ตอนที่ 1282

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“สตรีนกอมตะสวรรค์ ห้ามถูกเจ้าปีศาจนั่นหลอกเด็ดขาด!” เหล่าคนของห้านิกายโบราณส่งสัญญาณให้กัน

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กอดสัตว์อสูรน้อยเอาไว้และกล่าว “ถ้าพวกเจ้ายังไม่เลิกพล่ามไร้สาระก็อย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา!” แววตาของนางเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด ในเมื่อนางตัดขาดกับนิกายโบราณแล้ว ผู้ใดที่ร้ายกับหลิงฮันก็เปรียบเหมือนร้ายกับนางด้วย

“สตรีนกอมตะสวรรค์ ไม่ใช่เจ้าเป็นคนบอกเองรึไงว่าตัวเองเป็นภรรยาของตระกูลหลิงที่ตายไปแล้ว? แล้วชายที่อยู่ตรงนั้นมันหมายความว่าอย่างไร?” เสียงเยาะเย้ยดังมาจากระยะที่ห่างไกล หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์

บนหลังของเขาแบกดาบที่ปล่อยกลิ่นอายโบราณและทรงพลังเอาไว้

ดวงตาของหลิงฮันกวาดมองอีกฝ่ายและชะงักทันที

จักรพรรดิดาบ!

หมื่นปีก่อนที่ทวีปฮงเทียนมีจอมยุทธระดับสวรรค์ทั้งหมดเจ็ดคน ทั้งเจ็ดคนนั้นถูกขนานนามว่าเจ็ดราชันโดยที่จักรพรรดิดาบเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือจักรพรรดิกระบี่ตะวันและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ หลังจากเวลาผ่านพ้นมาหมื่นปี จักรพรรดิดาบผู้นั้นได้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว แม้จะไม่โดดเด่นเท่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แต่ก็ยังนับว่ายอดเยี่ยมอยู่ดี

แม้เม็ดยาที่หลอมขึ้นจากโลกใบเล็กจะมีประสิทธิ์ภาพ แต่ปัจจัยสำคัญก็คือพรสวรรค์ของตัวเขาเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถยกระดับพลังตนเองขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ภายในระยะเวลาเพียงหมื่นปี

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มองไปยังศัตรูเก่า “ข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้า เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”

ในขณะที่พวกเขาสนทนากัน ผู้คนโดยรอบมากมายก็ค่อยเข้ามาใกล้ ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดมีปากเสียงกันเช่นนี้ย่อมเป็นธรรมดาที่จะดึงดูดความสนใจ

“ฮ่าๆๆ!” จักรพรรดิดาบหัวเราะและส่ายหัวอย่างเหยียดหยาม

เจ้าที่เย็นชาและอวดตัวว่าไม่หวั่นไหวต่อความรักกลับเปลี่ยนใจไปหาบุรุษคนอื่น

หลิงฮันไม่ต้องการให้ใครมาดูหมิ่นภรรยาของตน ต่อให้จะเป็นเพียงการเข้าใจผิดก็ตามที “จักรพรรดิดาบ ไม่ได้เจอกันเสียนาน เจ้ากล้าประลองกับข้ารึไม่?”

จักรพรรดิดาบ?

คนหลายคนมึนงงทันที เจ้าหนูนี่กำลังพูดถึงใคร?

จักรพรรดิตะลึง ชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเป็นฉายาของเขาที่โลกใบเล็ก เมื่อขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วเขาได้เลิกใช้ชื่อนั่นและเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงของตน

ไม่เช่นนั้นหากเรียกตนเองว่าจักรพรรดิดาบบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้คงไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย

แต่ว่าเจ้าหนูนั่นรู้ได้อย่างไร?

เดี๋ยวก่อน… เจ้าหนูนั่นมีชื่อว่าหลิงฮัน… แถมสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็ยังยอมขัดแย้งกับนิกายเพื่อเขา!

ถ้าหลิงฮันเป็นคนที่เขากำลังคิดอยู่จริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีอายุยืนยาวได้ขนาดนี้?

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา

ข้ามผ่านเวลา!

เมื่อนานมาแล้ว เหล่าห้านิกายโบราณที่ลงไปสร้างรากฐานบนโลกใบเล็กได้ถูกหม่าตั้วเปาบดขยี้ทำลายแทบจะไม่เหลือซาก อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ผนึกร่างกายให้ข้ามผ่านกาลเวลาได้ก็ถูกขโมยไป

ถ้าหลิงฮันมีชีวิตรอดมาได้ด้วยวิธีนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผล

“เจ้าคือ… หลิงฮันคนนั้น!” จักรพรรดิดาบจ้องมองหลิงฮัน

หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรและตอบกลับ “ฮ่าๆ ในตอนนั้นเพื่อที่จะให้ข้าหลอมเม็ดยาให้ เจ้าถึงขนาดยอมยกทักษะสามดาบเร้นลับให้ข้า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิดาบก็ไม่สงสัยอีกต่อไป หลิงฮันตรงหน้านี้ไม่ใช่เพียงคนที่เปิดสวรรค์ได้แต่ยังเป็นจักรปรุงยาเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน!

หากมีเม็ดยาคุณภาพสูงให้กินทุกวันก็ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วขนาดนี้

“ไม่คาดคิดว่าที่แท้เจ้าก็คือคนที่เคยสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว!” จักรพรรดิดาบแสดงสีหน้าตื่นเต้น “หากก่อนหน้านี้ข้ารู้ว่าเจ้าจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อนิกาย ข้าควรจะสังหารเจ้าไปเสียแต่เนิ่นๆ!”

เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน หลิงฮันมีระดับพลังเท่ากับเขาก็จริง แต่ในเรื่องของพลังต่อสู้ล่ะ? เทียบกันแล้วช่างน่าขัน

“จางเหิง เจ้าคิดจะแส่หาที่ตาย?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เกรี้ยวกราด จิตสังหารของนางรุนแรงกว่าของจักรพรรดิดาบเสียอีก

ชื่อที่แท้จริงของจักรพรรดิดาบคือจางเหิง เมื่อขึ้นมายังบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาเลิกใช้ฉายาจักรพรรดิดาบและเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงแทน

“ภรรยาข้า ให้ข้าจัดการเอง” หลิงฮันดันร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หลบไปด้านหลัง เขารอคอยที่จะได้ปะทะกับจักรพรรดิดาบและจักรพรรดิกระบี่ตะวันมานานแล้ว ตอนนี้แม้พลังพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะสูงกว่าเขาก็ไม่มีทางถูกรังแก

“ระวังด้วย เขาเป็นถึงอัจฉริยะสี่ดาบ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กระซิบเตือน นางไม่อยากให้หลิงฮันพ่ายแพ้ต่อจักรพรรดิดาบ

พลังต่อสู้ของหลิงฮันเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น แต่จักรพรรดิดาบมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นปลาย ด้วยพลังต่อสู้สี่ดาวทำให้อีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย

นั่นหมายความว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายแพ้

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ไม่ต้องกังวล แม้ตอนนี้ข้าจะยังเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่กับหมอนั่นน่ะรึ… เรื่องกล้วยๆ!”

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มองบน หลิงฮันประมาทเกินไปแล้ว เขาจำไม่ได้รึไงว่าสมัยก่อยเคยพ่ายแพ้อีกฝ่ายมากี่ครั้ง?

“จักรพรรดิดาบ มาสู้กับข้า!” หลิงฮันเชื้อเชิญ

จักรพรรดิดาบเผยสีหน้าจริงจังก่อนจะกล่าว “ข้าไม่ได้ถูกเรียกว่าจักรพรรดิดาบมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่า… สักวันข้าจะหวนกลับไปใช้ฉายานั่นอีกครั้ง!”

ช่างเป็นความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่!

บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คำนำหน้าว่าจักรพรรดิไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เรียกกันง่ายๆเนื่องจากการมีอยู่ของจักรวรรดิราชวงศ์

ยกตัวอย่างเช่น หากจางเหิงเรียกตนเองว่าจักรพรรดิดาบ นั่นหมายถึงเขามีสถานะทัดเทียมกับผู้นำจักรวรรดิที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ หากเป็นเช่นนั้นจอมยุทธระดับดาราจะคิดอย่างไร?

จอมยุทธระดับสุริยันจันทราตัวเล็กๆมีกล้าใช้ฉายาที่ไม่เห็นหัวพวกเขา?

แส่หาที่ตาย!

เมื่อครู่ที่จางเหิงกล่าวว่าวันหนึ่งจะกลับมาใช้ฉายาตจักรพรรดิดาบอีกครั้งนั่นหมายถึงเขามั่นใจว่าตนเองจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์ได้

หลิงฮันพยักหน้า ชายที่มีความทะเยอทะยานเช่นนี้คือจักรพรรดิดาบที่เขารู้จัก

เขากล่าวตอบ “เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันตั้งแต่อดีต ข้าหวังว่าหากเจ้าแพ้เข้าจะออกจากนิกายดาบสวรรค์และเดินตามเส้นทางของตัวเอง ”

“ฮ่าๆ ไว้เอาชนะให้ได้ก่อนแล้วค่อยกล่าวเช่นนั้นกับข้าอีกครั้ง!” จางเหิงกล่าว ‘ครืนน’ คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จิตใจสู้รบของเขาผสานเข้ากับเจตจำนงแห่งดาบ คลื่นพลังที่เกิดขึ้นรุนแรงจนราวกับจะทำให้ท้องฟ้าแยกออก

หลิงฮันถอนหายใจ มีเพียงด้านวิถีแห่งดาบเท่านั้นที่อีกฝ่ายก้าวหน้าเหนือกว่าเขา จักรพรรดิดาบนั้นมุ่งเน้นฝึกฝนแต่เพียงวิถีดาบเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวเขานั้นการบ่มเพาะพลังยังสะเปะสะปะอยู่แถมยังมีศาสตร์ปรุงยาให้ฝึกฝนอีก

แต่เพราะการฝึกฝนที่หลากหลายนั่นทำให้เขาแข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

หลิงฮันไม่นำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาและเลือกใช้หมัดในการปะทะ รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นพัวพันรอบมือทั้งสองข้างของเขาทำให้ปลดปล่อยอำนาจที่หนักแน่นไร้ขีดจำกัดราวกับขุนเขาออกมา

ตูม!

เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน!