ตอนที่ 1013 เส้นทางสายไหม

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1013 เส้นทางสายไหม

ณ กวนหยุนถายแห่งเมืองกวนหยุน

สายลมยามราตรีในเดือนสามได้พัดพาความหนาวเย็นเข้ามาเป็นระลอก

ฟู่เสี่ยวกวนและท่าป๋าวั่งฮ่องเต้แห่งแคว้นซีเซี่ยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันที่ใต้ต้นสนโบราณ โดยมีโต๊ะกระดานหมากรุกกั้นกลาง

“นี่คือชาหยุนวู่ที่ผลิตในเมืองกวนหยุน ท่านลองชิมดูเถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนรินชาให้ท่าป๋าวั่งหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ส่งให้เขาพลางเอ่ยต่อว่า “การที่เชิญท่านมาในครานี้ก็เพราะเห็นว่ามีธุรกิจบางอย่างที่พวกเราสามารถทำร่วมกันได้”

มือที่ถือถ้วยชาของท่าป๋าวั่งชะงักเล็กน้อย ทำธุรกิจเยี่ยงนั้นหรือ ?

นี่มิใช่เวลามาทำธุรกิจอันใดทั้งสิ้น !

ซีเซี่ยใกล้ล่มสลายเต็มที เจ้ายังมีหน้าเรียกข้ามาหารือเรื่องธุรกิจอยู่อีกหรือ… ทำเช่นนี้เท่ากับมิจัดลำดับความสำคัญใช่หรือไม่ ?

“องค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ที่ข้ามาเยือนในครานี้ก็ได้นำความจริงใจมาด้วยอย่างล้นเหลือ” ท่าป๋าวั่งวางถ้วยชาลงและครุ่นคิดว่าควรถือโอกาสนี้สนทนากับจักรพรรดิผู้เยาว์วัยให้กระจ่างชัด

“ทุกวันนี้กองทัพแห่งราชวงศ์เหลียวได้ยึดครองผืนปฐพีซึ่งเป็นประตูสู่ต้าเซี่ยแล้ว ตัวข้าใคร่ทำธุรกิจร่วมกันกับท่าน ทว่านี่คงมิใช่โอกาสที่เหมาะสม”

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้นแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉย “อย่าเพิ่งรีบร้อน…อีกสองวันหลังจากนี้เมื่อทุกแคว้นมาถึงโดยพร้อมเพรียงแล้ว ข้าจะกล่าวตักเตือนผ่านราชทูตของราชวงศ์เหลียวเอง เพราะพวกเราต่างก็อาศัยอยู่บนผืนปฐพีเดียวกัน ทั้งยังเป็นเพื่อนบ้านกันอีกด้วย จะมารบราฆ่าฟันให้ได้อันใดขึ้นมากัน ? พวกเราต้องทำธุรกิจและมั่งมีไปพร้อม ๆ กันสิถึงจะถูก ให้ราษฎรที่อยู่ภายใต้การปกครองได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม แบบนี้จะมีประโยชน์มากกว่า”

กล่าวตักเตือน…มันจะไปมีประโยชน์อันใด ?

ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เหลียวมิได้เสด็จมาด้วยตนเอง คนที่เจ้าไปว่ากล่าวตักเตือนก็เป็นเพียงแค่ราชทูตคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังต้องรอให้ราชทูตเดินทางกลับไปทูลต่อฮ่องเต้ราชวงศ์เหลียวอีก… แล้วถ้าเขามิได้แยแสจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแม้แต่น้อยเล่า ?

ต่างคนต่างก็เป็นองค์ราชาและราชวงศ์เหลียวก็อยู่ห่างจากต้าเซี่ยมากถึงเพียงนั้น เขามิจำเป็นต้องเห็นแก่หน้าเจ้าก็เป็นได้ !

ก่อนออกเดินทางมายังเมืองกวนหยุน ท่าป๋าวั่งและท่าป๋ายวี่ได้หารือกันมาก่อนว่าต้องขอให้ทางต้าเซี่ยส่งกองทัพไปช่วยเหลือให้ได้ ถัดมาคือการขอความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและการทหาร

การกล่าวตักเตือนผ่านราชทูตมันจะไปมีประโยชน์อันใด ทั้งยังห่างไกลเป้าหมายของการมาเยือนอีกต่างหาก

ท่าป๋าวั่งเอ่ยต่อว่า “ราชวงศ์เหลียวเป็นดินแดนกักขฬะ พวกเขามิเข้าใจมารยาทและด้วยเหตุนี้เยลู่ชิงจึงมองว่าการมาร่วมพิธีถวายความเคารพในครานี้เป็นเรื่องไร้สาระ”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นมองท่าป๋าวั่ง “เช่นนั้นท่านเห็นว่าต้าเซี่ยควรทำเยี่ยงไร ? ”

“ซีเซี่ยเป็นแคว้นกันชนของชื่อเล่อชวน หากว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยให้ความสำคัญต่อชื่อเล่อชวนจริง ก็ขอให้ท่านช่วยส่งกองทัพไปยังซีเซี่ยด้วยเถิด เช่นนี้ราชวงศ์เหลียวย่อมถอยร่น ! สำหรับราชวงศ์เหลียวก็เห็นทีว่าจะมีแค่การโจมตีเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขายอมสยบ หากทำเช่นนั้นซีเซี่ยก็จะสงบสุข ราชวงศ์เหลียวก็จะยอมศิโรราบต่อประเทศต้าเซี่ยเช่นกัน”

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วมุ่นราวกับว่ากำลังนำข้อเสนอของท่าป๋าวั่งมาขบคิดอย่างจริงจัง

ในขณะที่ท่าป๋าวั่งกำลังเฝ้ารออย่างมีความหวัง ฟู่เสี่ยวกวนกลับส่ายศีรษะให้กับข้อเสนอของเขา “มิเหมาะสมเอาเสียเลย เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ยต้องมาจากตนเอง ถ้าเอ่ยตามจริงคือข้ามิได้ต้องการให้แคว้นอื่นยอมรับหรือเคารพในความยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ย แนวคิดทางศาสนาและการเมืองของข้า ท่านอาจจะยังมิเข้าใจ ข้าคิดว่า…ขอเพียงแค่พสกนิกรของข้ารู้สึกว่าจักรพรรดิพระองค์นี้บริหารได้ดี ทำให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ผาสุก เพียงแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว”

“ตัวข้าค่อนข้างเน้นไปทางปฏิบัติ” ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือปัด “ของนามธรรมพรรค์นั้นมิเพียงสิ้นเปลืองประชากรและทรัพย์สินเท่านั้น ทว่ามันยังไร้ประโยชน์ต่อต้าเซี่ยอีกด้วย”

ท่าป๋าวั่งตื่นตกใจขึ้นมาทันใด จักรพรรดิพระองค์นี้เป็นผู้ปกครองที่มีความคิดลึกซึ้งสมคำล่ำลืออย่างแท้จริง !

เขาจะลงมือทำก็ต่อเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจนแล้วเท่านั้น !

ท่าป๋าวั่งรู้สึกคับแค้นใจ ทว่าเมื่ออยู่ใต้ชายคาเรือนของผู้อื่นก็จำต้องก้มหน้ายอมจำนน

เขาประคองมือขึ้นคารวะต่อฟู่เสี่ยวกวน “ที่มาเยือนในครานี้ ข้าได้นำเครื่องราชบรรณาการมาถวายท่านหลายอย่าง หนึ่งในนั้นมียาเสริมกำลังภายใน 3 เม็ด นี่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในยุทธภพ ยาวิเศษสามเม็ดนี้เพียงพอให้ท่านได้เพิ่มพูนวรยุทธ์จนถึงระดับปรมาจารย์…ของสิ่งนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจเล็กน้อย มียาวิเศษเช่นนี้อยู่จริงหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนพลันนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ย คนผู้นั้นมีความสามารถในการปรุงยา และครั้งหนึ่งยังเคยปรุงยาพิษที่ทำให้พลังของปรมาจารย์เสื่อมลงอีกด้วย…เห็นทีเรื่องยาเสริมกำลังภายในน่าจะเป็นเรื่องจริง

และอีกอย่างทางซีเซี่ยกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากตนอยู่ ดังนั้นคงมินำยาปลอม ๆ มาหลอกตนอย่างแน่นอน

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด เพราะบัดนี้เฮ้อซานเตาเป็นผู้มีฝีมือขั้นหนึ่งแล้ว

ข้าฝึกวรยุทธมาก่อนเฮ้อซานเตาเสียอีก ทว่ายังย่ำอยู่ในขั้นสาม ช่างมิเอาไหนเสียจริง

ของชิ้นนี้ต้องนำมาครอบครองให้ได้

เขาแสร้งเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย “มันมีผลลัพธ์สูงส่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”

ท่าป๋าวั่งรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด ท่าป๋ายวี่มิได้คาดการณ์ผิด จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยมิได้ขาดแคลนสิ่งใด จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือวรยุทธนั่นเอง

“นี่คือยาวิเศษซึ่งเป็นกรรมวิธีลับเฉพาะของพระราชวังไป๋ฮวาแห่งซีเซี่ย ซึ่งได้สาบสูญไปจากยุทธภพมาช้านานแล้ว ทุกวันนี้จึงเหลือเพียงแค่ 3 เม็ดเท่านั้น”

“อ่า…ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ประเดี๋ยวข้า ข้าจะจัดการเรื่องนั้นก็แล้วกัน”

ท่าป๋าวั่งโล่งใจในที่สุด เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ จากนั้นก็ได้ยินฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยว่า “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ให้ซีเซี่ยของท่านเป็นหนึ่งในเขตปกครองตนเองของต้าเซี่ย เช่นนี้ประเทศต้าเซี่ยก็จะสามารถส่งกองทัพเข้าช่วยเหลือได้อย่างชอบธรรม ตกลงหรือไม่ ? ”

ท่าป๋าวั่งยังมิทันได้กลืนชาอึกนั้นลงคอ จึงสำลักคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนจนต้องพ่นชาออกมา

เป็นเมืองขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ?

เท่ากับว่าจะมิมีแคว้นซีเซี่ยอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่ ?

จะเป็นไปได้เยี่ยงไร ? !

“ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ได้โปรดฟังข้าให้จบก่อน”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋าอกเสื้ออย่างใจเย็น จากนั้นก็นำมากางไว้เบื้องหน้าท่าป๋าวั่ง

“ท่านดูเถิด…แท้จริงแล้วผืนปฐพีนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ทั้งยังมีแคว้นอื่น ๆ อีกมากมาย…” เขาชี้ไปยังต้าเซี่ยจากนั้นก็เคลื่อนนิ้วผ่านซีเซี่ย ผ่านผืนปฐพีของราชวงศ์เหลียว จากนั้นก็เคลื่อนไปยังดินแดนอันไกลโพ้น “น่าจะบริเวณนี้ที่เป็นที่ตั้งของแคว้นโหลวหลาน เมื่อแยกออกไปจากตรงนี้แล้วขึ้นไปทางเหนือ จากนั้นก็เลี้ยวไปทางทิศตะวันตกก็จะเป็นแคว้นชิวสือ ตรงกันข้ามถ้าเริ่มจากแคว้นโหลวหลานลงไปทางทิศใต้ก็จะผ่านแคว้นเชียม่อ ผ่านอาณาจักรยู่เถียนไปจนถึงอาณาจักรชูเล่ หากไปทางทิศตะวันตกแล้วข้ามเทือกเขาชงหลิ่งก็จะเป็นแคว้นต้าหยวน”

“หากเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกเรื่อย ๆ ก็จะเป็นอัฟกานิสถาน ซอกเดีย จักรวรรดิพาร์เธียและไปได้ไกลจนถึงทางตะวันออกของอาณาจักรโรมัน…”

สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจอธิบายออกมา คือเส้นทางสายไหมโบราณซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง !

ท่าป๋าวั่งนิ่งฟังด้วยสีหน้างงงวย เขามิเคยได้ยินชื่อของดินแดนเหล่านี้มาก่อนและมิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนทราบได้เยี่ยงไร ยิ่งมิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเนื่องด้วยเหตุอันใด ?

จำเป็นต้องออกเดินทางไปยังดินแดนไกลโพ้นเหล่านั้นด้วยหรือ ?

บัดนี้ซีเซี่ยตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายมิใช่หรือ ?

เรามาแก้ไขวิกฤติที่อยู่เบื้องหน้าให้ดีแล้วค่อยถกเรื่องในอุดมคติของเจ้าดีหรือไม่ ?

ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลากว่าหนึ่งถ้วยชาในการสาธยายเรื่องเส้นทางสายไหมจนจบ

เขาเงยหน้าขึ้นมองท่าป๋าวั่ง ดวงตาคู่นั้นทอประกายระยิบระยับ “เส้นทางสายไหมเส้นนี้เป็นดั่งเส้นทางทองคำ ! ขอเพียงสามารถบุกเบิกเส้นทางสายนี้ขึ้นมาได้ ในอนาคตความมั่งคั่งจะหลั่งไหลมามิขาดสาย เป็นเยี่ยงไร ? ครานี้ท่านสนใจร่วมทำธุรกิจด้วยกันหรือไม่ ? ”

เหมือนว่าจะน่าสนใจอยู่มิน้อย

คำว่าเส้นทางทองคำสามารถดึงดูดท่าป๋าวั่งผู้ยากจนข้นแค้นได้เป็นอย่างดี

“จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย หากท่านสามารถช่วยซีเซี่ยให้รอดพ้นจากการรุกรานของราชวงศ์เหลียวได้ ข้าย่อมยินยอมบุกเบิกเส้นทางสายไหมนี้อย่างแน่นอน ! ”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาสนทนากันอย่างตรงไปตรงมาเถิด”

“ขอฝ่าบาททรงตรัส ! ”

“แคว้นซีเซี่ยนั้นไร้ความหมายใดต่อต้าเซี่ยอย่างแท้จริง ข้ามิได้ต้องการความช่วยเหลือจากซีเซี่ย ต้าเซี่ยมีศักยภาพเพียงพอในการบุกเบิกเส้นทางสายไหมด้วยลำแข้งของตนเอง ทว่า…หากท่านต้องการให้ราษฎรชาวซีเซี่ยมีชีวิตที่ดีขึ้นก็จงยอมศิโรราบต่อต้าเซี่ยเสีย ข้าขอรับประกันว่าจะมิส่งทหารเข้าไปรุกรานดินแดนของท่านและขอรับประกันว่าข้าจะยกทัพไปสั่งสอนเยลู่ชิง หากมิตกลงตามนี้…ก็อย่ามาหารือกันอีก ! ”

“ส่วนยาวิเศษนั่น ข้าจะมีหรือมิมีก็ได้เพราะข้างกายของข้าเต็มไปด้วยปรมาจารย์”

“แต่สำหรับท่านแล้ว ซีเซี่ยคือทุกอย่าง ข้าให้คำมั่นสัญญาว่าราชวงศ์ซีเซี่ยจะยังคงอยู่เช่นเดียวกับชื่อเล่อชวน ท่านก็เป็นจ่งตูของซีเซี่ยต่อไป… ข้าอาจจะให้ชาวซีเซี่ยปกครองชาวซีเซี่ยด้วยกันเอง หรือข้าอาจจะจัดระเบียบซีเซี่ยของท่านใหม่ไปเลยก็ย่อมได้ ส่วนเรื่องที่ท่านอาจจะเปลี่ยนใจไปร่วมมือกับราชวงศ์เหลียว ข้าขอบอกตามตรงว่ามิได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ! ”

“ท่านรังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว ! ” ท่าป๋าวั่งบันดาลโทสะ

ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยกับหลิวจิ่นสั้น ๆ เพียงสองคำว่า “ส่งแขก ! ”