บทที่ 1833 ดูซิว่าพวกเขาจะเล่นลูกไม้อะไร
เวลานี้เป่ยโต่วทรงตัวได้แล้ว เขาชูนิ้วโป้งให้กับผู้อาวุโสสามบนที่นั่งคนขับ “แค่มองก็รู้ว่าผู้อาวุโสสามคือคนขับรถที่มีประสบการณ์!”
สิ้นคำพูดนี้ ก็มีผู้ชายสิบกว่าคนเดินลงมาจากรถบรรทุกขนาดเล็กที่จอดแนวขวางอยู่ด้านหน้า และตรงดิ่งเข้ามาล้อมรถยนต์ไว้
“เชี่ย นี่มันหมายความว่ายังไง คนขับรถที่นี่โหดขนาดนี้เลยเหรอ พูดไม่เข้าหูก็จะตีกันแล้ว? ” เป่ยโต่วมองคนสิบกว่าคนเบื้องหน้าอย่างงุนงง “ที่นี่…คนขับรถยังพาลูกน้องมาด้วยงั้นเหรอ…คนขับรถที่นี่ก็โหดเกินไปแล้วมั้ง!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชีซิงก็เหล่มองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง “เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่อง”
“หาเรื่อง!?” เป่ยโต่วตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีทันที “แต่ไหนแต่ไรมีแค่พวกเราที่ไปหาเรื่องคนอื่น ยังไม่เคยมีใครเคยหาเรื่องพวกเรามาก่อน วันนี้ถ้าฉันไม่ได้อัดพวกมันจนขี้แตกฉันก็ไม่ใช่เป่ยโต่วเว้ย”
พูดจบ เป่ยโต่วก็ตั้งท่าเตรียมจะเปิดประตูรถลงไป แต่กลับถูกเยี่ยหวันหวั่นขวางไว้ก่อน
ในคนพวกนี้มีสองคนที่เยี่ยหวันหวั่นคุ้นตาอยู่บ้าง ถ้าตัวเองมองไม่ผิดละก็ คนพวกนี้น่าจะเป็นบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือ
‘ปึง!’
วินาทีถัดมา ประตูรถก็ถูกชายวัยกลางคนที่นำหน้าเปิดออก
“ออกมา”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยเสียงเย็นชา
เวลานั้นมุมปากของเยี่ยหวันหวั่นก็ยกขึ้นน้อยๆ แล้ววาดเป็นรอยยิ้มเย็นชาสุดขั้วกระดูก
นี่กลับน่าสนใจขึ้นมาสักหน่อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอออกจากรัฐอิสระแล้วกลับมายังประเทศจีนเดิมทีก็ตั้งใจที่จะกวาดล้างตระกูลซืออยู่แล้ว แต่พอเห็นว่าซือเยี่ยหานกลับมา ในใจก็คิดว่าซือเยี่ยหานจะต้องจัดการได้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ลงมือใดๆ
แต่ตอนนี้เดาว่าซือเยี่ยหานคงวิ่งกลับรัฐอิสระไปแล้ว และดูเหมือนว่าซือเยี่ยหานจะไม่สนใจฝั่งของตระกูลซือ…
ตัวเธอเองก็ไม่เคยยุแหย่เบื้องบนพวกนั้นของตระกูลซือมาก่อน แต่พวกนั้นกลับส่งตัวเองมาหาเธอถึงที่…
“พวกแกแม่งมาจากไหนวะ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร!” เป่ยโต่วพลันโมโหขึ้นมาแล้ว…
“ฉันจะพูดอีกรอบ ไสหัวลงมา ทุกคน” ดวงตาของหัวหน้าฉายแววอย่างหมดความอดทน
ไม่รอให้เป่ยโต่วเอ่ยปากใดๆ เยี่ยหวันหวั่นก็ก้าวลงจากรถ
เมื่อเห็นดังนั้นพวกเป่ยโต่วกับชีซิงก็รีบตามลงไป
“ขึ้นรถ”
ทันใดนั้นคนสิบกว่าคนก็ลากตัวเยี่ยหวันหวั่นกับพวกผู้อาวุโสใหญ่เข้าไปในรถบรรทุก
เมื่อเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย เป่ยโต่วมีสีหน้างุนงง นี่จะทำอะไร…
ในเมื่อพี่เฟิงไม่ได้ลงมือ…ถ้างั้นเขาควรจะลงมือหรือไม่…แล้วถ้าเขาไม่ลงมือ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้! แต่ถ้าตัวเขาลงมือโดยที่พี่เฟิงก็ไม่ได้สั่ง…นี่มันปัญหาโลกแตกชัดๆ!
เมื่อเป็นแบบนี้เอง เป่ยโต่วที่กำลังสับสนซ้ำไปซ้ำมาก็ถูกจับยัดเข้าตู้บรรทุกของรถบรรทุกแล้ว
ภายในรถบรรทุกที่มืดสนิท สามารถรับรู้ได้ว่ารถบรรทุกกำลังแล่นด้วยความเร็วสูง
“พี่เฟิง ทำไมไม่อัดพวกนั้นล่ะ!” เป่ยโต่วมีสีหน้างุนงง เขาเป็นถึงอันธพาลน้อยของรัฐอิสระอันยิ่งใหญ่แต่กลับถูกพวกสวะกลุ่มหนึ่งลักพาตัวขึ้นตู้บรรทุกของรถบรรทุกเนี่ยนะ!
ถ้าเขากลับไปยังรัฐอิสระหลังจากนี้จะอยู่ยังไง! จะยืนอยู่ในรัฐอิสระได้ยังไง
“ที่พี่เฟิงไม่ลงมือรับรองว่าต้องมีแผนอะไรแน่” ชีซิงเอ่ย
“แผนอะไรกัน…น่าขายหน้าเกินไปแล้วนะ เกิดเรื่องน่าขายหน้าอย่างนี้ หลังจากนี้ฉันก็ไม่มีหน้าไปเจอแม่ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” เป่ยโต่วถอนหายใจ
ชีซิงนิ่งเงียบ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสใหญ่หมดคำพูด
ผู้อาวุโสสามก็เงียบเช่นกัน
“ไม่จำเป็นต้องบุ่มบ่าม คนพวกนี้พุ่งเป้ามาที่ฉัน ถึงตอนนั้นรอดูฉันส่งสัญญาณก็พอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกำชับ
เธออยากดูซิว่าฝั่งเบื้องบนของตระกูลซือจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่
——————————————————————–
บทที่ 1834 ไม่เจอกันนาน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดรถบรรทุกก็ไม่สั่นอีก มันจอดลงอย่างค่อนข้างนิ่งเงียบ
ไม่นานตู้บรรทุกก็ถูกเปิดออก เยี่ยหวันหวั่นกับพวกเป่ยโต่วก็ถูกพาตัวออกมา
หลังจากลงจากรถ เยี่ยหวันหวั่นก็พิจารณามองไปรอบด้าน รถบรรทุกขับตรงเข้ามาในบ้านตระกูลซือ
เยี่ยหวันหวั่นคุ้นชินกับตระกูลซือมาก และเขตนี้ก็คือเขตบังคับกฎของตระกูลซือ เป็นสถานที่ที่ใช้ในการขังและสอบสวน
“เชี่ย นี่คือที่ไหน”
เป่ยโต่วพิจารณามองไปรอบๆ บ้านตระกูลซือ
“อย่าพูดจาไร้สาระ”
บอดี้การ์ดลับก้าวขึ้นมาด้านหน้า แล้วผลักพวกเยี่ยหวันหวั่นเข้าไปในห้องสอบสวน
หลังจากโยนพวกเยี่ยหวันหวั่นเข้าไปในห้องสอบสวนแล้ว บอดี้การ์ดลับก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็วและล็อกประตูห้องสอบสวนไว้
ภายในห้องสอบสวน ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามมองหน้าสบตากัน ส่วนเป่ยโต่วก็มองเยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิง ตกลงแล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆ คนพวกนี้ก็ทำเหมือนกับพวกเราเป็นนักโทษ…”
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็หัวเราะน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
เมื่อก่อนตอนยังไม่ไปยังรัฐอิสระ เยี่ยหวันหวั่นก็ได้รู้ตัวตนของคุณเอริกจากปากของพวกซือหมิงหลี่ แต่ว่าเอริกคนนี้เป็นใครกันแน่ และช่วยให้พวกซือหมิงหลี่หวนคืนด้วยจุดประสงค์อะไรกัน เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
และตอนนี้ ไม่สู้ย้อนแผนดูว่าจะดึงดูดเอริกคนนั้นได้หรือเปล่า
“ไม่ต้องร้อนรน ดูสัญญาณตาจากฉันแล้วค่อยลงมือก็พอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบ
ตระกูลซือหนึ่งคนย่อมขังพวกเธอไม่อยู่ เหตุผลที่เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ขัดขืนก็เพราะอยากลอบเข้ามาในตระกูล และดูหน้าคุณเอริกคนนั้นที่ซือหมิงหลี่อ้างถึง
ผ่านไปนาน ประตูห้องสอบสวนก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามานั่งลงตรงหน้าพวกเธอ
“ขอแนะนำตัวสักหน่อยก่อน ฉันคือบอดี้การ์ดลับคนใหม่ของตระกูลซือ” ชายวัยกลางคนพินิจมองเยี่ยหวันหวั่นขณะเอ่ยปาก
“งั้นนายก็คงรู้แล้วว่าฉันคือใคร เพราะงั้นฉันก็ไม่ต้องแนะนำหรอกมั้ง” เยี่ยหวันหวั่นจ้องชายคนนั้น
“หึๆ …” ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงเย็น “แน่นอนว่าไม่ต้อง คุณหนูเยี่ยหวันหวั่น…อดีตคุณนายของตระกูลเยี่ย”
“ในเมื่อรู้ตัวตนของฉันแล้วพวกนายยังกล้าจับฉัน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“หึๆ …คุณหนูเยี่ย ผมก็แค่คนงานของตระกูลซือเท่านั้น…หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับผมได้ อย่าทำให้ทุกคนต้องลำบากเลย…ผมขอถามคุณหน่อย ซือเยี่ยหานอยู่ไหน” ชายคนนั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็เผยท่าทางครุ่นคิด ที่แท้ก็ไม่ต่างจากที่เธอคิดไว้เลย ที่เบื้องบนของตระกูลซือจับตัวเธอมาก็เพราะซือเยี่ยหาน
“ซือเยี่ยหานเป็นหัวหน้าตระกูลซือของพวกนาย แล้วทำไมต้องมาถามฉันล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างไม่แยแส
“หัวหน้าตระกูลซือ?” ชายวัยกลางคนพ่นลมออกจมูก “นั่นเป็นเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว…คุณหนูเยี่ย ผมแนะนำว่าคุณควรให้ความร่วมมือเสียดีๆ ให้ซือเยี่ยหานปรากฏตัว ไม่งั้นละก็…จุดจบของพวกคุณเกรงว่าคงน่าสังเวช”
“ทำไม ตระกูลซือตอนนี้ไม่มีคนแล้วก็เลยให้บอดี้การ์ดลับตัวเล็กๆ อย่างนายวิ่งมาสอบสวนเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบเฉย
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นเอ่ยคำนี้ออกมา สีหน้าของชายวัยกลางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยว่า “หึ…คุณคิดว่าการที่คุณไม่พูด ผมก็อับจนหนทางแล้วเหรอ คุณจะต้องเปิดปากพูดแต่โดยดี”
เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็หัวเราะเยาะก่อนที่จะปรบมือ
วินาทีถัดมา ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถูกบอดี้การ์ดลับตระกูลซือหลายคนลากเข้ามา
“อะ…อาจารย์!” หลังจากได้เห็นเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที
เวลานี้หัวคิ้วของเยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดเล็กน้อย ชายหนุ่มที่ถูกลากเข้ามาตรงหน้าก็คือสืออีที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว