ตอนที่ 1283

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หมัดของหลิงฮันจู่โจมเข้าใส่จางเหิงราวกับขุนเขาสองลูก

‘ครืนนน’ ยังไม่ทันที่หมัดจะปะทะกับเป้าหมาย ออร่าอันทรงพลังก็ทะลักออกมาราวกับท้องฟ้าจะพังทลาย

ศิษย์ของห้านิกายโบราณรีบล่าถอย ไม่ว่าจะเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นต้น ขั้นกลาง หรือขั้นสูง เกรงว่าหากถูกลูกหลงจากหมัดนั่นคงบาดเจ็บปางตาย

กายหยาบของหลิงฮันเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้นเล็กน้อย การใช้หมัดเปล่าเป็นอาวุธเช่นนี้เรียกว่าเป็นการนำประโยชน์จากกายหยาบมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

จางเหิงไม่แสดงท่าทีตกตะลึง ‘ปัง’ ดาบยาวในมือของเขากวาดผ่านท้องฟ้าสลายอำนาจหมัดของหลิงฮันและสะท้อนหมัดทั้งสองของหลิงฮันกลับไป

แข็งแกร่ง!

ในด้านของพลังโจมตี เห็นได้ชัดว่าจางเหิงเป็นฝ่ายเหนือกว่าเนื่องจากระดับพลังของเขาสูงกว่าหลิงฮันและเป็นอัจฉริยะสี่ดาว แม้หลิงฮันจะมีพลังต่อสู้หกดาวก็ไม่อาจทดแทนความห่างของพลังต่อสู้สี่ดาวกับระดับพลังที่สูงกว่าของอีกฝ่ายได้

“หมื่นปีก่อนเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ส่วนตอนนี้… เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี!” จางเหิงกล่าวอย่างองอาจและสะบั้นดาบออกไป

ดาบของเขาไม่ได้ผสานรวมเข้ากับพลังบ่มเพาะ เหตุผลข้อแรกคือเขายังไม่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ข้อสองคือความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราแต่เขาตั้งมั่นจะกลายเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะผสานพลังบ่มเพาะเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาซึ่งเป็นตัดอนาคตของตัวเอง

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะกล่าวว่าเจ้าต่างหากที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

“ถ้าความสามารถของเจ้ามีเพียงเท่านี้ ภายในสิบกระบวนท่าเจ้าจะถูกข้าบดขยี้!” จางเหิงกวัดแกว่งดาบเข้าใส่หลิงฮัน ‘ครืนน’ อำนาจที่รุนแรงถูกปลดปล่อยออกมาจนราวกับสวรรค์และปฐพีกำลังสั่นคลอน

หลิงฮันพยักหน้าในใจ หากเป็นในด้านของวิถีดาบเพียงอย่างเดียว จางเหิงมีคุณสมบัติพอจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิดาบจริงๆ

เพียงแต่ว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้อ่อนแอ!

หลิงฮันตั้งตรงเป็นรูปร่างดาบ ‘พรึบ พรึบ’ เขาสะบัดนิ้วมือทั้งสิบปลดปล่อยปราณดาบอันน่าเกรงขามปะทะกับจางเหิง

ปราณดาบเหล่านั้นคือทักษะดาบฟ้าคำราม

ตอนนี้ทักษะดาบฟ้าคำรามยังไม่สมบูรณ์แบบ จะกล่าวว่าเขาคิดค้นและฝึกฝนมันสำเร็จเพียงส่วนเล็กๆก็ไม่ผิดนัก แต่ส่วนเล็กๆที่ว่านั้นได้ผสมผสานเอาไว้ด้วยพลังที่สามารถทำลายอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันเป็นกฎแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ รวมทั้งแฝงอำนาจแห่งทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ด้วยเล็กน้อย

ต่อให้ไม่ใช้ดาบอสูรนิรันดร์ ปราณดาบที่ถูกปลดปล่อยออกไปก็เป็นดังมังกรทรราชที่อาละวาด

จางเหิงชะงักทันที ตัวเขาเป็นผู้ฝึกฝนวิถีแห่งดาบมาทั้งชีวิต ดาบนั้นกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา แม้หลิงฮันจะไม่ได้ใช้ดาบในการโจมตีแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงเจตจำนงแห่งดาบอันเป็นอนันต์ไร้ขอบเขตจากปราณดาบที่พุ่งเข้ามา

เจตจำนงแห่งแห่งดาบนี่มัน… ลึกล้ำเกินกว่าความเข้าใจของเขา!

จางเหิงตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แม้เขาจะละทิ้งฉายาจักรพรรดิดาบไปแล้ว แต่เขาก็ยังมั่นใจในศักยะภาพของตัวเอง เขาคิดว่าสิ่งที่ตัวเขาในตอนนี้ขาดไปคือระดับพลังบ่มเพาะเท่านั้น หากเป็นการต่อสู้ในระดับพลังเดียวกัน ต่อให้ศัตรูจะเป็นปรมาจารย์ระดับดาราหรือวารีนิรันดร์เขาก็เอาชนะได้

แต่ความมั่นใจนั่นถูกทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อเห็นเจตจำนงดาบของหลิงฮัน

คู่ต่อสู้ที่ในอดีตไม่เคยอยู่ในสายตาของเขากลับกลายมาเป็นปรมาจารย์ผุ้เชี่ยวชาญดาบเช่นนี้…

ไม่อาจยอมรับได้!

จางเหิงคำรามและกวัดแกว่งดาบ อำนาจแห่งดาบที่เขาฝึกฝนมาตลอดถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ปราณดาบที่เข้มข้นและแหลมคมนับไม่ถ้วนกระหน่ำพุ่งปะทะกับปราณดาบของหลิงฮัน

หลิงฮันไม่หวาดกลัวและตอบโต้ซึ่งๆหน้า

ศิษย์ของห้านิกายโบราณจ้องมองดูตาไม่กระพริบ คนของห้านิกายโบราณทุกคนแม้จะเคยได้ยินชื่อหลิงฮันแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นหลิงฮันตัวเป็นๆมาก่อน ณ ตอนนี้เมื่อเห็นด้วยตาตนเองว่าหลิงฮันที่ร่ำลือนั่นสามารถห้ำหั่นกับจางเหิงได้ซึ่งๆหน้าพวกเขาจึงตกตะลึงอย่างมาก

ถึงแม้จางเหิงจะมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นสูง แต่พลังต่อสู้ของเขาทำให้สู้ข้ามระดับกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ ปรมาจารย์เฒ่าหลายคนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จางเหิงถูกเรียกว่าเป็นดาวดวงใหม่ที่จรัสแสงที่สุดของนิกายดาบสวรรค์ ชื่อเสียงของเขาเป็นที่ประจักษ์ไม่แพ้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์

แต่ถึงอย่างไรพลังของหลิงฮันก็ยังไม่ถือว่าน่ากลัวอะไรขนาดนั้นไม่ใช่รึไง เหตุใดนิกายจึงต้องตื่นตัวมากถึงขนาดส่งเหล่าปรมาจารย์มากมายมาสังหารรุ่นเยาว์ผู้นี้ด้วย?

จากที่เห็นตรงหน้า ฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่คือจางเหิงอย่างเห็นได้ชัด หากยังปะทะกันแบบนี้ต่อไปหลิงฮันจะต้องผ่ายแพ้ไม่ผิดแน่

แค่จางเหิงคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว ทำไมทางนิกายต้องตื่นตระหนักให้วุ่นวายขนาดนั้นกัน?

จางเหิงรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขามีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮัน แต่หากเทียบในด้านความลึกซึ้งของทักษะดาบแล้ว เขาพ่ายแพ้ย่อยยับ

เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีทักษะดาบที่ผสมผสานความเร็วและพลังอำนาจที่รุนแรงให้เข้ากันได้อย่างลงตัวเช่นนี้?

“พอแล้ว หยุดทดสอบพลังของเจ้านหูนั่นแล้วร่วมมือกันจัดการเขา!” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยแทรก เขาดูการประลองมาสักพักแล้ว เมื่อเห็นว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันก็งั้นๆทำให้เขาเกิดความมั่นใจขึ้นมา

เขาไม่คิดจะสู้กับหลิงฮันแค่คนเดียวแต่จะร่วมมือกันสังหารปีศาจที่ในอนาคตอาจจะทำลายรากฐานที่มั่นคงของห้านิกาย

ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดหลายคนก้าวออกมาด้านหน้า พวกเขารู้ดีว่าหลิงฮันมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนเอาไว้ ซึ่งความลับนั้นอาจจะช่วยให้พวกเขาทั้งห้านิกายสยายปีกก้าวสู้ระดับดาราหรืออาจจะระดับวารีนิรันดร์เลยก็เป็นได้

“ถอยกลับไป!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์คำราม ‘พรึบ’ ด้านหลังของนางปรากฏปีกนกอมตะขนาดใหญ่ที่แผดเผาไปด้วยเปลวเพลิง ด้วยปีกที่น่าหวั่นเกรงและใบหน้าที่เย็นชาของนางทำให้นางดูราวกับเป็นเทพธิดาแห่งสงคราม

“สตรีนกอมตะสวรรค์ เจ้าคิดจะช่วยเหลือคนนอกงั้นรึ?” ปรมาจารย์ชราหลายคนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

ที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์บรรลุระดับพลังในตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะการสนับสนุนจากนิกาย ถึงอย่างนั้นนางกลับไม่เพียงจะไม่ช่วยเหลือนิกาย แต่ยังเลือกช่วยเหลือศัตรูตัวฉกาจของนิกายอีกด้วย

“หากขยับเข้ามาใกล้อีกก้าวเดียวข้าจะถือว่าเป็นศัตรู!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว ในเรื่องของการสนับสนุนจากนิกายนั้นนางได้รับทรัพยากรมาเพียงน้อยนิด เม็ดยาที่หลอมจากโลกใบเล็กนางเอกก็ปฏิเสธหัวชนฝา

ที่นางสามารถบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ในระยะเวลาสั้นๆเป็นเพราะการตื่นขึ้นของสายเลือดของนาง!

จอมยุทธชราหลายคนหันมองกันและพยักหน้า พวกเขาไม่สามารถยอมปล่อยให้หลิงฮันหนีรอดไปได้ ถ้าเจ้าหนูนั่นหายไปแล้วปรากฏตัวอีกทีหนึ่งพันปีต่อมาพวกเขาจะทำอย่างไร?

ด้วยพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดของเขา ตราบใดที่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ เกรงว่าเขาคงจะมีพลังต่อสู้มากพอที่จะบดขยี้ห้านิกายโบราร

“เฒ่าหยือ เฒ่าเฉียน พวกเจ้ารั้งสตรีนกอมตะสวรรค์เอาไว้ ส่วนคนที่เหลือลงมือพร้อมกับข้าจัดการเจ้าหนูนั่น”

“ตกลง!”

ปรมาจารย์เฒ่าหลายคนแบ่งหน้าที่กันและเริ่มลงมือ

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เกรี้ยวกราด ปีกขนาดใหญ่ของนางสยายออกปลดปล่อยอำนาจอันไร้ขีดจำกัด ด้วยสายเลือดของนางทำให้เปลวเพลิงที่ปะทุออกมาแฝงไว้ด้วยเศษเสี้ยงพลังของนกอมตะที่แท้จริง

เหล่าปรมาจารย์เฒ่าหลายคนแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาทันที

สตรีนกอมตะเป็นฝ่ายลงมือก่อน เปลวเพลิงและเสียงคำรามของนกอมตะถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของนางพร้อมกับแปรเปลี่ยนเป็นนกอมตะหลากสี นกอมตะที่ร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งโจมตีใส่คนของห้านิกายโบราณ

“ลุย!” คนของห้านิกายโบราณตะโกนด้วยน้ำเสียงอํามหิต ในเมื่อสตรีนกอมตะสวรรค์คิดจะลงมือจริงๆ ไม่นางก็พวกเขาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตาย!