ค่ายกล มู่เฉินสะบัดมือของเหลวจื้อจุนหลายหมื่นหยดก็ลงไปในจุดรับของค่ายกล
มั่นถัวหลัวใส่รหัสพิกัด จากนั้นค่ายกลก็ระเบิดแสงออกมา พื้นที่บิดเบี้ยวอึดใจกลายเป็นสายธารห้วงมิติกลืนเงาร่างของทั้งหกไป
เมื่อลำแสงจางหายไป ร่างทั้งหกก็วับหายไปแล้ว
มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล
ทวีปซีเทียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกที่นี่เป็นทวีปโบราณ แต่ในแง่ของขนาดก็ด้อยกว่าทวีปเทียนหลัวที่เป็นหนึ่งในมหาทวีปของมหาพันภพ ทว่าในแง่ของจำนวนจอมยุทธ์คุณภาพทวีปซีเทียนถือว่าค่อนข้างสูงมาก
ทุกคนบอกได้ว่าอดีตทวีปซีเทียนเคยมีสัญลักษณ์สองอย่างที่โดดเด่นมาก
อดีตที่ว่าก็คือสมัยโบราณ ในสมัยนั้นลั่วเสินจากทวีปซีเทียนได้รับฉายาเทพธิดาแห่งมหาพันภพ ชื่อเสียงของนางดังก้องไปทั่วสุริยะจักรวาลมากจนแม้แต่เผ่าปีศาจต่างมิติยังรู้จักชื่อนาง ยอดยุทธ์มากมายล้วนตกหลุมรักนาง
นอกจากนี้ที่น่าสะพรึงกว่าก็คือเทพธิดาคนนี้ยังเป็นหนึ่งในยอดยุทธ์ของมหาพันภพอีกด้วย
เรื่องราวเกี่ยวกับความงามและพลังของนางยังเล่าสืบต่อกันมาแม้กระทั่งผ่านมาหมื่นปี
ทว่าตอนนี้ขั้วอำนาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปซีเทียนกลับเป็น…ตำหนักซีเทียน!
และประมุขของตำหนักซีเทียนก็คือ…จักรพรรดิสัประยุทธ์!
เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง!
จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
คำกล่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วมหาพันภพ อาจจะดูเกินความจริงไปบ้าง แต่ก็พูดได้ว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นของจักรพรรดิสัประยุทธ์เลยทีเดียว
ด้วยการดำรงอยู่เช่นนี้ ตำหนักซีเทียนจึงเป็นหนึ่งในมหาอำนาจสูงสุดของมหาพันภพ แม้แต่ทวีปรอบๆ ก็กลายเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นผู้ปกครองเด็ดขาดในดินแดนฝั่งตะวันตก โดยมีกลุ่มชนจำนวนมากยอมสวามิภักดิ์ให้
ทว่าในเวลาส่วนใหญ่ตำหนักซีเทียนจะไม่ได้สนใจการรบพุ่งของแว่นแคว้นต่างๆ คล้ายกับยักษ์ที่ไม่ใส่ใจกับการตายของมด
ดังนั้นแม้จะมีขั้วอำนาจยิ่งใหญ่นี้ แต่ทวีปซีเทียนและทวีปโดยรอบก็ยังอยู่ในสภาพวุ่นวาย สงครามระหว่างขุมกำลังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ในบางแง่มุมวุ่นวายอาบเลือดไปกว่าทวีปเทียนหลัวที่ไม่มีมหาอำนาจปกครองซะอีก
แต่ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็เป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ตราบใดที่มีการดำรงอยู่ของจักรพรรดิสัประยุทธ์ กฎเกณฑ์ที่นี้ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ทวีปเทียนหลัวและทวีปซีเทียนถูกแยกออกจากกันด้วยระยะทางที่กว้างไกล โดยมีหลายสิบทวีปคั่นเอาไว้ แม้จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกล แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังมีปัญหาในการเดินทางข้ามทวีปด้วยระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน
แม้จะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ด้วยเวลากระชั้นชิด มู่เฉินก็ไม่คิดที่จะผ่อน เขาเดินทางด้วยความเร็วเต็มพิกัดหลังจากออกจากทวีปเทียนหลัว
โชคดีที่ทุกคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งสิ้น ไม่งั้นกระทั่งจิ่วโยวก็คงต้องหมดแรงจากการเดินทางรีบเร่งเช่นนี้
นอกจากนี้ต่อให้คนอื่นๆ ตามทันได้ด้วยขุมพลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องร้องอย่างขมขื่น ทว่ามู่เฉินกลับทำเหมือนไม่รับรู้ ตอนนี้เขาจะต้องมุ่งหน้าไปถึงตระกูลลั่วเลิ่นก่อนที่พิธีจะเริ่ม มิฉะนั้นถ้าเกิดอะไรกับลั่วหลีขึ้นมาเขาไม่มีทางให้อภัยตัวเอง
ดังนั้นแม้เขาจะเหนื่อยล้าแต่ก็ต้องกัดฟันเดินทางต่อไป เมื่อเห็นท่าทางของเขา คนอื่นๆ ก็ยิ้มเฝื่อนกัดฟันแน่น ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถโยนกลองทำให้มู่เฉินไม่พอใจ
ภายใต้การเร่งเดินทางเช่นนี้ ยี่สิบวันต่อมาในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทวีปซีเทียน…
ทวีปซีหลิงเป็นทวีปที่อยู่ใกล้กับทวีปซีเทียนมากที่สุด กลุ่มมู่เฉินปรากฏตัวในเมืองยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง
เบื้องหน้าพวกเขาเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลอีกค่ายกล
มู่เฉินมองค่ายกลเบื้องหน้า ใบหน้าที่เหนื่อยล้าก็ฉายความตื่นเต้น เพราะเมื่อไรที่เขาผ่านค่ายกลนี้ไปก็จะถึงดินแดนซีเทียนเล็ก!
“ทุกคนขอบคุณสำหรับความอดทนนี้!”
มู่เฉินหันกลับมาเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ประสานมือขอบคุณอย่างจริงใจ
พวกเขายิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะส่ายหัวเห็นได้ชัดว่าไม่มีแรงที่จะเปิดปากพูดแล้ว
มู่เฉินก้าวเข้าสู่ค่ายกล เหวี่ยงของเหลวจื้อจุนออกไป เขารู้สึกถึงความผันผวนของห้วงมิติรอบตัว สายธารน้ำวนค่อยๆ ก่อตัวและกลืนกินร่างเขาไป
ดวงตาของมู่เฉินหลับลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ในแขนเสื้อสั่นไหว
นี่เกิดจากความตื่นเต้น
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก
เขาเหมือนเห็นฉากที่เขากอดหญิงสาวไว้ก่อนที่นางจะจากไป ใจเขาสั่นเทาไปหมด
ตั้งแต่วันนั้น เขาก็รอวันนี้มาตลอด การรอคอยกินเวลานานหลายปี
ลั่วหลี ข้ามาหาแล้ว… เจ้าสบายดีไหม?