บทที่ 629 ที่แท้ก็เป็นทายาทคนรวยรุ่นสอง

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 629 ที่แท้ก็เป็นทายาทคนรวยรุ่นสอง

เหอเมี่ยนเมี่ยนไม่ได้รับฟังอย่างเดียวขณะที่เขาพูด หล่อนพูดขึ้นว่า “พูดให้เป็นรูปธรรมหน่อยค่ะ แม้แต่ธุรกิจครอบครัวของแฟนทำอะไรบ้างฉันก็ยังไม่รู้ มันหมายความว่าอย่างไรกันคะ?”

ก่อนหน้านี้แม่ของหล่อนก็เคยถามหล่อนแล้วว่าครอบครัวโจวเฉวี่ยนทำงานอะไร? ตอนนั้นหล่อนตอบอะไรไม่ได้เลย พูดแค่เพียงว่าบ้านเขาเปิดร้านค้าทำธุรกิจส่วนตัว

ร้านอื่น ๆ หล่อนไม่รู้เลย หล่อนรู้เพียงร้านเกี๊ยว แต่ก็ไม่กล้าบอกรายละเอียดกับแม่ของหล่อนนัก กลัวว่าแม่หล่อนจะไม่ยินดีด้วย

หล่อนก็ได้แต่บอกว่าเขาเรียนสูงมีอนาคตไกลแน่นอน หน้าตาก็ดีตัวก็สูงทั้งยังเป็นคนพูดจามีอารมณ์ขัน ทั้งหมดนี้เป็นหล่อนที่ชมแฟนตัวเองทั้งสิ้นว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้

แม่ของหล่อนค่อนข้างหลอกง่าย ดึงดูดความสนใจนิดหน่อยก็เปลี่ยนเรื่องได้แล้ว

ท้ายที่สุดโจวเฉวี่ยนก็ไม่พูดอะไรเลยจริง ๆ ดีที่ตอนพาเขากลับบ้านพอพ่อแม่เธอเห็นเขาก็ชื่นชอบเขามาก ยิ่งมารู้ประวัติการศึกษาเขาด้วยแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ยิ่งอยากอบรมเลี้ยงดู

ปีนี้เขาพักการเรียนไปช่วงเวลาสั้น ๆ จึงไปลองทำความเคยชินกับการทำงานในแผนกนั้น

แต่ว่าเหอเมี่ยนเมี่ยนไม่เคยรู้ว่ามาก่อนเลยว่าครอบครัวเขาจะมีฐานะดีขนาดนี้

โจวเฉวี่ยนเห็นหล่อนอยากรู้จริง ๆ ก็นับนิ้วไล่บอกให้เธอรู้

กิจการในครอบครัวเขามีร้านเสื้อผ้า ร้านเกี๊ยว ร้านเครื่องดื่ม ร้านบุหรี่ และก็ร้านชาเหล่านั้น

“ยังมีร้านอาหารทะเลแห้งที่ผมเอากระเพาะปลา หอยเป๋าฮื้อและก็ปลิงทะเลพวกนั้นกลับไปฝากครอบครัวคุณตอนปีใหม่นั่นด้วย” โจวเฉวี่ยนพูดด้วยอาการปกติ

เหอเมี่ยนเมี่ยนอึ้งค้างไปแล้ว เดิมทีหล่อนนึกว่าแฟนของตนเป็นคนจน แม้จะไม่ถึงขั้นยากจน อย่างมากก็เป็นครอบครัวมีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าบ้านเขาจะมีกิจการมากมายขนาดนี้!

“ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีกำไรมากนักหรอก เทียบกับบ้านคุณไม่ได้เลย” โจวเฉวี่ยนพูด

“คุณนี่ปิดเก่งจริงนะคะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนตีเขาเบา ๆ เขาไม่บอกอะไรหล่อนเลย ตอนแม่หล่อนถาม หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรตอบไปว่าอะไร

“ไม่มีอะไรน่าพูดนี่ครับ ร้านพวกนั้นไม่ใช่ของผม เป็นของพ่อกับแม่ผม” โจวเฉวี่ยนพูด

“ของคุณอากับคุณน้าก็ถือว่าเป็นของคุณเช่นกัน คุณควรจะบอกฉันด้วยถึงจะถูก” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

โจวเฉวี่ยนพยักหน้า “ต่อไปผมจะจำไว้”

“แต่คุณอากับคุณน้าก็เหมือนกัน พวกเขามีเงินขนาดนั้น ทำไมถึงไปอยู่อะพาร์ตเมนต์นั่นเหรอคะ?” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

“ปีนี้พวกเขาก็น่าจะย้ายออกไปอยู่เรือนสี่ประสานแล้วล่ะ เฟอร์นิเจอร์ที่บ้านนั้นก็มีพอสมควรแล้ว” โจวเสวี่ยนพูดขึ้นเช่นกัน

“ห๊ะ? ยังมีเรือนสี่ประสานอีกเหรอคะ?” เหอเมี่ยนเมี่ยนเบิกตากว้าง

แม้ว่าบ้านของหล่อนจะเป็นเรือนสี่ประสานเหมือนกัน แต่ก็เพราะว่าเป็นเรือนสี่ประสานนี้แหละ หล่อนจึงรู้ราคาบ้านนั้นดี

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อพูดถึงเรือนสี่ประสานแล้ว หลินชิงเหอก็รู้สึกเศร้าใจมาก

หลังจากซื้อเรือนสี่ประสานมาแล้วหลังหนึ่ง เธอก็เตรียมจะซื้อหลังที่สองต่อ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย ช่างเป็นบ้านที่หาได้ยากจริง ๆ

และราคาเรือนสี่ประสานในตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือนกับเมื่อปีนั้นอีกแล้ว หากพวกเขาซื้อเรือนสี่ประสานหนึ่งวงหรือสองวงในปีนั้นต้องมีเงิน 300,000 หยวนได้

แต่ในปีนี้เรือนสี่ประสานแบบนั้นราคาสูงเกินเอื้อมแล้ว

ราคาบ้านทะยานขึ้นสูง แต่กลับมีบ้านน้อยมาก หรือบางทีที่อื่นอาจจะมี แต่หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่สามารถหามันพบได้

พวกเขาซื้อเรือนสี่ประสานเก็บเอาไว้นานแล้ว สวนดอกไม้อะไรนั่นก็จัดเสร็จแล้ว และยังคิดว่าจะจ้างแม่บ้านไว้ด้วยคนหนึ่ง

เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านทั้งหมดก็ซื้อใหม่เช่นกัน

กลับมาที่ ณ ปัจจุบัน

“คุณอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นเลย พวกเราพี่น้องก็เพิ่งรู้กันในปีนี้เหมือนกันว่าเดิมทีพ่อกับแม่ผมซื้อเรือนสี่ประสานเอาไว้” โจวเฉวี่ยนมองท่าทางของแฟนสาวแล้วก็อดพูดไม่ได้

เหอเมี่ยนเมี่ยนยอมรับแล้วจริง ๆ เขายังบอกว่าเธอเป็นคุณหนูอยู่อีก นี่เขาก็เป็นคุณชายคนหนึ่งเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง สำหรับเรื่องภายในครอบครัวของเขาพวกนี้หล่อนจะไม่ชอบได้ยังไง?

ตอนนี้เรือนสี่ประสานหนึ่งวงธรรมดาราคาอย่างต่ำก็ 200,000 หยวนแล้ว ถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็ต้องมีสัก 300,000 หยวนขึ้นไปเห็นจะได้

สามารถซื้อเรือนสี่ประสานไหวแบบนี้ ครอบครัวจะต้องเป็นเศรษฐีอย่างแน่นอน

โชคดีที่เมื่อก่อนหล่อนก็ยังคิดว่าแฟนตัวเองเป็นทายาทลูกคนรวยคนหนึ่งเหมือนกัน….

“ครอบครัวคุณมีญาติที่ไหนอีกไหมคะ? เรื่องพวกนี้คุณก็ควรต้องบอกฉันเหมือนกันนะคะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดอีก

โจวเฉวี่ยนรู้สึกจนปัญญา แต่หล่อนเป็นคนที่เขาจะแต่งงานด้วย หล่อนก็ควรต้องรู้ ดังนั้นเขาจึงเล่าให้ฟัง

บ้านเกิดของเขาที่นั่นมีคุณลุงกับป้าสะใภ้กี่คน และก็พี่น้องหญิงชายฝั่งพ่อ แต่ที่เขาเน้นหน่อยก็คือญาติที่อยู่ในเมืองหลวง เนื่องจากบ้านเกิดทางนั้นมีน้อยครั้งมากที่เขาจะกลับไป

“บ้านหลังนี้พ่อกับแม่ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่แรก ตอนนี้มีคุณปู่คุณย่าแล้วก็ปู่บุญธรรมอาศัยอยู่ ข้างบ้านด้านนั้นเป็นบ้านของคุณน้าและก็สามีหล่อน อีกสักพักผมจะพาคุณไปเยี่ยมพวกเขา ยังมีพี่สาวรองกับสามีของหล่อนที่มีลูกแฝดมังกรหงส์ด้วยคู่หนึ่ง”

“ครอบครัวคุณน้าเปิดร้านซาลาเปา และก็เป็นหุ้นส่วนกับร้านชาครอบครัวพวกเราด้วยร้านหนึ่ง แต่ก็ไม่มากนัก แม่ของผมหวังดีชวนเธอมาทำด้วยกัน ครอบครัวสามีของพี่สาวรองค่อนข้างจะเก่งกาจ ครอบครัวเขาทำงานอยู่ในคณะรัฐบาลกันทั้งบ้าน บางทีพ่อกับแม่ของคุณอาจจะเคยได้ยินชื่อพวกเขาก็ได้ สามีของพี่สาวรองออกมาเปิดโรงงานเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง โรงงานมีคนงานอยู่เกือบพันคน”

“พี่ชายใหญ่ของผมที่อยู่อีกด้านไม่มีอะไรน่าพูดมากนัก ปีนี้ไม่รู้ว่าจะได้เลื่อนขั้นหรือเปล่า แต่ผมได้ยินว่าเขาน่าจะได้เลื่อนขั้นแน่ ถ้าได้เลื่อนขั้นปีนี้ล่ะก็ ก็เป็นขั้นพันตรีแล้ว และปีนี้เขาน่าจะแต่งงานกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กด้วย ก็พี่เหม่ยเจี่ยที่พวกเรารู้จักนั้นแหละ หล่อนอยู่ที่นั่นเป็นหัวหน้าพยาบาล”

เขาเล่าเรื่องเพียงเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว

โจวเฉวี่ยนรู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เซี่ยงไฮ้เอาไว้ไม่น้อย และเขาก็คิดว่าที่ปักกิ่งก็น่าจะมีอีกไม่น้อยเช่นกัน แต่ว่าเรื่องเหล่านี้เขาไม่ได้พูด

หลังจากนี้ค่อยพูดก็ยังไม่สาย

แต่จากทั้งหมดที่เขาพูดมาก็เห็นได้ชัดแล้วว่าบ้านของเขาร่ำรวยมาก

เหอเมี่ยนเมี่ยนในตอนก่อนหน้านี้มีความคิดที่แตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

“ทายาทคนรวยอย่างคุณ ติดดินเกินไปหน่อยแล้วค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

กลิ่นอายของแฟนหล่อนที่แผ่ออกมาให้ความรู้สึกแบบคุณชายผู้สูงศักดิ์อะไรแบบนั้น ใครจะรู้ว่าเขาเป็นคุณชายคนหนึ่งจริง ๆ

“ติดดินไม่ติดดินอะไรกันครับ ผมก็แค่ใช้ชีวิตตามปกติเอง” โจวเฉวี่ยนพูด

เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีอะไรผิดแปลก คิดว่าตนเองคงจะชินไปแล้วล่ะมั้ง แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือมันต้องเป็นสิ่งที่เขาหามาได้ด้วยตัวเองมากกว่า

ดังนั้นเรื่องเหล่านี้เขาจึงไม่เคยบอกให้เหอเมี่ยนเมี่ยนรู้

เหอเมี่ยนเมี่ยนจึงค่อยสบายใจขึ้น มีครอบครัวเช่นนี้แถมโจวเฉวี่ยนยังเป็นคนมีความสามารถขนาดนี้ด้วย แม่ของหล่อนย่อมไม่คัดค้านเรื่องของหล่อนกับเขาแน่นอน

ไม่นานท่านพ่อโจวกับผู้เฒ่าหวังก็กลับมาแล้ว พวกเขาไปเล่นหมากรุกกันที่สวนสาธารณะ ตอนนี้ก็ได้เวลาพอสมควรแล้วจึงพากันกลับมา

พอกลับมาก็ถึงได้เห็นโจวเฉวี่ยนกับเหอเมี่ยนเมี่ยน

“คุณปู่ครับ คุณปู่บุญธรรม” โจวเฉวี่ยนเรียกพวกเขา และก็แนะนำเหอเมี่ยนเมี่ยนเช่นกัน

เหอเมี่ยนเมี่ยนขานเรียก “สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะคุณปู่บุญธรรม หนูชื่อเหอเมี่ยนเมี่ยนค่ะ”

ท่านพ่อโจวกับผู้เฒ่าหวังพอเห็นแฟนของหลานชายก็รู้สึกดีใจมาก พวกเขายิ้มตอบหล่อน หลังจากนั้นก็นั่งลงแล้วชงชาให้ดื่ม

โจวเฉวี่ยนรับมา หลังจากแช่ใบชาสักพักแล้วจึงค่อยดื่ม สองตาเฒ่ากลับบ้านมาได้ไม่ทันไร ท่านแม่โจวก็หิ้วปลากับไก่ที่เชือดและสับเรียบร้อยดีกลับมาแล้ว

…………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตะลึงเลยไหมคะเมี่ยนเมี่ยน ครอบครัวนี้ดูเหมือนใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่จริง ๆ แล้วสินทรัพย์เยอะมากนะคะ

ในที่สุดก็มีการพูดถึงเรือนสี่ประสานของแม่สักที ไม่ได้พูดถึงนานจนฝุ่นจะจับหมดแล้วนั่น

ไหหม่า(海馬)